บทที่ 885 กดดันถึงขีดสุด!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เช่นนั้นแล้ว หากดูจากสภาพตาแก่นั่นในตอนนี้ หากเขามีวิธีที่ว่าจริง ในไม่ช้าเขาคงต้องใช้มันแน่…ขณะที่ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นมาในใจของหวังเป่าเล่อ ร่างกายของชายหนุ่มก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว จิตสังหารระเบิดออกมาอย่างเข้มข้น และรัศมีความบ้าคลั่งจากกายเขาก็แผ่ออกไปทุกทิศทาง ชายหนุ่มเคลื่อนที่เข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็วราวกับเป็นพญามัจจุราช เกราะมหาจักรพรรดิถูกปลดปล่อยออกมา ดวงเนตรปีศาจปรากฏขึ้นและลืมตา ส่วนอาวุธเทพก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้าราวจะแข่งกับแสงอาทิตย์ขณะที่หวังเป่าเล่อฟันเข้าใส่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาอย่างรุนแรง!

มีเสียงกัมปนาทดังก้องสะท้อนไปทั่ว ทำให้พายุสุริยะโดยรอบนั้นยิ่งพัดรุนแรงขึ้นอีก ผู้อาวุโสฝ่ายขวาส่งเสียงฮึ่มอยู่ในลำคอ พลางหยิบโล่ศิลาโบราณออกมา โล่นั้นมหัศจรรย์ยิ่ง ทันทีที่ปรากฏขึ้น มันก็ละลายเข้าปกคลุมร่างของผู้อาวุโสฝ่ายขวาเอาไว้ ทำให้ชายชราดูเหมือนกลายเป็นปีศาจศิลา

อาวุธเทพเข้าปะทะส่งเสียงคำรามดังสนั่น ผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่กลายเป็นปีศาจศิลาไปแล้วยกมือทั้งสองขึ้นรับการโจมตีเอาไว้ แม้ว่ากายจะสั่นเทา แต่ก็ยังไม่แหลกสลายไป

หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว ฝ่ายผู้อาวุโสฝ่ายขวา ใบหน้าที่แท้จริงใต้ศิลานั้นซีดขาว ขณะที่ล่าถอยไปพลางรับมือชายหนุ่มไปพลาง แต่ชายชราก็ยังช้ากว่าชายหนุ่มเล็กน้อยและถูกตามทันในอึดใจต่อมา หวังเป่าเล่อฟันลงไปอีกครั้ง และแม้ว่าการโจมตีก็ยังถูกรับเอาไว้ได้ แต่ครั้งนี้แขนศิลาไม่เพียงสั่นคลอนเท่านั้น แต่กลับมีรอยร้าวปรากฏให้เห็นด้วย

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะทำลายเจ้าไม่ได้!” รัศมีแห่งความบ้าคลั่งบนกายของหวังเป่าเล่อทวีความรุนแรงเมื่อชายหนุ่มเริ่มเปิดหน้าโจมตีรัวเร็ว เขาพุ่งเข้าไปใส่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด เมื่อเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มก็กวัดแกว่งอาวุธเทพอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพติดตา แล้วเขาก็ฟันลงไปอย่างจัง จนเกิดเสียงคำรามลั่นสะท้อนก้องไปทั่ว

ผู้อาวุโสฝ่ายขวาไม่ใช่คู่มือของหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อยและทำได้เพียงตั้งรับอย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีต่อเนื่องของชายหนุ่มยังไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโจมตีกลับและกดให้ต้องปัดป้องอยู่อุตลุด แถมยังจำกัดขีดความสามารถในการใช้พลังเทพของเขาอีกด้วย หากมองจากที่ไกลๆ ก็จะเห็นร่างของผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่ล่าถอยไม่หยุด เลือดจำนวนมากที่กระอักออกจากปากระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว

ภายใต้การจู่โจมต่อเนื่องของหวังเป่าเล่อ ร่างหินของผู้อาวุโสก็มีรอยแตกเพิ่มมากขึ้นทุกที และเมื่อชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ร่างศิลานั้นก็ระเบิดเปิดออกทันใด!

การระเบิดนั้นส่งให้ผู้อาวุโสอาเจียนเอาเลือดออกมาอีกคำรบเพราะอาการบาดเจ็บนั้นหนักหนากว่าเก่า แต่ในวินาทีนั้นเอง ประกายบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของชายชรา ดูราวกับว่าเขาใช้ร่างศิลาเพื่อซื้อเวลาในการปลดปล่อยพลังเทพออกมา

“หลงหนานจื่อ ตาข้าบ้างล่ะ!” ผู้อาวุโสพูดก่อนจะคำรามออกมาดังสนั่น

“สมบัติเวททั้งเจ็ดจากภายใน!” ใบหน้าของผู้อาวุโสฝ่ายขวาทั้งบิดเบี้ยวและชั่วร้าย แม้ว่าก่อนหน้านี้ชายชราจะอยู่ในสภาพจนตรอกและไม่อาจใช้พลังเทพได้ แต่ในที่สุดเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังเทพออกมาได้สองเคล็ดวิชาโดยอาศัยเกราะศิลายื้อเวลาเอาไว้ เขาไม่ต้องเตรียมอะไรเลยเพื่อปลดปล่อยพลังแรกออกมา เพราะมันเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่พร้อมใช้งานเพียงแค่นึกถึงเท่านั้น ผู้อาวุโสอดทนรับการโจมตีมาตลอดก็เพื่อใช้อีกเคล็ดวิชาหนึ่ง!

