“เจ้าหนูนั่นอยู่เมืองนี้รึเปล่าเนี่ย?”
“คงจะทำเป็นไม่ได้ยินสินะ ไอ้กร๊วกนั่น”
“ขอลองหน่อยได้ไหม? อาจจะเป็นเพราะว่าชื่อของพี่ถูกปกปิด หมอนั่นอาจจะไม่ไว้ใจก็ได้”
2 นิโคลัสช่วยตอบเสี่ยวเฟิง เขาก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน แต่ทันใดนั้นก็มีสายเรียกเข้าจากระบบ
“เดี๋ยวก่อน”
เสี่ยวเฟิงรีบเบรกคนทั้ง 2 ก่อนแล้วดูว่าใครเรียกเขา ปลายสายคือซืออี๋ที่เป็นเพื่อนของเขา
“นายใช่คนที่สั่งให้ป่าวประกาศในเมืองเทียนหลงรึเปล่า? หรือคนอื่นแอบอ้าง?”ปลายสายถามด้วยความสับสน
“นั่นฉันเอง ประกาศมันดังไปถึงเมืองเฉิงฉุยเลยรึไง?” พอได้ยินอย่างงั้นเสี่ยวเฟิงยิ่งสับสนยิ่งกว่าเธออีก
“ฉันมาทำธุระที่เทียนหลง แล้วตอนนี้เฉิงฉุยมีผู้เล่นอยู่แน่นไปหมดพื้นที่พิเศษก็เลยพลอยเต็มไปด้วยเลย ไม่อยากจะไปแย่งโอกาสพวกที่เลเวลน้อยๆน่ะ” ซืออี๋พูดอย่างเกียจคร้าน “ดูท่าว่านายกำลังตามหาเฉียงกวนเอาเฉินอยู่สินะ?”
“รู้จักเขาเหรอ?” เสี่ยวเฟิงถาม
“ถ้าไม่ไปชื่อซ้ำกับใครน่ะนะ นั่นน่ะญาติฉันเองตอนนี้น่าจะอยู่นอกเมืองคงจะไม่ได้ยินนายหรอก แล้วที่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็มาช่วยเขานี่แหละ” เสียงของซืออี๋ยังคงเนือยอยู่เหมือนเดิม
“เยี่ยม พาฉันไปหาเขาได้ไหม” เสี่ยวเฟิงรู้สึกยินดีมาก
“ก่อนหน้านั้นฉันขอถามอะไรซักอย่างจากนายก่อน แล้วเขาก็ไม่ได้จะมาคุยกับใครง่ายๆด้วย” ซืออี๋ดูท่าเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากเขา.
“ได้” เสี่ยวเฟิงพยักหน้า
“งั้นรออยู่ในเมือง ขอเวลา 2 นาที”
ซืออี๋นั้นตรงต่อเวลามาก เธอมาเจอเขาภายใน 2 นาทีตามที่บอกไว้
นิโคลัสทั้ง 2 คนต่างตะลึงไปกับความงดงามของคนที่ปรากฎตัวต่อหน้าเขา เจ๋าซือนั้นก็ออกอาการหน้าม่อในทันที
“อืม ขาอวบไม่เลว…อืม…งดงามเหลือเกิน…”
ขนาดเตียจูยังเขินจนหน้าแดงต้องหลบหน้าหลบตาในตอนที่ซืออี๋มองมาทางเขา
“เพื่อนของนายกับนายนี่เข้ากันได้ดีเหลือเกินนะ” ซืออี๋กลอกตาไปทางเสี่ยวเฟิงแล้วเดินเข้าไปหาเขาอย่างจงใจ
เสี่ยวเฟิงรู้สึกกระดากจนต้องมองไปทางเด็กเนิร์ดทั้ง 2 แต่พวกเขากลับมมองกลับมาด้วยความนับถือ ทำให้เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลย
“พวกนายกลับไปก่อนก็ได้นะ ที่เหลือเดี๋ยวจัดการเอง” เสี่ยวเฟิงพูดกับทั้ง 2
