Ch.52 – องค์หญิงซิลเวียร์กับองค์หญิงเรเนส ครุ่นคิดเรื่อง[ราชาแห่งชายแดน]

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

 ──มุมมององค์หญิงซิลเวียร์──

 

“ขอปรึกษากับท่านพี่นิดหน่อยค่ะ”

 

ซิลเวียร์พูดแบบนั้นแล้วก็ออกจากห้องรับแขกไปพร้อมกับองค์หญิงเรเนส

แล้วก็ไม่ลืมที่จะสั่งเมดที่ยืนตรงทางเดินว่าให้เตรียมมื้ออาหาร

 

การที่ตระกูลเจ้าเมืองคิโทลจะต้อนรับแขกก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว แถมอีกฝ่ายยังนำข่าวคราวของท่านพ่อกับท่านพี่มาบอก จะไม่ต้อนรับไม่ได้

 

แต่ว่า ข้อมูลนั้นจริงหรือปลอม ตอนนี้ก็ยังยืนยันไม่ได้

 

“…คิดยังไงกับข้อมูลที่[ราชาแห่งชายแดน]นำมาคะ? ท่านพี่เรเนส”

 

ซิลเวียร์ที่ย้ายมาที่ห้องของตนก็หันหน้าถามเรเนสออกไป

 

“ข้อมูลที่[ราชาแห่งชายแดน]นำมาเป็นของจริงหรือเปล่า? แถมก็ยังไม่รู้เหตุผลที่เขาต้องการ[ซากปรักหักพังยุคจักรพรรดิมังกร]ด้วยค่ะ ท่านพี่ คิดยังไงเหรอคะ?”

“จะยังไงก็ช่างอยากจะให้2คนนั้นกลับไปจังเลย”

“ท่านพี่!”

“กลัวกลัวกลัว [ราชาแห่งชายแดน]น่ากลัว…น่ากลัวอะ ซิลเวียร์…”

“ค่าค่า ดื่มชา ให้ใจเย็นลงเถอะค่ะ”

 

ซิลเวียร์ยื่นชาที่ใส่นมกับน้ำตาลให้เรเนส

 

“คืนนี้ จะนอนด้วยกันได้ไหม ซิลเวียร์?”

“ค่าค่า”

“ห้องโถงใหญ่นะ! ห้องนอนกำแพงมันใกล้ไป…กลัวอะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ ท่านพี่”

 

ซิลเวียร์ลูบหัวพี่สาว

พอสบายใจได้ เรเนสก็เริ่มดื่มชา

 

“อยากถามความเห็นของฉันสินะ ซิลเวียร์”

 

ไม่รู้เพราะว่าดื่มชาเลยใจเย็นลงหรือเปล่า แต่เรเนสก็คลายสีหน้าลงแล้วเริ่มพูดออกมา

 

“ก่อนอื่นก็เกี่ยวกับข้อมูลที่[ราชาแห่งชายแดน]นำมา…ฉัน คิดว่าเป็นความจริง”

“…ท่านพี่ก็ด้วยเหรอคะ”

“อืม ก็[ราชาแห่งชายแดน]นำชุดของหัวหน้าหน่วยโดรุสมาด้วยนี่นา”

 

เรเนสมองถ้วยชาที่ว่างเปล่าอย่างเศร้าสร้อยแล้วก็พูดต่อ

 

“คนที่ส่งเขากับเซร่าไปยัง[จุดเชื่อมเมือง]ก็คือพวกเราเอง การที่นำชุดนั่นมา แสดงว่า[ราชาแห่งชายแดน]ได้พบกับ2คนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย”

“แต่ว่าความเร็วในการเดินทางของ[ราชาแห่งชายแดน]มันเร็วเกินไปค่ะ ตอนที่พวกเราส่งโดรุสไป ก็หลายวันก่อนนะคะ? จะบอกว่า[ราชาแห่งชายแดน]ไปถึง[จุดเชื่อมเมือง]…”

“ก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่เหรอ นั่นน่ะ[ราชาแห่งชายแดน]นี่นา”

“ช่วยไม่ได้สินะคะ [ราชาแห่งชายแดน]สินะคะ”

 

พี่น้องตระกูลเจ้าเมืองคิโทลมองหน้าแล้วพยักหน้าให้กัน

 

“ยิ่งกว่านั้น แล้วเรื่องที่ต้องการ[ซากปรักหักพังสมัยจักรพรรดิมังกร] นี่คิดยังไง?”