เคล็ดวิชาแรกนั้นเป็นวิชาเก็บพลังเทพที่ชายชราเตรียมเอาไว้ใช้ตั้งแต่บรรลุขั้นระดับดาวพระเคราะห์ หากไม่จำเป็นถึงขีดสุด เขาก็ไม่อยากจะใช้มัน ตอนนี้นั้นเคล็ดวิชานี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขาแล้ว

ขณะที่เสียงคำรามดังสนั่นสะท้อนอยู่ไปมา ก็มีลำแสงเจ็ดสีระเบิดออกมาจากร่างของผู้อาวุโส แม้จะมีพายุสุริยะพัดอยู่รอบกาย แต่แสงทั้งเจ็ดก็ยังส่องสว่างเจิดจ้าอยู่นั่นเอง

ทันทีที่แสงเหล่านั้นส่องสว่างออกมา มันก็กะพริบสามครั้ง ก่อนที่ลำแสงสามเส้นจะอันตรธานไป มีวงแหวนสามวงที่กำลังขยายออกอย่างรวดเร็วปรากฏขึ้นมาแทนที่ ขณะที่หวังเป่าเล่อหรี่ตาก่อนจะมีประกายประหลาดสะท้อนขึ้นมาในดวงตาของเขา วงแหวนแสงทั้งสามก็กระแทกร่างชายหนุ่มอย่างแรง

เมื่อทั้งสองมาปะทะกัน วงแหวนแสงทั้งสามก็สั่นสะท้านก่อนจะทลายไป แต่พลังที่อยู่ภายในนั้นรุนแรงอย่างยิ่ง ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มสั่นสะท้านและกระเด็นถอยหลัง ทว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวานั้นย่ำแย่หนักกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากปาก ก่อนจะระเหยไปก่อนกระทบพื้นดิน ภายใต้วงคำสาปนั้น พลังปราณของชายชราต้องรับมือกับทั้งแรงสะท้อนจากการพังทลายของสมบัติเวททั้งเจ็ดจากภายใน และพายุสุริยะที่รายล้อมอยู่ ทำให้สถานการณ์ของชายชรายิ่งเสี่ยงหนักเข้าไปอีก

ทว่าผู้อาวุโสกลับระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นขณะที่ล่าถอย ก่อนจะมีความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในดวงตา

“หลงหนานจื่อ ข้ายอมรับว่าเจ้านี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ครั้งนี้…เจ้าถูกหลอกอีกแล้ว!” ผู้อาวุโสมีแววตาบ้าคลั่งขณะโบกผนึกฝ่ามือด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะสะบัดออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ในทันใดนั้น ลำแสงอีกสี่สีนอกกายเขาก็แปรสภาพเป็นวงแหวนแสงอีกสี่วง แต่คราวนี้ไม่ได้พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ แต่กลับระเบิดและเริ่มหมุนวนเข้าใส่สิ่งรอบข้างแทน!

การระเบิดนั้นใช้พลังทั้งหมดในกายของผู้อาวุโสฝ่ายขวา มันเป็นไพ่ตายสุดท้ายในกายเขา เมื่อมันทลายลง ก็เกิดเป็นพายุหมุนที่รุนแรงราวหลุมดำขึ้น ทันทีที่ลมหมุนก่อตัวขึ้น สิ่งรอบข้างก็ถูกดึงดูดเข้าไปทันที

ภายในบริเวณของดารานิรันดร์อันบ้าคลั่ง และภายในความเวิ้งว้างที่เต็มไปด้วยพายุสุริยะ การปรากฏขึ้นของลมหมุนนั้น…ดึงเอาพายุสุริยะโดยรอบเข้าไปหามัน ทำให้เกิดแสงสีขาวปรากฏขึ้นตรงบริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่

แต่นั่นยังไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุด การปะทะกันของทั้งคู่อาจไปกระตุ้นดารานิรันดร์จนถึงจุดหนึ่ง ทันทีที่พายุหมุนปรากฏขึ้น…ไกลออกไปจากพวกเขาทั้งสอง แสงสว่างที่เจิดจ้าเสียจนไม่อาจบอกสีได้ก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ ช่างเป็นแสงที่รุนแรงคล้ายหมอกและของเหลวในเวลาเดียวกัน แสงนั้นมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวระดับมหาศาล ที่ไหลกวาดเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่จากที่ไกลๆ!

ในตอนนี้ มีประโยคเดียวที่เพียงพอจะใช้อธิบายสถานการณ์ นั่นก็คือ…มืดฟ้ามัวดิน!