“ไม่ พวกเราสัญญากันไว้แล้วว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ได้โปรดพาพสกเราไปด้วยเถอะ” เจ๋าซือพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย
เสี่ยวเฟิงแทบคลั่ง เขาจำไม่ยักกะได้ว่าพูดอะไรแบบนั้นเอาไว้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุผลของไอ้พวกนี้คือซืออี๋แน่ๆ
“ลูกพี่เสี่ยวกำลังตามหาคนอยู่ใช่ไหมล่ะ? ก็น่าจะยากพอตัวนะแล้วพวกเราก็ว่างอยู่ด้วย ให้พวกเราช่วยเถอะ” เตียจูเสริมขึ้นมา ซึ่งเสี่ยวเฟิงนั้นไม่เชื่อเหตุผลยาวยืดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ตามใจพวกนายเถอะ”
เสี่ยวเฟิงนั้นเริ่มที่จะรำคาญแล้ว แต่ถ้าไอ้ 2 คนนั้นมันจะหน้าด้านได้ขนาดนี้เขาก็ไม่รู้จะห้ามยังไงเหมือนกัน
“ตามฉันมาเลย”
ซืออี๋ยิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเรียกสัตว์พาหนะของเธอออกมาแล้วมุ่งหน้าออกจากเมืองในทันที
พวกเสี่ยวเฟิงรีบตามติดไปในทันที แต่เขาก็รับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
สัตว์ขี่ของซืออี๋นั้นเปลี่ยนไป
เดิมเธอขี่ม้าขาว ส่วนเขานั้นจะขี่ม้าดำ ซึ่งวิ่งได้เร็วกว่าเขา
เขาเลยไปหาม้าแดงมาเพื่อที่จะเอาชนะซืออี๋โดยเฉพาะ
แต่ที่เธอใช้ตอนนี้คือม้าเฟอร์กาน่าซึ่งเป็นสิ่งที่แพงที่สุดในตลาดตอนนี้
เสี่ยวเฟิงรู้สึกไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ เขาคิดว่าซืออี๋จงใจกวนประสาทเขา พวกเขากำลังไปทางที่เป็นเขตพิเศษของเมืองร้าง และเธอต้องเห็นม้าสีแดงของเขาแน่ๆ ก่อนหน้านี้มันยังเป็นม้าขาวธรรมดาๆอยู่เลย!
ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นความบังเอิญ ราคาของม้าเฟอร์กาน่าตอนนี้นั้นน่ากลัวซะจนเสี่ยวเฟิงยังไม่ซื้อ
ส่วนนิโคลัสทั้ง 2 คนนั้นยิ่งแล้วใหญ่ด้วยความที่จนสุดๆ พวกเขาเลยขี่ม้าสีดำเท่านั้น ตลอดทางพวกเขาไม่สามารถที่จะตามพวกเสี่ยวเฟิงได้ทันเลย
ซืออี๋ไม่ได้ขี่เร็วมากนักเพื่อที่จะรอพวกเขา แล้วเธอก็ไม่ได้หยอกล้อเสี่ยวเฟิงเหมือนเมื่อก่อนหน้าทำให้เสี่ยวเฟิงรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
เฉียงกวนเอาเฉินอยู่ในเมืองร้างที่อยู่ไกลออกไปจากเมืองเทียนหลง พวกมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์นั้นล้วนแต่กลายเป็นซอมบี้ไปหมดแล้ว แม้แต่เสี่ยวเฟิงยังใช้เวลาจัดการพวกมันอยู่เกือบ 20 นาที.
“เขาอยู่ที่ไหน?”
