ปั้ง!
พลังเซียนของเหอเสี่ยวหลานถูกแสงสีทองทะลวงเข้ามาพร้อมกับเสียงดังลั่นมันเข้าปะทะที่ลำตัวของนาง
เหอเสี่ยวหลานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและก้าวไปด้านหลังใบหน้าเย็นชาของนางเต็มไปด้วยความกลัว
เซียนขั้นสองพ่ายแพ้อสูรเนรมิตรขั้นหนึ่งเพียงคนเดียว
นางคงจะไม่เชื่อถ้าไม่ได้เห็นกับตา
“หนีเร็ว!”
เหอเสี่ยวหลานกระโดดขึ้นเรือเหล่าเซียนที่เหลือถอยตามนางไป
ม่อเทียนฉวนไม่ไล่ล่านางน่าจะกังวลถึงเรื่องอื่น
ซือหยูไม่ไล่ตามไปเช่นกันเพราะเขามีเรื่องด่วนกว่าที่ต้องจัดการในตอนนี้ เรือไปทุกที่กำลังจะมาถึงแล้ว
พวกเขาได้ยินเสียงแตรเรือจากระยะไกลเสียงแตรนั้นคือเสียงเตือนให้ผู้โดยสายเตรียมตัว
เทพกิเลนกล่าว
“แค่นี้ก็พอแล้วนางเป็นลูกหลานเทพกระเรียนที่เป็นเทพอสูร ถ้าฆ่านาง เทพกระเรียนจะปล่อยไปง่าย ๆ แน่”
เทพกิเลนเรียกตั๋วเรือกับคายหอคอยในปาก
“เตรียมขึ้นเรือซะแม่นางม่อกับข้าจะเข้าไปในมุกวิญญาณเก้าหยกของเ…”
ก่อนที่เทพกิเลนจะพูดจบแสงสีขาวได้แล่นมาที่หน้าพวกเขา
มันเร็วจนแม้แต่ม่อเทียนฉวนที่เป็นเซียนขั้นสามตอบสนองไม่ทันนางซัดกระบี่ออกมาเมื่อรู้ตัว นางคว้าบางอย่างจากด้านหลังในความว่างเปล่า
พวกเขาได้ยินเสียงร้องครางขนนกสีขาวมากมายเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงและสีทอง
เหอเสี่ยวหลานกุมแขนขวาที่เลือดไหลนางยิ้มอย่างเยือกเย็นและปรากฏตัวที่หัวเรืออีกครั้ง
ซือหยูพบสัตว์ประหลาดขนาดฝ่ามือในมือขวาของนางมันคือเทพกิเลน!
นางจับตัวเทพกิเลนไปแล้ว!
ที่แย่ยิ่งกว่าก็คือตั๋วเรือนั้นยังอยู่ในมือเทพกิเลน
เหอเสี่ยวหลานจ้องมองม่อเทียนฉวนด้วยความระแวงนางสีหน้าหม่นหมองเมื่อเห็นว่าหอคอยร้อยชั้นอยู่ในมือม่อเทียนฉวน
เหอเสี่ยวหลานจับตัวเทพกิเลนด้วยวิชาอันยอดเยี่ยมของเทพกิเลน
นางคิดจะแย่งตั๋วเรือและหอคอยมาในตอนที่นางจับเทพกิเลน
แต่สตรีในชุดดำก็ปกปิดพลังเซียนขั้นสามของตัวเองเอาไว้นางทำให้เหอเสี้ยวหลานต้องบาดเจ็บและคว้าหอคอยร้อยชั้นที่สำคัญที่สุดมา
เหอเสี่ยวหลานจ้องมองซือหยูกับม่อเทียนฉวนอย่างเยือกเย็นนางไม่อยากจะและหอคอยร้อยชั้นกับเทพกิเลน นางสั่งผู้ติดตาม
“ไปจากที่นี่และแจ้งผู้คุมกฎอาวุโสที่ใกล้ที่สุด!หากไม่มีตั๋วเรือ พวกมันก็หนีไปจากโลกจิวโจวไม่ได้!”
