GGS:บทที่ 873 เกินไป
จ้าวซือเฟิงนั่งหน้านิ้วคิ้วขมวดทำสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัวอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง จนพ่อของเขาจ้าวฮ่าวกลับมาบ้าน จ้าวซือเฟิงจึงได้บอกเกี่ยวกับข้อความที่ซูจิ้งฝากเจียงเถิงหยวนมาบอก
จ้าวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ทำหน้านิ่วน่าเกลียดน่ากลัวไม่ต่างกัน
“พ่อ เอาไงดี” จ้าวซือเฟิงถามออกมา
“จากข่าวที่ได้มาล่าสุดนั้น ซูจิ้งกำลังหาทางเข้าไปมีส่วนในธุรกิจยาสูบด้วนสายพันธุ์ยาสูบที่มีกลิ่นหอมชวนหลงใหลชนิดที่ไม่สายพันธุ์ในเทียบได้มาก่อนในโลก
อีกทั้งยังไม่มีผลเสียต่อร่างกายและยังช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิดใจ ตอนนี้องค์การยาสูบและผู้บริหารบริษัทยาสูบถึงกับอยู่กันไม่สุขเลยทีเดียว” จ้าวฮ่าวพูดออกมา
“เป็นซูจิ้งอีกแล้วงั้นเหรอ มันจะไปมีพันธุ์ยาสูบที่ดีขนาดนั้นในโลกนี้ได้ยังไงกัน” จ้าวซือเฟิงเองถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินในเรื่องนี้
“ตอนแรกพ่อเองก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้เหมือนแกนั่นแหละ แม้แต่คนในองค์การยาสูบและผู้บริหารของบริษัทยาสูบก็ไม่เชื่อเหมือนกัน
แต่หลังจากพวกนั้นทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าผลที่ได้ออกมาจนพวกนั้นมั่นใจจริงๆ ตอนนี้ทั้งสองฝั่งกำลังพูดคุยกันเรื่องที่ว่าจะทำยังไงถึงจะได้เมล็ดพันธุ์มาจากซูจิ้งให้ได้ ไอ้พวกนั้นนี่มัน…” จ้าวฮ่าวสบถออกมา
“ไอ้เด็กนี่มันจะเกินไปแล้ว” จ้าวซือเฟิงเองก็สบถออกมาเช่นเดียวกัน
“พ่อได้ไปคุยกับลุงสามของแกแล้ว หากเขาสามารถนำเมล็ดพันธุ์ใบยาสูบนี้มาได้แบบสูญเสียน้อยที่สุดล่ะก็ ตำแหน่งของเขาในองค์การยาสูบนั้นจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน
แม้แต่ตระกูลจ้าวของเราเองนั้นก็จะได้ผลพลอยได้นี้ไปด้วย” จ้าวฮ่าวพูดออกมา
เขาเองก็ได้นำเรื่องที่จ้าวซือเฟิงพูดก่อนหน้านี้มาคิดและพูดออกไปว่า “ว่าแต่ เมื่อกี้แกบอกว่าอีกครั้งนี่หมายความว่ายังไงกัน ทำไมถึงเป็นอีกครั้ง แกกับมันมีเรื่องอะไรกันแน่”
พอถึงตอนนี้ จ้าวซือเฟิงทำสีหน้าไม่สู้ดีในทันที หลังจากที่จ้าวฮ่าวได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ต้นแล้วเขาทำหน้าน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ซูจิ้งคนนี้ ถึงกลับกล้าข่มขู่พวกเราผ่านเจียงถิงหยวนได้เลยงั้นรึ ไอ้เด็กนี่จะมั่นใจตัวเองเกินไปแล้ว”
“เอาจริงๆนะผมว่าเรื่องนี้มันแปลก ตามความรู้สึกของผมนั้นเป็นเจียงถิงหยวนที่อยู่ภายใต้ซูจิ้งมากกว่า” จ้าวซือเฟิงพูดออกมา