“[ราชาแห่งชายแดน]บอกว่าจะให้ยืมพลังค่ะ ในฐานะพันธมิตรแล้ว ก็ควรจะเชื่อใจ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องส่งของที่จำเป็นให้ใช่ไหมล่ะคะ? ถ้าจำไม่ผิดใกล้ๆกับถนนที่มุ่งไป[จุดเชื่อมเมือง] ก็ยังมีซากปรักหักพังที่ตอนนี้ยังไม่ได้สำรวจอยู่ค่ะ”

 

ซิลเวียร์ชี้ไปยังป้ายผ้าที่แขวนอยู่ที่กำแพงห้องตัวเอง

เป็นของที่ได้มาจากท่านพ่อก่อนหน้านี้ มันถักเป็นแผนที่เขตเจ้าเมืองคิโทล

เป็นของแบ่งเป็นส่วนๆให้3พี่น้อง ของที่ซิลเวียร์ได้เป็นฝั่งตะวันตกของเขต มีถนนที่ผ่านไปยัง[จุดเชื่อมเมือง]วาดเอาไว้

ตรงกลางมีปราสาทที่อยู่ตะวันตกสุดของ[เขตเจ้าเมืองคิโทล] รอบๆถูกเขียนว่าเป็นป่า

 

挿絵(By みてみん)  

ทำให้เขตเจ้าเมืองคิโทลนั้นเต็มไปด้วยภูเขา ถึงจะได้รับพรของภูเขาทำให้อุดมสมบูรณ์ แต่ที่ราบให้ถางก็มีน้อย

แน่นอนว่า การที่ถูกล้อมด้วยภูเขา ก็ทำให้ได้เปรียบในเรื่องปกป้องอาณาเขตได้ง่าย ถ้าเกิดญาติของ[สิบปราชญ์]ยกทัพบุกมา สนามรบก็จะถูกจำกัดไว้ สามารถเตรียมการทหารระดับสูงไว้ได้

เพียงแต่ นั่นก็เป็นกรณีที่ท่านพ่อ อัลโกส คิโทลเป็นคนนำทัพ

เรเนสกับซิลเวียร์ยังประสบการณ์ในการรบน้อย ถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องในคราวนี้ก็คงต้องหวังพึ่งผู้บัญชาการนตอนนั้น คนที่พวกซิลเวียร์ยุ่งเกี่ยวอย่างลึกซึ้งได้ก็มีอยู่จำกัด คนที่สามารถเชื่อได้จากใจก็คือแค่2คนเท่านั้น

 

“…พอจินตนาการถึงตอนที่ไม่มีข้อมูลจาก[ราชาแห่งชายแดน]แล้ว…ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเลยนะคะ ท่านพี่”

“…เรื่องขอเห็นด้วย ถ้าเกิดไม่มีข้อมูล แล้วอยู่ๆได้รับรายงานมาว่ามีทัพมาโจมตีล่ะก็ …”

 

ทั้งพวกซิลเวียร์ ทั้งประชาชน คงจะตกอยู่ในความอลหม่านแน่

สำหรับ[ราชาแห่งชายแดน]ที่นำข้อมูลมาให้ ไม่ว่าขอบคุณเท่าไหร่ก็คงไม่พอ

 

“ให้[ราชาแห่งชายแดน]ไปดูที่ซากปรักหักพังที่สุดขอบทางเหนือของเขตเถอะค่ะ”

“หอคอยเก่าๆ ที่อยู่ริมทะเลสาปเหรอ”

“ค่ะ สำหรับ[ราชาแห่งชายแดน] ฉันเชื่อว่าการไปดูซากปรักหักพังก็มีความหมายค่ะ”