เหอเสี่ยวหลานไม่อยากจะไว้ชีวิตซือหยูกับม่อเทียนฉวนนางต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดทั้งสองคน
นังผู้หญิงชั่ว!ซือหยูกับม่อเทียนฉวนไม่มีสิ่งใดผิดใจกับนาง แต่นางก็ดึงดันที่จะฆ่าพวกเขา
เมื่อเรือแล่นออกไปซือหยูกับม่อเทียนฉวนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทั้งสองจะขึ้นเรือไม่ได้เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร
หากไร้ซึ่งตั๋วเรือพวกเขาก็หนีออกไปไม่ได้ พวกเขาจะถูกฆ่าโดยผู้คุมกฎอาวุโสกลุ่มอื่นที่เหอเสี่ยวหลานเรียกมา ม่อเทียนฉวนพูดด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“เทพกระเรียนเจ้ามีลูกสาวที่ดีนัก!”
ซือหยูเลิกคิ้ว
“เจ้ามีวิถีตามพวกมันรึ?”
“ไม่…”
ม่อเทียนฉวนตอบด้วยความโมโหนางนั่งลงกับพื้นเพื่อฟื้นพลังราวกับจะต้องต่อสู้กับคนที่เหอเสี่ยวหลานเรียกมา
ซือหยูผิดหวังเมื่อเห็นเช่นนั้นม่อเทียนฉวนแข็งแกร่งมาก แต่นางก็เปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาในเวลาสุดท้าย ศัตรูในตอนนี้จะต้องระวังนางแล้ว
และซือหยูก็ไม่รู้ว่าเทพกิเลนอยู่ที่ไหนในตอนนี้
แม้เทพกิเลนจะถูกจับไปซือหยูก็เห็นว่าเขาปล่อยหอคอยออกมาในยามสุดท้าย จนม่อเทียนฉวนชิงกลับมาได้
โลกจิวโจวคือชีวิตของเทพกิเลนเขายอมเสียแหล่งพลังเทพสุดท้ายดีกว่าจะเสียจิวโจวในหอคอยไป
“เทพกิเลน…”
ซือหยูพูดเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง เทพกิเลนนั้นห่วงใยจิวโจวที่เป็นโลกของตัวเองมาก ซือหยูจะไม่ทิ้งเทพกิเลนให้ตาย
ยิ่งเทพกิเลนถูกจองจำนานเท่าใดเขาก็จะยิ่งพบกับอันตรายมากเท่านั้น
เขาต้องหาเหอเสี่ยวหลานให้เจอโดยเร็วแต่พวกเขาก็มิอาจออกจากจิวโจวได้เมื่อไร้ตั๋วเรือ
วูม!
วูม!
เสียงแตรเรือดังขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเห็นเรือลำยักษ์ค่อย ๆ แล่นเข้ามา
เรือลำนี้ใหญ่กว่าเรือของเหอเสี่ยวหลานเป็นร้อยเท่า
มองจากระยะไกลมันดูเหมือนกับเมืองลอยฟ้า เรือมาถึงแล้วแต่พวกเขาไม่มีตั๋ว
ถ้าหากเรือสัมผัสพลังของตั๋วไม่ได้มันจะแล่นออกไปจากจิวโจวอย่างไม่ลังเล
ต่อมาเสียงของแตรเรือได้ห่างออกไป ซือหยูเป็นกังวล ตั๋ว! ข้าต้องการตั๋ว…
เกิดความคิดแล่นเข้ามาในใจซือหยูปานสายฟ้า
เขาเรียกภาพเขียนออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยกหลังจากเปิดม้วนภาพ สตรีที่งดงามที่สุดก็แสดงให้เห็น
ม้วนภาพนี้เก่าแก่แต่พลังของมันชัดเจน
ม่อเทียนฉวนจ้องซือหยูและถาม
“เจ้าเอามันออกมาทำไม?นี่มันไม่ใช่ตั๋…”
แต่ก่อนที่นางจะพูดจบทั้งสองก็ได้ยินเสียงแตรเรือที่ห่างหายใกล้เข้ามาอีกครั้ง
เงาขนาดมหึมาเข้าใกล้ผ่านหมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ
ที่เรือหยกขาวมีคำว่า‘ไปทุกที่’ เขียนเอาไว้
บันไดลิงยาวหล่นลงมาที่หน้าซือหยู
ม่อเทียนฉวนจ้องมองม้วนภาพในมือซือหยูด้วยความสงสัยนี่มันไม่ใช่ตั๋วเรือแน่นอน! แต่มันเรียกเรือมาได้ยังไง?
