เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่เขาอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่หวงฝู่อวี้รู้สึกเสียววาบบริเวณหนังศีรษะ นางค่อยๆ ยิ้ม และออกคำสั่ง “ชิงหลวน คุณคุณชายรองจะหนีอกจากเรือน เจ้าช่วยเขาหน่อย จำไว้ว่าของทุกอย่างที่อยู่ในเรือน แม้แต่เงินอีแปะเดียวก็อย่าให้เขาเอาออกไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันมายิ้มและกล่าวแก่หวงฝู่อวี้ “คุณคุณชายรอง ออกจากเรือนแล้วเลี้ยวซ้าย เดินทางดีๆ นะเจ้าคะ หวังว่าครั้งนี้ท่านจะทำตามในสิ่งที่พูด ไม่กลับจวนอ๋องอีก ท่านวางใจเถอะ พวกข้าจะทำให้ความปรารถนาของท่านเป็นจริง จะไม่ส่งคนไปตามท่านกลับแน่นอน”
นี่เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนกับที่ตนคิดไว้ หวงฝู่อวี้ตกตะลึง และยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
ชิงหลวนขานรับ และเดินไปหาหวงฝู่อวี้
หวงฝู่อวี้ถอยหลังไปหลายก้าว จนล้มลงไปนั่งกับพื้น โบกมือไปมาอย่างสิ้นหวัง “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าแค่ล้อเล่น ข้าไม่ได้จะหนีออกจากจวนจริงๆ เสียหน่อย”
ทุกคนในเรือนต่างพากันหัวเราะ
เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ฝืนกลั้นเอาไว้ นางทำหน้าตึงเครียด “ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น พูดแล้วจะคืนคำได้อย่างไรล่ะ ต่อไปจะยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร รีบลุกขึ้น และออกไปนอกจวนกับชิงหลวน เห็นแก่หน้าข้า นางจะช่วยเหลือเจ้า ส่งเจ้าไปที่ไกลๆ ด้วยตัวเอง”
หวงฝู่อวี้ตกใจ และรู้สึกกลัวขึ้นไปอีก เขารีบลุกขึ้น และผลักชิงหลวนออก วิ่งไปตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว และดึงชายเสื้อของนาง “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ได้อยากออกจากบ้านจริงๆ ข้าเพียงแค่……”
หวงฝู่อี้เซวียนกลับจากเรือนของพระชายาฉีพอดิบพอดี พอถึงทางเข้าเรือน ก็เห็นฉากนี้ เขาขมวดคิ้ว ถามด้วยความเคร่งขรึม “อวี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
หวงฝู่อวี้ตกใจจนรีบถอยห่างจากชายเสื้อของเมิ่งเชี่ยนโยว หันไปมองหวงฝู่อี้เซวียนด้วยความหวาดกลัว
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพิ่งกลับมาถึง ยังไม่ทันเข้าเรือน น้องรองก็มาบอกว่าจะออกจากเรือนไป ข้าจึงมีน้ำใจให้ชิงหลวนช่วยเหลือเขา แต่เขาดันเปลี่ยนใจน่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนเดินตรงไปด้านหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว และยืนเคียงข้างกัน กวาดสายตาไปที่หวงฝู่อวี้ ไม่ได้เอ่ยถามแต่อย่างใด และออกคำสั่ง “โจวอัน ส่งคุณชายรองออกจากจวน จำไว้ว่ายิ่งไกลยิ่งดี”
พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจเขาอีก เขาหันหลังไปพยุงเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าเรือนไป พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนดั่งหยดน้ำ “เข้าไปพักผ่อนในเรือนก่อนเถอะ อาหารในครัวใกล้จัดเตรียมเสร็จแล้ว อีกครู่ข้าจะเรียกเจ้า”
ยังไม่ทันได้รอคำขานรับของเมิ่งเชี่ยนโยว ด้านหลังก็มีเสียงดัง ตึกตัก ขึ้น เสียงกระวนกระวายใจของหวงฝู่อวี้ก็ดังขึ้นพร้อมกัน “พี่ใหญ่ ข้าไปก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว”
ในขณะที่หวงฝู่อี้เซวียนกำลังพยุงมือของเมิ่งเชี่ยนโยว หันหน้ากลับมาเหล่ตามอง ถามด้วยน้ำเสียงปรกติว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“ข้า ข้า…” หวงฝู่อวี้กะพริบตาหลุบไปมา ไม่กล้าสบตาทั้งสองอย่างซึ่งๆ หน้า และพูดอะไรไม่ค่อยออก
หวงฝู่อี้เซวียนทำน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น ถามเขาด้วยเสียงทุ้ม “พูด!”