“สำหรับฉันแค่เขาออกไปจากที่แห่งนี้ ก็พอแล้วล่ะ”

“ท่านพี่…”

“แล้วก็ขอฝากหน้านี้นำทางด้วยล่ะ ข้างๆซากปรักหักพังมีปราสาทอยู่สินะ แม่ทัพฝ่ายเรเนสของเรา ฮิลก้าคงจะอยู่ที่นั่นแน่ๆ ไปให้เธอนำทางไปซาปรักหักพังเถอะ”

“…ดีจังเลยนะคะ ท่านพี่”

 

ซิลเวียร์พึมพำออกมา

 

ฝ่ายบู๊และะฝ่ายบุ๋นที่สังกัดตระกูลเจ้าเมืองคิโทลแบ่งออกเป็น3ฝ่ายคือฝ่ายพี่คนโตมิเรน่า ฝ่ายบุตรีคนรองเรเนส ฝ่ายบุตรีคนที่สามซิลเวียร์ แถมยังมีการแข่งกันในแบบคลื่นใต้น้ำ ทหารของฝ่ายเรเนสซิลเวียร์จะไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนฝ่ายซิลเวียร์เองก็เป็นแบบเดียวกัน

การที่เรเนสยอมใช้ทหารของฝ่ายตัวเองเพื่อซิลเวียร์ นี่ถือเป็นครั้งแรก

 

“ไม่ใช่เวลาที่พี่น้องจะมาทะเลาะกันนี่นา ไม่คิดงั้นเหรอ?”

 

เรเนสยิ้มมุมปาก

 

“ฉันเองก็ต้องขอบคุณ[ราชาแห่งชายแดน]สินะ ถึงได้สงบสุขกับเธอได้ ซิลเวียร์ ถ้าไม่มีพันธมิตรที่น่ากลัวคนนั้น พวกเราก็ยังคงกัดกันจนถูกทัพศัตรูบดขยี้เอาได้”

“…ท่านพี่”

“พวกเรา3พี่น้องคิโทลต้องรวมพลังกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจจะขับไล่ทัพของ[สิบปราชญ์]ไปได้ [ราชาแห่งชายแดน]ที่น่ากลัวคนนั้น–ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องขับไล่คนนั้นสินะ? เพียงแต่ เจ้ารั้วที่น่ากลัวพวกนั้น………กลัวกลัว รั้ว รั้วมาแล้ว กลัวอ่าา”

“ค่าค่า วันนี้มานอนด้วยกันนะคะ ท่านพี่”

 

ซิลเวียร์ลูบหลังของพี่สาวที่อยู่ๆก็กลายเป็นเด็กไม่เอาไหน

เหมือนกับได้กลับไปเป็นตอนเด็กจริงๆ แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจนถึงเร็วๆนี้จะแข่งกันแบ่งพรรคแบ่งพวกมาตลอด

 

ตั้งแต่ได้พบกับ[ราชาแห่งชายแดน] พี่น้องตระกูลเจ้าเมืองคิโทลก็เปลี่ยนไป

ถ้าเกิดมันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของตระกูลเจ้าเมืองล่ะก็–

 

“…[ราชาแห่งชายแดน]อาจจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ก็ได้นะคะ”

“ใจเย็นได้แล้ว! จะไปเขียนจดหมายถึงฮิลก้า เรียกเสมียนมาได้เลย!”

“ตั้งหลักใหม่ได้เร็วจังเลยนะคะท่านพี่เนี่ย!”

 

ซิลเวียร์สั่นกระดิ่งแล้วเรียกเสมียนมา

เรื่องของฮิลก้าแม่ทัพของฝ่ายเรเนส ซิลเวียร์เองก็รู้จัก เป็นแม่ทัพที่รูปงาม แต่ปกติจะสวมหมากเกราะคาบูโตะเอาไว้ ถึงขนาดได้รับฉายาจากท่านพ่อว่า“ผู้ไม่เคยแสดงสีหน้าใดๆ” เป็นใน[สองขุนพลเอก]ของตระกูลเจ้าเมืองคิโทล

 

ถ้าเป็นเธอก็คงจะทำหน้าที่นำทาง[ราชาแห่งชายแดน]ได้

 

“…แต่ถึงอย่างนั้น[ราชาแห่งชายแดน]เนี่ย กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะคะ”

“ซิลเวียร์ เธอสามารถเข้าใจเทพหรืออสูรได้ไหมล่ะ?”