หากมองจากที่ไกลๆ แสงอันยิ่งใหญ่ดูราวกับเป็นหัตถ์สวรรค์ที่พร้อมทำลายทุกสรรพสิ่ง มันกระจายออกไปอย่างไม่รู้สิ้นสุด แสงนั้นเข้าปกคลุมบริเวณ กวาดล้างเอาทุกสิ่งเข้าไปด้วยพลังอันล้นเหลือ ต่อหน้าพลังนั้น ผู้ที่มีระดับปราณไม่สูงพอก็เป็นเพียงมดปลวก พวกเขาถูกทำลายไปอย่างง่ายดาย!

หากสวรรค์และพื้นพิภพอยู่ในบริเวณนั้น ก็คงมีหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นแน่ แสงเจิดจ้านั้นเข้ามาแทนที่ทุกสิ่งและทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีเดียว เพียงมองแค่ปราดเดียว นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็แสบร้อนราวกับถูกทิ่มแทง ผู้อาวุโสฝ่ายขวาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ความตื่นตกใจถูกแสดงออกมาทางสีหน้าของเขา ตามแผนเดิม ชายชราต้องการใช้พายุหมุนนั้นเพื่อรวบรวมพลังของดารานิรันดร์ที่อยู่ในบริเวณเพื่อสร้างระเบิดขนาดใหญ่พอที่จะจัดการหลงหนานจื่อได้ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแผนนั้นจะทำให้สถานการณ์พลิกผันไปจนเลวร้ายเช่นนี้!

นั้นเพราะแสงเจิดจ้านั้น…ก็คือพายุสุริยะเช่นกัน!

พลังของมันรุนแรงพอที่จะทำลายทุกสรรพสิ่ง ผู้ที่ระดับปราณไม่ถึงระดับดาวพระเคราะห์ หากสัมผัสมันเข้าไปก็เท่ากับตายสถานเดียว!

ผู้อาวุโสฝ่ายขวามีใบหน้าซีดเซียว ก่อนจะหยุดวางแผนไปชั่วขณะ เขาคว้าไปที่มือขวาของตนอย่างไม่รอช้า อึดใจต่อมา มือขวาของชายชราก็ระเบิด เลือดและเนื้อที่กระจายออกไปถูกความร้อนสูงในบริเวณนั้นทำลายแทบจะในทันที แต่ขณะเดียวกันก็มีประกายแสงการเคลื่อนย้ายแพร่ออกมาจากภายใน แผนที่ดวงดาวรางๆ ปรากฏขึ้นมา บนแผนที่ดวงดาวนั้นเผยให้เห็นจุดแสงนับพัน แสงแต่ละจุด…เหมือนจะแสดงให้เห็นดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ของอารยธรรมนี้

สิ่งนี้…คือสาเหตุที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ใช้เกราะศิลาในการซื้อเวลาก่อนหน้านี้ เป็นหนึ่งในสองไพ่ตายที่เขาใช้ มันคือ…พลังเคลื่อนย้ายของดารานิรันดร์ที่ถูกผนึกเอาไว้ในมือขวา โดยมีรากฐานมาจากดารานิรันดร์ของอารยธรรมครามทองคำ!

การเคลื่อนย้ายนี้สามารถพาผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ของอารยธรรมครามทองคำกลับไปสู่ตำแหน่งภายในอารยธรรมได้จากภายนอก ทุกๆ อารยธรรมที่เป็นจุดแสงอยู่นั้นเป็นเมืองขึ้นของอารยธรรมครามทองคำทั้งสิ้น

อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ยังไม่เสียดินแดนให้อารยธรรมครามทองคำ จึงไม่ได้อยู่ในอาณาเขตนั้น ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างกันได้ พวกเขาจึงต้องใช้ราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์เพื่อเปิดดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ให้กองทัพอารยธรรมครามทองคำลงมาจุติได้

แผนของผู้อาวุโสฝ่ายขวาคือใช้สมบัติเวททั้งเจ็ดจากภายในเพื่อให้สถานที่นี้อันตรายยิ่งกว่าเก่า ถึงขนาดที่จะกำจัดหวังเป่าเล่อไปได้ ในขณะเดียวกัน ชายชราก็จะใช้การเคลื่อนย้ายดารานิรันดร์เพื่อหนีออกจากดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เมื่อถึงนาทีอันตรายถึงตาย!

เขาต้องเลือกเป้าหมายของการเคลื่อนย้าย แต่เพราะผู้อาวุโสกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงเลือกตำแหน่งไปแบบสุ่มๆ  อึดใจต่อมา ร่างของเขาก็เริ่มจางลง!

แต่ทันทีที่เงาร่างของเขาเริ่มพร่าเลือน พร้อมๆ กับที่พายุสุริยะพัดโหมเข้ามา ประกายแสงก็สะท้อนวาบขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ!

“ข้านึกว่าเจ้าจะรออีกสักหน่อยก่อนจะหนีเสียอีก!”