หวงฝู่อวี้ตกใจกลัวจนสั่นไปชั่วขณะ และพูดขึ้น “ข้าและเยียนเอ๋อร์มีความสัมพันธ์แนบชิดทางกายกันแล้ว”
ในเรือนเงียบลง แม้แต่เสียงลมเมื่อครู่ก็หยุดลง ในเรือนมีเพียงเสียงหอบที่หวาดกลัวหวงฝู่อวี้เท่านั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าหวงฝู่อวี้ ยื่นมือไปบีบไหล่ของเขาแล้วบิดเป็นวงกลม
หวงฝู่อวี้เจ็บจนตะโกนร้อง โอ้ยย ออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับไป “อี้เซวียน เขาเจ็บจนร้องออกมาแล้ว ข้าไม่ได้ฟังผิดไป นี่มันเป็นเรืองจริง”
หวงฝู่อวี้รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่นางตั้งใจทำกับตนเอง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพียงแค่กะพริบดวงตาที่แดงก่ำเท่านั้น และมองไปยังหวงฝู่อี้เซวียนด้วยความรู้สึกผิด
หวงฝู่อี้เซวียนไมได้พูดอะไร แต่กลับแผ่ความโกรธออกมารอบตัว ทำให้หวงฝู่อวี้ตกใจกลัวจนถอยหลังไปหลายก้าว ร้องดังลั่น “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะ……”
พูดถึงตรงนี้ เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ไม่กล้าพูดต่อ
“เพราะอะไร” หวงฝู่อี้เซวียนถาม น้ำเสียงที่เย็นชา ทำให้หวงฝู่อวี้สั่นไปอีกชั่วขณะ
“เพราะ เพราะ เพราะข้าควบคุมตัวเองไม่ได้”
ในหัวของหวงฝู่อี้เซวียนมีเสียงปะทุดังขึ้น เจ้าคนไม่ได้เรื่องนี่ ตอนที่จะเป็นธุระจับคู่ให้ เจ้าตัวก็ปฏิเสธ แต่วันนี้กลับไปทำเรื่องที่น่าขายหน้าเช่นนี้ได้
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ตายแล้ว คุณชายรอง นี่หมายความว่า ท่านทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูหลินไปแล้วงั้นหรือ”
ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะถามคำถามที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ สีหน้าของหวงฝู่อวี้แดงขึ้น แต่เขาก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
เมิ่งเชี่ยนโยวปิดปากด้วยความตกใจ มองไปที่หวงฝู่อวี้ และมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน และถอยไปยืนด้านหลัง และส่งสัญญาณมือไปให้หวงฝู่อี้เซวียน มีความหมายว่าเจ้าสามารถทุบตีเขาได้
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนทะมึนตึง ก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ หลายก้าวเสียจริงด้วย
หวงฝู่อวี้ตกใจกลัวจนคุกเข่าลงและถอยหลังไปหลายก้าว ความเร็วของเขานั้นเร็วกว่าหวงฝู่อี้เซวียนเสียอีก “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ท่านฟังข้าก่อน เรื่องนี้……”
“นางล่ะ? หวงฝู่อี้เซวียนขัดจังหวะเขา”
หวงฝู่อวี้ยังตอบสนองไม่ทัน ถามอย่างตะกุกตะกัก อะไร นางที่ไหน
“คุณหนูหลินน่ะ อยู่ไหน” น้ำเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนแฝงไปด้วยความโกรธ
หวงฝู่อวี้ตอบทันที “อยู่ที่เรือนของข้า”
หวงฝู่อี้เซวียนโกรธมากขึ้น พยักหน้า “ดี ดีมาก ดูเหมือนว่าการเคี่ยวเข็ญสอนเจ้าในทุกๆ วันของพวกเราจะไร้ผล เจ้าถึงกับขึ้นกล้าพานางมาถึงที่จวนเลยรึ”