“เทียบกับอสูรเนี่ยเสียมารยาทมากเลยนะคะ ท่านพี่เรเนส”

“หลับกันไอ้การที่คิดว่าสามารถเข้าใจตัวตนที่ยิ่งใหญ่ได้เนี่ยมันเสียมารยาทมากกว่าไม่ใช่เหรอไง”

“ช่างเถอะค่ะ พวกเราก็ไม่ได้มีทางเลือกอื่นนอกจากการตอบรับข้อเสนอของเขานี่นะคะ”

 

ซิลเวียร์มองพี่สาวแล้วพูดออกมา

 

“ในสถานการณ์อย่างนี้ถ้า[ราชาแห่งชายแดน]มาเป็นศัตรูล่ะก็ พวกเราก็ไม่มีทางต่อต้านได้หรอกค่ะ ถ้าอย่างนั้น ทางนี้ก็ควรร่วมมือค่ะ แถมสิ่งที่เขาขอมา ก็แค่ซากปรักหักพังค่ะ ถึงจะสำรวจไป ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับทางนี้ค่ะ”

“สำหรับฉันถ้าทำให้เขาไปไกลๆได้ก็ไม่มีอะไรบ่นหรอก”

“…ยังพูดแบบนั้นอีกเหรอคะ”

“ด้วยเหตุนี้ ฉันคงจะยุ่งกับการเขียนจดหมายส่งไปให้ฮิลก้าแล้วล่ะ การรับมือ[ราชาแห่งชายแดน] ก็ขอฝากเธอด้วยล่ะ”

 

องค์หญิงเรเนสพูดแบบนั้นแล้วก็โบกมือ

 

“หลังจากนั้น ก็จะเชิญพวกผู้บังคับบัญชามาประชุม ฉันเองก็จะทำเรื่องที่ฉันทำได้ล่ะ”

“ฉันเอง…หลังจากส่ง[ราชาแห่งชายแดน]แล้ว ก็จะเขียนจดหมายส่งไปที่เจ้าเมืองคนอื่นค่ะ เรื่องในคราวนี้[ตระกูลเจ้าเมืองคิโทล]ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าเป็นไปได้…ก็ใช้จังหวะนี้ มาหยุด[สิบปราชญ์]กันเถอะ…ค่ะ”

“ฝากด้วยล่ะ”

“ฝากตัวด้วยค่ะ”

 

ซิลเวียร์ยกชายกระโปรงทำความเคารพใส่หลังของพี่สาว

จากนั้นก็ออกจากห้องของตัวเองเดินไปยังห้องรับแขก

ในมือถือม้วนกระดาษหนังแกะ มันมีรูปของแผ่นป้ายอยู่ แผนที่เขตตะวันตกของเขตเจ้าเมืองคิโทล ตามจริงแล้ว มันไม่ใช่ของที่จะให้คนอื่นได้ แต่ว่า–

 

“ต้องมอบเจ้านี่–ให้กับ[ราชาแห่งชายแดน]”

 

ความเชื่อใจก็ต้องตอบกลับด้วยความเชื่อใจ

ถึงจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่ตระกูลเจ้าเมืองคิโทลก็เป็นตระกูลมีชื่อที่สร้างอัครมหาเสนาบดี เสนาบดีและแม่ทัพใหญ่มามากมาย

ความภาคภูมิใจนั้น ไม่มีทางลืมไปได้เด็ดขาด

 

“แล้วถ้าเป็นไปได้ [ราชาแห่งชายแดน]อาจจะช่วยขับไล่[สิบปราชญ์]…”

 

ที่เธอพึมพำออกมา อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องฝันเฟื่อง–

แต่ไม่รู้ว่าทำไมซิลเวียร์ถึงไม่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยก็ไม่รู