“แต่สำหรับพ่อคิดว่าไอ้เด็กเจียงถิงหยวนนั่นต่างหากที่ผยองจนอยากจะเอาหน้ามากกว่า เด็กคนนี้ขนาดหวังจุ่นยังเอาไม่อยู่เลยนับประสาอะไรกับซูจิ้ง
ทั้งสองน่าจะเจอกันโดยบังเอิญแต่ไอ้เจ้าเจียงถิงหยวนนี่ที่อยากจะเอาหน้า ประเด็นคือไอ้เด็กแซ่เจียงนี่แหล่ะที่เป็นปัญหา
การที่มันพูดมาอย่างนี้แสดงว่าอย่างน้อยๆอาจมีหลักฐานสิ่งน่าจะสร้างปัญหาให้เราได้อย่างแน่นอน พวกมันอาจบอกออกมาว่าซือหลงเป็นคนพยายามข่มขืนและซูฉือนั้นเป็นฝ่ายป้องกันตัวเองจนพลั้งมือไป
แถมยังมีเรื่องที่แม่ของแกเตะเกาจุนเต็งจนตายห่าไปอีก ถึงแม้ตอนนี้พวกมันจะถูกบังคับไม่ให้ตอบโต้อะไร แต่ถ้าไอ้เด็กเจียงนี่ออกโรงเอง พวกมันต้องออกมาผสมโรงอย่างแน่นอน”
“ตอนนี้พวกเราสมควรพักเรื่องซูฉือเอาไว้ก่อน แล้วลองสืบดูว่าทำไมเจียงถิงหยวนกล้ามาออกหน้าแทนซูจิ้งขนาดนี้ หากเรารู้เราก็จะแก้สถานการณ์นี้ได้สินะครับ”
จ้าวซือเฟิงพูดออกมาด้วยใบหน้าสงบนิ่งราวกับตอนนี้เขาถูกซูจิ้งกระซวกแทงจนตายไปแล้วหนึ่งรอบแต่เขากลับยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือการระวังตัวและยอมๆทำตามไปก่อน นั่นก็เพราะว่าสำหรับตอนนี้แล้วเรื่องของซูฉือนั้นถือได้ว่าเล็กมากๆเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้
ตอนนี้เขาคงทำได้เพียงปล่อยเธอไปก่อน ต่อให้เธอพูดความจริงออกมาแล้วจะยังไง ในเมื่อฝั่งเขานั้นมีอำนาจคอยหนุนหลัง แต่ให้บอกความจริงจนตายก็ไม่มีใครได้ยินอยู่ดี
“เหอะ ซูจิ้งงั้นหรอ ตอนนี้มันเปรียบได้ดั่งราชสีห์ที่หิวโซที่กล้าพอจะขอส่วนแบ่งในธุรกิจใบยาสูบ
ในขณะเดียวกันมันยังกล้าที่จะมาหาเรื่องเราแบบนี้ ไอ้เด็กนี่มันช่างกล้าซะเหลือเกิน ฉันจะรอดูว่าแกจะมีจุดจบยังไง” จ้าวฮ่าวสบถออกมา
“มันก็เปรียบได้กับงูที่ไม่ดูตัวเองกล้าที่จะกินช้างเข้าไปทั้งตัว ผมเองคิดว่าไม่จบไม่สวยอย่างแน่นอน” จ้าวซือเฟิงเองก็ได้สบถออกมา
ในขณะเดียวกันตระกูลซุนเองก็กำลังพูดคุยกันเรื่องพันธุ์ยาสูบของซูจิ้งเช่นเดียวกัน เป็นเพราะว่าซุนหยูเฮงได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหวังซวนจี้เมื่อคืนทำให้เขาได้ข่าวสำคัญเรื่องนี้มาเช่นเดียวกัน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนเขายังคงเกาะติดสถานการณ์แบบไม่ว่างเว้น และพยายามวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในทุกง่ามุมฃ
“ไม่ว่าจะมองยังไง ซูจิ้งก็ไม่มีทางที่จะจัดตั้งบริษัทการค้าใบยาสูบเป็นของตัวเองได้อย่างแน่นอน