หวงฝู่อวี้โบกมืออย่างสิ้นหวัง แล้วรีบอธิบาย “ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น หลังเกิดเรื่อง นางหมดสติไป ข้าไม่อาจปล่อยนางไว้ที่จิ่วโหลวได้ จึงพานางกลับมาด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงตกใจอีกครั้ง “ที่จิ่วโหลว แม่เจ้า คุณชายรอง ท่านนี่ช่าง……” ไม่ได้พูดคำพูดท้ายออกมา
ใบหน้าของหวงฝู่อวี้แดงเหมือนกับตูดลิง
เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นอีกครั้ง “อี้เซวียน เรื่องที่พวกเขาทำที่จิ่วโหลว คาดว่าตอนนี้น่าจะรู้กันทั้งเมืองหลวงแล้ว เรื่องนี้เราไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่เป็นผู้ตัดสินเถอะ”
สิ่งที่หวงฝู่อวี้กลัวก็คือการที่อ๋องฉีรู้ ด้วยนิสัยของท่านอ๋อง เขาได้ทำเรื่องที่เสียชื่อจวนอ๋องเช่นนี้ คาดว่าคงจะเอามีดไล่แทงเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ยอมมาร้องขอกับหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว
เรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ คาดว่าน่าจะพัดไปทั่วไปเมืองหลวงอย่างรวดเร็วดั่งสายลม พัดไปถึงหูฮ่องเต้ แต่ถ้าอ๋องฉีและพระชายาฉีเองยังไม่รู้ ถ้าไม่รีบรายงานแก่พวกเขา พอถึงตอนที่ทางวังมีรับสั่ง เสด็จพ่อคงตะลึงงันไปเป็นแน่แท้
พอนึกถึงตรงนี้ ก็ออกคำสั่งกับโจวอัน “เจ้าไปเชิญเสด็จแม่…” พูดถึงตรงนี้ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหวงฝู่ซวิ่นยังพูดคุยกับเสด็จแม่ในเรือน ถ้าให้เขารู้เรื่องนี้เข้า เกรงว่าจะ…….
หวงฝู่อี้เซวียนเริ่มรู้สึกปวดหัว เขากำหมัดไว้แน่นราวกับจะทุบตีหวงฝู่อวี้
หวงฝู่อวี้กลัวจนถอยหลัง แต่ว่าโจวอันกั้นไว้ด้านหลัง เขาไม่สามารถถอยต่อไปได้ ตกใจกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง เขาจ้องมองไปที่กำปั้นของหวงฝู่อี้เซวียนตาไม่กะพริบ หากเขาชูกำปั้น ต่อให้ตายตนก็ต้องหนีออกไปด้านนอกให้ได้ ไม่เช่นนั้น ต้องโดนทุบตีจนกลายเป็นเนื้อแผ่นแน่นอน
เมิ่งเชี่ยนโยวภายนอกแม้จะหัวเราะเริงร่า แต่ในใจสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก นางไม่คิดว่าหวงฝู่อวี้และหลินหันเยียนจะใช้วิธีนี้ในการสานสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้ง และดูจากท่าทีของหวงฝู่อวี้ที่พูดเมื่อครู่ ทั้งหมดนี้น่าจะแผนการของหลินหันเยียน หวงฝู่อวี้น่าจะไม่ทันระวังตัวจึงตกหลุมพรางของนางเท่านั้น
เห็นหวงฝู่อี้เซวียนโกรธจนแทบจะคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างๆ เขา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไงก็เชิญเสด็จพ่อกับเสด็จแม่มาก่อนเถอะ อย่างไรเสีย ผู้คนคงได้รู้เรื่องนี้กันอย่างรวดเร็ว”
หวงฝู่อี้เซวียนหลับตาลง และลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขากดความโกรธในใจลง ออกคำสั่งกับโจวอันด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปเชิญเสด็จพ่อกับเสด็จแม่มา” จากนั้นก็พูดเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง “ให้เจ้าคนตัวดีคนนั้นมาด้วย”
โจวอันรู้ดีว่าคนที่เขาหมายถึงคือใคร จึงขานรับ และเดินหันหลังออกไป
อี้เซวียนยกมือขึ้นนวดเส้นเลือดตรงขมับวนไปมา จ้องไปที่หวงฝู่อวี้อีกหลายครั้ง และหันหลังเดินไปที่ห้องโถง