“เจ้าไปในมุกวิญญาณเก้าหยกก็พอ!”
เมื่อม่อเทียนฉวนเข้าไปยังมุกวิญญาณเก้าหยกซือหยูก็ปีนขึ้นเรือผ่านบันไดลิง
เซียนขั้นสองสองคนเฝ้าทางเข้าหลังจากเหลือบมองซือหยูอย่างไร้อารมณ์ ทั้งคู่ก็ดึงบันไดลิงกลับและไม่ได้ตรวจดูตั๋วเรือของซือหยู
เรือนั้นมีค่ายกลตรวจตั๋วอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่มีใครตรวจสอบตั๋วอย่างละเอียด แต่คนเฝ้าทางเข้าอาจจะตรวจตั๋วบ้างเมื่ออารมณ์ร้อน หากอารมณ์ดี พวกเขาก็ไม่ตรวจตั๋วเนื่องจากค่ายกลบนเรือไม่ได้พบตั๋วปลอม
ซือหยูแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกถ้าหากคนเฝ้าทางเข้าทั้งสองตรวจตั๋วของเขามันก็ยากที่เขาจะอธิบายได้
ตอนที่เทพกิเลนแสดงตั๋วให้ซือหยูเขาสัมผัสได้ว่าพลังของตั๋วนั้นเป็นพลังที่คุ้นเคย
ซือหยูนึกขึ้นได้ว่าภาพเขียนเซี่ยจิงหยูนั้นมีพลังแบบเดียวกับตั๋วเรือ
ภาพเขียนนี้ถูกพบโดยรองจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ในแดนตะวันตก
แต่เหตุใดมันถึงมีพลังเดียวกับตั๋วเรือไปทุกที่เล่า?
เทพกิเลนบอกเขาว่าตั๋วเรือมิอาจถูกลอกเลียนได้เพราะวัตถุดิบชนิดพิเศษที่สร้างมันขึ้นมา
หรือว่าภาพม้วนนี้จะมาจากวัตถุดิบแบบเดียวกัน?
ต่อหน้าคนมากมายบนเรือซือหยูมิอาจหยิบม้วนภาพขึ้นมาดูได้ เขาเดินไปยังห้องโดยสาร
มีห้องว่างมากมายบนเรือผู้โดยสารสามารถใช้ห้องได้อย่างอิสระ ซือหยูเลือกห้องใหญ่ห้องหนึ่ง
เมื่อเขาเดินเข้าไปเขาก็เรียกม่อเทียนฉวนออกมา
“เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรือนี้บ้าง?”
ซือหยูถาม
ม่อเทียนฉวนรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะถามซือหยูนางจึงตอบ
“เรือนี้จะไปถึงพันธมิตรเทพบูรพาในอีกหกเดือน!”
ซือหยูตาลุกวาว
“ถ้าหากมีการแทรกแทรงในเรือกัปตันเรือจะส่งตัวเราให้พวกมันหรือไม่?”
ม่อเทียนฉวนตอบอย่างไม่ลังเล
“แน่นอน!ผู้คุมกฎอาวุโสมีสิทธิ์จับใครก็ได้ ถ้าพวกมันพยายามจับเราบนเรือ กัปตันเรือจะไม่หยุดพวกมัน!”
ซือหยูถาม
“มีสิ่งใดในเรือที่ผู้คุมกฎอาวุโสไม่มีสิทธิ์นำออกไปหรือไม่?”
ม่อเทียนฉวนตกใจในคำถามนางตอบหลังจากหยุดคิด
“ผู้คุมกฎอาวุโสมีสิทธิ์นำคนออกจากเรือเท่านั้นเรือสินค้าคือเข็มขัดเส้นสำคัญที่ยึดเหนี่ยวพันธมิตรเทพบูรพากับโลกในธารดาราเอาไว้ แม้แต่เทพก็มิอาจบอกให้ลูกหลานทำอะไรเรือสินค้าได้ยกเว้นแต่ผู้คน การทำผิดกฎจะส่งผลให้ถูกริบสิทธิ์การเป็นคนของผู้คุมกฎอาวุโส!”