เพราะยังไงซ้ำกฎหมายในส่วนนี้ก็ไม่ได้มีช่องโหว่ หรือมีข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษแต่ประการใด ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ไม่มีทางโน้มน้าวฝั่งรัฐบาลได้อยู่แล้ว
ยังไงซะสุดท้ายแล้วซูจิ้งก็ต้องยอมขายเมล็ดพันธุ์ให้กับบริษัทยาสูบของรัฐอยู่ดี ถ้าเขาข้าใจคุณค่าของเมล็ดพันธุ์ยาสูบนี้ดีจริงๆล่ะก็นะ แต่ถ้าเกิดไม่ล่ะก็เขานั้นไม่สามารถรับมือเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน” ชายแก่คนหนึ่งได้พูดออกมา เขานั้นมีหนวดรุงรังและผมที่สีขาวไปแล้วกว่าครึ่งหัว
“ที่พ่อว่ามาผมเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน แต่คำถามในตอนนี้ก็คือใครจะไปนำเมล็ดพันธุ์จากซูจิ้งออกมาได้กัน” ซุนหยูเฮงพูดออกมา
“เจ้ากับซือหยาตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง” ชายแก่ได้ถามบ้าง
“อ่ะแห่ม ไม่คืบหน้าครับ” ซุนหยูเฮงได้พูดออกมาเสียงอ่อยๆ ความจริงนั้นยิ่งกว่าไม่คืบหน้าซะอีก คือตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าหาหวังซือหยาได้เลยสักนิด
เธอได้เพิกเฉยต่อเขาอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งเกลียดซูจิ้งเข้าไปใหญ่
“ไหนเจ้าบอกว่าตัวเจ้ารู้จักผู้หญิงดีไง ยังไงซะองค์การยาสูบก็ต้องปฏิเสธข้อเสนอของซูจิ้งอยู่แล้ว เมื่อผลการพูดคุยออกมา เจ้าต้องรีบติดต่อหวังซือหยาและเริ่มสายสัมพันธ์กับเธอให้ได้
ใครๆก็รู้กันดีว่าหวังซือหยานั้นมีสายสัมพันธ์อันดีกับซูจิ้ง หากเราให้หวังซือหยาเป็นคนขอแน่นอนว่าเรื่องย่อมง่ายขึ้น ข้าจะป็นคนจัดการเรื่องการปลูกเอง ข้าจะหาที่ที่ดีที่สุดเพื่อเตรียมการนี้ไว้
ใบยาสูบนี้สมควรจะทำเงินให้พวกเราอย่างมหาศาลอย่างแน่นอนเพียงแค่ได้พันธุ์มาปลูกเท่านั้นก็พอ”
“…ก็ได้ครับ ผมจะพยายามสุดความสามารถ” ซุนหยูเฮงได้พยักหน้ารับ
ขณะเดียวกันที่ตระกูลเฉียนนั้น ที่นั่นก็ได้ยินข่าวนี้แล้วเหมือนกันจนพวกเขานั้นตกตะลึงกันไปหมด
“อาจิ้งนี่น้า ไม่เคยกลัวใครเลยจริงๆ” ผู้อาวุโสตระกูลเฉียนกล่าวรำพึงออกมา
“หนูคิดว่าเขานั้นไปเบ่ยจิง(ปักกิ่ง)เพียงเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะไปก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ได้ขนาดนี้”เฉียนไจ่บิ๋งพูดออกมาพลางส่ายหัวไปด้วย
“ตอนนี้คงไม่ใช่โอกาสเหมาะที่เราจะชวนเขามาที่บ้านซะแล้วสิ หยินหนิง ตอนที่หลานเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนั้น ซูจิ้งไม่ได้เป็นที่นิยมหรือแสดงความสามารถพิเศษเหมือนตอนนี้มาเลยหรอ”