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามด้านหลัง
เมื่อไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของหวงฝู่อวี้แล้ว หวงฝู่อี้เซวียนที่เดินไปหน้าประตูก็หันหน้าถาม “ยังไม่รีบคลานเข้ามาอีกหรือ ยังต้องรอให้ข้าเชิญเจ้าหรือไง”
หวงฝู่อวี้รีบคลานเขามา ตามเข้ามาในห้องโถง
พระชายาฉีและหวงฝู่ซวิ่นกำลังพูดคุยเรื่องราวภายในบ้าน หวงฝู่ซวิ่นปากหวานมาก เรียกแทนนางว่าเสด็จอาสะใภ้ตลอด เรียกจนพระชายาฉีรู้สึกสบายใจ ทำให้รู้สึกโอบรับต่อท่าทีของเขาได้มากขึ้นเป็นอย่างมาก
โจวอันยืนรายงานอยู่ในเรือน “เรียนฝ่าบาท พระชายาฉี เกิดเรื่องขึ้นแล้วขอรับ เชิญทั้งสองไปโดยด่วน”
หวงฝู่ซวิ่นรู้สึกประหลาดใจ เมื่อครู่หวงฝู่อี้เซวียนเป็นคนพาตนมาที่นี่ ยังบอกอีกว่าจะไปถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่าอยากกินอะไร
ร่างกายเมิ่งเชี่ยนโยวตอนนี้นั้นพิเศษ รสชาติอาหารที่อยากกินเปลี่ยนไปทุกวัน ที่จริงพวกเขาสามารถทำอาหารเองได้จากครัวในเรือน แต่วันนี้ไท่จื่อเสด็จมา พวกเขาสองสามีภรรยาไม่มานั่งต้อนรับด้วย ที่จริงแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่เสียมารยาท พระชายาฉีพูดคุยกับเขาด้วยรอยยิ้ม แต่ก็สั่งให้คนรีบไปถามว่าเหตุใดพวกเขาสองคนจึงยังไม่มาเสียที ผ่านไปแค่เพียงชั่วครู่ โจวอันก็มาเชิญพวกเขาไป พระชายาฉีตกใจจนยืนขึ้นมา และรีบตะโกนถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับโยวเอ๋อร์หรือ”
โจวอันตอบกลับด้วยความนอบน้อม “ไม่ใช่ขอรับ แต่เป็นคุณชายรองที่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว คุณชายใหญ่ไม่อาจแก้ปัญหาได้ จึงต้องมาเชิญไท่จื่อและพระชายาฉีไปที่นั่น”
พระชายาฉีรู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิม หวงฝู่อวี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้
หวงฝู่ซวิ่นเองก็ยืนขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสด็จอาสะใภ้อย่าได้ร้อนใจไปขอรับ พวกเราไปดูกันก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”
ทั้งสองค่อยๆ ออกจากเรือนของพระชายาฉี เพิ่งเดินมาถึงหน้าเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน อ๋องฉีก็เดินมาด้วยความรีบร้อน สีหน้าของเขามัวหมองเป็นอย่างมาก
พอเห็นเขา หวงฝู่ซวิ่นก็รู้สึกสั่นกลัว เขาเก็บท่าทางสบายๆ เมื่อตอนอยู่ต่อหน้าพระชายาฉีไป กล่าวทักทายท่านอ๋องฉีด้วยความสง่างาม “เสด็จอา”
อ๋องฉีเห็นเขาแล้ว หน้าตาขมุกขมัวมากขึ้นกว่าเดิม เขาหยุดฝีเท้าลง ถามด้วยเสียงทุ้ม “ไท่จื่อมาที่จวนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ท่าทางของหวงฝู่ซวิ่นนอบน้อมกว่าเดิม “เรียนเสด็จอา ข้ามาทำธุระแถวนี้พอดี พอเห็นว่าเที่ยงวันแล้ว จึงอยากจะมาขอทานข้าวเที่ยงที่จวนขอรับ”
อ๋องฉีขยับปาก ราวกับว่ามีเรื่องจะพูด แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกไป เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม “ถ้าเช่นนั้นแล้ว เจ้าก็เข้าไปด้วยกันเถอะ”
ภายในใจหวงฝู่ซวิ่นดีใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่เปลี่ยนไป แต่ก็ตอบกลับด้วยความนอบน้อม “ขอรับ ท่านลุง”