เสี่ยวเฟิงมองไปรอบๆ เขามองเห็นแต่ซอมบี้เดินไปเดินมา เขาเลยต้องหันไปถามซืออี๋
ชาวบ้านคืนชีพ
เลเวล: 18
ระดับ: ทั่วไป
ธาตุ: มือ
พลังชีวิต: 340/340
พลังโจมตี: 52-59
พลังป้องกัน: 37-42
พลังโจมตีเวทย์: 34-39
สกิล: กัด คำราม
คำอธิบาย: เป็นธรรมดาของเมืองที่ล่มสลาย ที่จะมีคนตายฟื้นคืนชีพ ถึงจะเป็นอย่างงั้นสัญชาตญาณในการปกป้องเมืองของพวกเขานั้นยังคนอยู่
“มันควรจะเป็นที่นี่สิ รอก่อนนะ”
ซืออี๋รีบติดต่อหาทันที ซึ่งได้รับคำตอบมาเร็วมาก
“เขาอยู่ที่โบสถ์กลางเมือง รีบไปกันเถอะ”
มอนสเตอร์เลเวล 18 นั้นไม่ใช่ปัญหาเลย เสี่ยวเฟิงเพียแค่เพิ่มบัฟเสริมอาวุธให้พวกนิโคลัสแล้วก็ยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยพลังโจมตีที่เพิ่มมากว่า 100 พวกเขาสามารถจัดการซอมบี้ได้ในดาบเดียว
ซืออี๋มองพวกเขาอย่างช่วยไม่ได้ และก็ดูประหลาดใจในความเป็นทีมของพวกเขา.
มันทำให้เห็นว่าพวกเพื่อนๆของเสี่ยวเฟิงนั้นไม่ธรรมดาเลย ถ้าพวกเขาไม่มีบัฟพลังโจมตีคงไม่มาถึง 100 ได้ แต่ด้วยการสนับสนุนของเสี่ยวเฟิงนั้นทำให้พวกเขาไม่เจอปัญหาใดๆเลยในการต่อสู้
แม้แต่พี่น้องนิโคลัสก็ยังไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลยว่าพวกเขาจะได้ขนาดนี้.
“เขาอยู่ตรงนี้แหละ”
ถึงแม้พวกซอมบี้จะเยอะแค่ไหนก็ไม่สามารถขวางพวกเขาได้ แล้วพวกเขาก็มาอยู่ใจกลางเมืองจนได้ ที่ประตูทางเข้าของโบสถ์ แล้วพวกเขาก็พบกับเฉียงกวนเอาเฉินที่กำลังจัดการมอนสเตอร์
“อะไรน่ะ?”
เสี่ยวเฟิงถึงกับต้องเลิกคิ้ว
อาชีพของเขาคือนักดาบที่สู้ระยะประชิด แต่กลับมีค่าพลังที่ใกล้เคียงกับมือสังหารมากกว่า เขาใช้ดาบสองมือในการต่อสู้
อาวุธในมือของเขาตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่นัก มันเป็นดาบยาวระดับหายากธรรมดา แต่มันกลับเข้ามือของเขาเป็นอย่างมาก
“สกิลดาบอย่างงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเฟิงตั้งใจดูการต่อสู้ของเด็กคนนั้นเป็นครั้งแรก
“นี่! เสี่ยวเชน”
ซืออี๋ตะโกนเรียกเฉียงกวนเอาเฉินอีกฝ่ายฟาดฟันซอมบี้ตรงหน้าจนตายแล้วหันมองมาทางพวกเสี่ยวเฟิง
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่เนี่ย” ดูท่าว่าเขาจะจำพวกเสี่ยวเฟิงได้ แต่หน้าเจ้าตัวดูบ่จอยพิกล “นี่ซืออี๋ มาทำอะไรเนี่ย?”