อย่างนั้นรึ?ซือหยูเริ่มคิด
หนึ่งเดือนต่อมา…
แดนตะวันตกในจิวโจวได้กลายเป็นดินแดนว่างเปล่า
เหอเสี่ยวหลานกลับมาด้วยเรือลำใหญ่และลำเล็ก
บนเรือลำเล็กมีเมิ่งเค่อและชายวัยกลางคนในผ้าคลุมบาง
มีผู้คุมกฎอาวุโสอีกคนและผู้ติดตามบนเรือลำใหญ่
เขาตัวอ้วนเตี้ย และน่าเกลียด เขาอายุราวยี่สิบ เขาลืมตาซ้ายไม่ได้เพราะเนื้อที่งอกออกมา เขาใช้ได้เพียงตาขวา
แต่ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งมากเขาเป็นเซียนขั้นสาม
ชายวัยกลางคนในชุดผ้าคลุมบางเป็นเซียนขั้นสี่เขามากับเหอเสี่ยวหลานที่เป็นเซียนขั้นสอง และผู้ติดตามที่เป็นเซียนขั้นหนึ่งสิบคน คนกลุ่มนี้แข็งแกร่งมาก
“เขาอยู่ไหน?”
เหอเสี่ยวหลานพูดเมื่อมองทั่วทั้งแดนตะวันตกนางสัมผัสพลังของซือหยูกับม่อเทียนฉวนไมไ่ด้เลย
ชายหนุ่มตาเดียวถามด้วยเสียงแหบพร่า
“แม่นางเหอเจ้าแน่ใจรึว่าพวกมันไม่มีตั๋วเรือ?”
เหอเสี่ยวหลานพยักหน้า
“ข้าค้นดวงวิญญาณเทพกิเลนแล้วเจอตั๋วแค่ใบเดียวและข้าก็เอามันมาแล้ว! ไม่มีเรือกระดูกเทพลำอื่นที่จะแล่นผ่านธารดาราได้”
เหอเสี่ยวหลานตาลุกวาวเมื่อมองมิติที่ฉีกกระชากของจิวโจว
“ส่งคนทั้งหมดไปค้นให้ทั่วจิวโจว!พวกมันอาจซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกมิติ!”
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ผู้ติดตามทั้งหมดพุ่งออกไปเหลือเพียงเหอเสี่ยวหลาน ชายหนุ่มตาเดียว และชายวัยกลางคนบนเรือ
ชายตาเดียวพูด
“แม่นางเหอเจ้าฉลาดยิ่งนัก เจ้าส่งผู้ติดตามไปค้นดูพวกมันเพราะพวกมันอาจจะปล้นเรือเรา แบบนี้พวกเราก็รอได้โดยไม่ต้องเหนื่อย!”
“ท่านจิงท่านพูดเกินไปแล้ว นี่เป็นแค่อุบายเล็กน้อย ไม่สมควรกับคำชมของท่าน!”
เหอเสี่ยวหลานตอบด้วยความรับถือแต่ก็ระแวง เขาคือหมายเลขเจ็บสิบในกลุ่มผู้คุมกฎอาวุโสและที่สำคัญ พ่อของเขาคือเทพห้าสิบอันดับแรกในบรรดาเทพทั้งร้อยคนของพันธมิตร
เทพกระเรียนที่เป็นพ่อของเหอเสี่ยวหลานนั้นพึ่งพาเทพจิงอยู่เขาคือพ่อของชายตาเดียว
นางต้องยำเกรงเขา
“เจ้าพูดเกินไปแล้ว!ข้านับถือเจ้ามานานแล้ว แม่นางเหอ”
ชายตาเดียวพูดและเข้าใกล้เหอเสี่ยวหลานเขาได้กลิ่นหอมจากกายนาง เขาพูดอย่างสบายใจ
“ข้าว่าเราไปหาที่เงียบๆ ร่ำสุราชมจันทร์กันดีหรือไม่?”
เหอเสี่ยวหลานไม่ชอบเขาเลยเขาพยายามตามจีบนางมานานแล้ว เทพจิงเองก็ชี้แนะให้เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลด้วยการแต่งลูกชายเขากับเหอเสี่ยวหลานเทพกระเรียนเองก็สนใจเช่นกัน แต่ทั้งสองตระกูลยังไม่ได้ตกลงกันเป็นมั่นเหมาะ