อ๋องฉีเดินเข้าไปในเรือน พระชายาฉีเดินตามเขาด้านหลัง และหวงฝู่ซวิ่นเดินอยู่ด้านหลังสุด
ชิงหลวนยกม่านลูกปัดขึ้น ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องโถง
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้ในเรือน ส่วนหวงฝู่อวี้นั้นคุกเข่าต่อหน้าทั้งสอง พอเห็นทั้งสามคนเดินเข้ามา หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ยืนขึ้น และทำความเคารพอ๋องฉีและพระชายาฉี
หวงฝู่อวี้ก็ส่งเสียงด้วยความขี้ขลาด “เสด็จพ่อ เสด็จแม่”
หวงฝู่ซวิ่นเบิกตามอง แล้วเบิกตาจ้องอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้มองผิดไป หวงฝู่อวี้คุกเข่าอยู่บนพื้นจริงๆ ด้วย เขาคิดในใจว่าวันนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว
หวงฝู่อวี้ก็มองไปที่เขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตะโกนเรียก “ไท่จื่อ”
หวงฝู่ซวิ่นเดินไปด้านหน้าเขา มองไปที่เขาอย่างโอบอ้อมอารี ถามด้วยความสงสัย “น้องอวี้ เจ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้”
ครั้งที่แล้วหวงฝู่อี้เซวียนพาหวงฝู่อวี้ไปยังตงกงของตน ยังได้ทิ้งคำพูดเช่นนั้นไว้ หวงฝู่ซวิ่นรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนพี่น้องนั้นไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้หวงฝู่อวี้กลับคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหวงฝู่อี้เซวียน แน่นอนว่าต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถจัดการได้
หวงฝู่อวี้พูดอะไรไม่ออก
หวงฝู่ซวิ่นเองก็ไม่รีบร้อน ค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้กับเขาอย่างช้าๆ
อ๋องฉีเริ่มพูด น้ำเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความโกรธ “ว่ามาเถอะ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
หวงฝู่อวี้ค่อยๆ โยกร่างของตน เข้าไปใกล้พระชายาฉี และถอยห่างออกมาจากอ๋องฉี เขาก้มหน้า และหรี่ตามองไปยังเท้าของอ๋องฉี กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ขะ ข้า ข้าและเยียนเอ๋อร์มีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้วขอรับ”
มือของหวงฝู่ซวิ่นที่กำลังรินชาก็หยุดชะงักลง เขาแทบไม่อยากเชื่อและมองไปที่หวงฝู่อวี้
พระชายาฉีรู้สึกว่าหูของตนฟังผิดไป จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงดังขึ้นว่า “เจ้ากับใครนะ”
หวงฝู่อวี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เยียนเอ๋อร์ขอรับ”
พระชายาฉียืนยันว่าตนได้ยินชัดเจนแล้ว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “อวี้เอ๋อร์ นี่เจ้า…..”
อ๋องฉียกเท้าขึ้น และหันไปทางหวงฝู่อวี้ “เจ้ามันไร้ประโยชน์ ทำเรื่องที่เสียชื่อของจวนอ๋อง วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของผู้คน”
แม้ว่าหวงฝู่อวี้จะอยู่ไกล แต่ก็ไม่อาจหลบเท้าที่ยาวของอ๋องฉีได้พ้น เท้าของเขาเตะไปโดนร่างกายของหวงฝู่อวี้เข้าอย่างจัง
หวงฝู่อวี้ถูกเตะจนหงายหลังไป
อ๋องฉียังคงโกรธอยู่ เขาก้าวเท้าไปด้านหน้าอีกก้าว อยากจะเตะเขาอีกที