“ก็เป็นเพื่อนกันน่ะสิ มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย” ขนาดเป็นญาตอย่างซืออี๋ยังคุยด้วยลำบากเลย
“ไม่ทำอ่ะ อย่ามายุ่งกับฉัน” เฉียงกวนเอาเฉินพูดโดยไม่คิดจะสนทนาต่อเลยแม้แต่น้อย
“เห้ย อยากโดนดีรึไงหาไอ้เด็กเวรนี่? นี่แพ้พนันให้พวกเรานะลืมไปแล้วเหรอ? ช่วยทำตามสัญญาที่จะกินขี้กิโลนึงด้วยนะ?” เจ๋าซือพูดอย่างคุกคามในทันที
“ใครมันจะไปทำวะ? น่าขยะแขยงจะตาย” เฉียงกวนเอาเฉินพูดด้วยความโกรธ
“···”
เสี่ยวเฟิงแล้วพวกต่างมองไปทางเฉียงกวนเอาเฉินที่กำลังจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ
“ไอหมอนี่มันไม่โง่นี่หว่า? ใครบอกว่ามันเลวทรามขนาดนั้นวะ?” เจ๋าซือกระซิบมาหา
“ทำไม่ได้เว้ยยยย!” เฉียงกวนเอาเฉินทันทีที่เขารู้ตัวว่าเขาใช้คำพูดผิดไปหน่อย เขาจึงหันกลับมาตะโกนสวนด้วยความโกรธ
ซืออี๋มองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสงสาร แล้วก็พูดต่อไปว่า
“ฉันยอมรับว่าฉันแพ้พนันโอเคมั้ย? แต่ฉันทำให้ไม่ได้ งั้นจะให้ทำอะไรตอบแทนล่ะ?” เฉียงกวนเอาเฉินหน้าบูดราวกับลูกโป่งที่โดนปล่อยลม
“ยังจำได้ไหมว่านายส่งเรื่องไปที่วิหารแห่งแสงในเมืองเทียนหลงเมื่อวานนี้?” เสี่ยวเฟิงถาม
“เมื่อวาน? อ่อก็มีพาลาดินคนหนึ่งให้ฉันส่งข้อความมาให้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นเพราะมันไม่ได้รางวัลอะไร” เฉียงกวนเอาเฉินคิดอยู่พักนึงแล้วก็พูดออกมา
“แล้วจำได้ไหมว่าไปเจอเขาที่ไหน?”
เสี่ยวเฟิงพูดอะไรไม่ออก เขานึดว่าที่เขาไม่ได้รับรางวัลเพราะว่าเขาส่งภารกิจผิดวิธีซะอีก
“อ่า ถ้าจำไม่ผิดก็แถวๆนี้แหละ แต่จำที่แบบแน่ๆไม่ได้” เฉียงกวนเอาเฉินดูแผนที่แล้วก็พูดออกมาอย่างจนใจ
“งั้นก็ไม่ช่วยตามหาหน่อย” เสี่ยวเฟิงรับคำ
“ตอนนี่ยังไม่ได้ทำภารกิจอยู่ใกล้จะเสร็จแล้วด้วย เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง” เฉียงกวนเอาเฉินพูดแล้วชี้ไปทางโบสถ์
“ห่าเอ๊ย” เจ๋าซือกับเสี่ยวเฟิงนั้นถึงกับหมดหนทาง
“ก็ได้ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยภารกิจของนาย แล้วต้องรีบมาช่วยพวกเราด้วย”
“ได้ งั้นรวมปาร์ตี้กันเลย” เฉียงกวนเอาเฉินมองว่าทำแบบนั้นก็ดีเหมือนกันเลยส่งคำขอร่วมปารฺ์ตี้ทันที
พวกเขารวมกันจนกลายเป็นทีม 5 คน แล้วก็ติดตามเฉียงกวนเอาเฉินไปยังโบสถ์ร้าง
“นี่ภารกิจอะไรวะเนี่ย? นี่ยากเกินไปหน่อยไหม!”
เนื่องจากการรวมปาร์ตี้เพื่อช่วยภารกิจของเฉียงกวนเอาเฉินมันจะไม่ใช่ภารกิจสำหรับคนๆเดียวอีกต่อไป ทำให้ความยากของมันนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่แปลกใจเลยว่าคนๆนั้นถึงขอให้เฉียงกวนเอาเฉินมาช่วยแบบนี้