ผู้อาวุโสเฉียนถามออกมาด้วยรอยยิ้ม เขานั้นรู้สึกว่าซูจิ้งเองสมควรจะมีนิสัยแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่เด็กๆ
“ตอนเขาอยู่มหาวิทยาลัยเขานั้นก็เป็นคนเงียบๆทั่วๆไปนะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขานั้นถูกแฟนหักอกไปล่ะก็หนูเองก็คงไม่รู้จักเขาหรอก
เพราะในตอนนั้นเขาเป็นที่รู้จักเพราะว่าเป็นตัวอย่างของมหาวิทยาลัยในเรื่องผู้หญิงรวยไม่มีทางไปชอบหนุ่มบ้านนอกอย่างแน่นอน หากไม่เกิดเรื่องนี้หนูเองก็คงจะไม่รู้จักเขาเหมือนกัน” เฉียนหยินหนิงพูดออกมา
“ถ้างั้นนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขานั้นกลายเป็นพวกหัวขบถแบบนี้สินะ” ผู้อาวุโสถามออกมา
“เอ่อออ..ถ้าปู่ถามหนูมาอย่างนี้แล้วหนูจะไปถามใครได้กันล่ะคะ” เฉียนหยินหนิงยกมือขึ้นมาสองข้างเชิงไม่รู้ไม่เห็น
“แต่กับเรื่องนี้ดูเหมือนว่าซูจิ้งนั้นออกจะโลภไปสักหน่อยนะ ปู่เองก็กลัวว่าสิ่งที่เขาหวังในครั้งนี้จะไม่สมหวังล่ะนะ” ผู้อาวุโสเฉียนส่ายหน้าออกมา
ตระกูลเฉียนนั้นถือได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงแห่งนี้
แต่เอาจริงๆอำนาจของพวกเขานั้นมาจากสถาบันความมั่นคงแห่งรัฐ และองค์การยาสูบแห่งรัฐ นอกจากนี้พวกเขาเองก็ยังมีอำนาจในระดับจังหวัดด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อข่าวเรื่องใบยาสูบนี้แพร่กระจายออกไปทำให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาลแก่เหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง แน่นอนว่าเรื่องนี้เหล่าปถุชนคนธรรมดาไม่ไดรับรู้แต่อย่างใด
เที่ยงวันนั้น ด้วยการที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากทำให้ผู้แทนขององค์การยาสูบแห่งรัฐและบริษัทยาสูบขอจัดประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องที่ซูจิ้งร้องขอมา
ผลที่ออกมาแน่นอนอยู่แล้วว่าสิ่งที่ซูจิ้งร้องขอนั้นถูกปัดตกไป
ตระกูลจ้าว ตระกูลซุน ตระกูลเฉียน และตระกูลอื่นๆในตอนนี้ต่างก็รีบเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว แม้แต่ตระกูลหวังก็ยังคุยกับซูจิ้งให้ยอมถอยหลังออกมาจากเรื่องนี้สักก้าวหนึ่งก็ยังดี
แต่ก่อนที่ตระกูลทั้งหลายจะได้ทำอะไรไปนั้นกลับมีข่าวออกมาว่าซูจิ้งได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมในสภาสูงด้วย นี่ทำให้ทุกตระกูลนั้นถึงกับทำอะไรกันไม่เป็นกันเลยทีเดียว
พวกเขานั้นก็รู้ดีว่าต่อให้เป็นพวกเขาทำยังไง ซูจิ้งก็ไม่มีทางยอมให้ง่ายๆอย่างแน่นอน
แต่นี่รัฐบาลออกโรงมาเองขนาดนี้ ซูจิ้งสมควรจะตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูกจนตายเลยก็เป็นได้