บทที่ 2005 – ชิงเสอ เทียนฮี่ เรินโม่
ชิงห่านอี้หัวเราะและจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาทรงเสน่ห์ “เขาคือลูกชายของท่าน”
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า “ข้ารู้”
“ตั้งชื่อให้เขาสิ!!”ชิงห่านอี้ตอบกลับอย่างมีความสุข
“ข้าขอตั้งชื่อเขาว่าชิงเสอ!!”ชิงสุ่ยมองเห็นร่างกายของเจ้าหนูน้อยก็มีความโดดเด่นและรู้ว่าเขาจะมีอนาคตที่ดี ดังนั้นเขาจึงหวังว่าลูกชายคนนี้จะมีหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาและให้อภัย
“เจ้าหนูน้อย ต่อจากนี้เจ้าจะมีชื่อว่าชิงเสอ”ชิงห่านอี้ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
ชิงห่านอี้คือผู้ฝึกฝนวรยุทธและครอบครองร่างกายเก้าหยิน ไหนว่าเธอจะเพิ่งคลอดลูกทำให้พลังร่างกายถดถอย แต่ด้วยความช่วยเหลือของชิงสุ่ย ร่างกายของเธอฟื้นฟูพลังได้กว่าครึ่งภายในเวลาครึ่งวัน ดังนั้นเธอ
ชิงห่านอี้หัวเราะและจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาทรงเสน่ห์ “เขาคือลูกชายของท่าน”
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า “ข้ารู้”
“ตั้งชื่อให้เขาสิ!!”ชิงห่านอี้ตอบกลับอย่างมีความสุข
“ข้าขอตั้งชื่อเขาว่าชิงเสอ!!”ชิงสุ่ยมองเห็นร่างกายของเจ้าหนูน้อยก็มีความโดดเด่นและรู้ว่าเขาจะมีอนาคตที่ดี ดังนั้นเขาจึงหวังว่าลูกชายคนนี้จะมีหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาและให้อภัย
“เจ้าหนูน้อย ต่อจากนี้เจ้าจะมีชื่อว่าชิงเสอ”ชิงห่านอี้ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
ชิงห่านอี้คือผู้ฝึกฝนวรยุทธและครอบครองร่างกายเก้าหยิน ไหนว่าเธอจะเพิ่งคลอดลูกทำให้พลังร่างกายถดถอย แต่ด้วยความช่วยเหลือของชิงสุ่ย ร่างกายของเธอฟื้นฟูพลังได้กว่าครึ่งภายในเวลาครึ่งวัน ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับอาการเจ็บปวดหลังคลอด หรือไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับไข้หนาวสั่น
แต่ชิงสุ่ยก็ยังคงสั่งให้เธอนอนพักบนเตียงต่อไปอีก 2-3 วัน
บรรดาหญิงสาวคนอื่นๆกลับเข้ามาในห้อง และออกไปพร้อมกับชิงสุ่ยหลังจากเด็กน้อยและชิงห่านอี้หลับไป
ชิงสุ่ยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้อีเย้เจี้ยนเก้อและหญิงสาวคนอื่นได้รับรู้ถึงความคงอยู่ของเขา รวมไปถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
หลังจากที่รู้ว่าชิงสุ่ยเดินทางไปที่เมืองฉาง พวกเขาก็เลยบอกให้ชิงสุ่ยระวังตัว และอยากจะช่วยเหลือชิงสุ่ย แต่น่าเสียดายที่พวกเขายังจากพระราชวังอาทิตย์อัสดงไปตอนนี้ไม่ได้ ชิงสุ่ยเองก็ไม่เห็นด้วยที่พวกเขาจะทิ้งพระราชวังอาทิตย์อัสดงไป ท้ายที่สุดแล้วพระราชวังอาทิตย์อัสดงและพระราชวังหมาป่ามังกรอาจจะแข็งแกร่งกว่าพระราชวังอมตะแต่ก็ไม่ได้มากไปกว่านั้น
“ข้าตั้งใจว่าจะก่อตั้งพระราชวังเทพสงครามเพื่อรวบรวมเหล่าผู้สืบทอดมรดกเทพสงคราม ชิงเก้อ เจ้าเองก็เป็นผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงครามทลายสุริยา เจ้ามีแผนอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยคิดก่อนจะกล่าวถาม
มูหยุนชิงเก้อแรกเริ่มเดิมทีเธอเป็นถึงนายหญิงแห่งพระราชวังทะเลราชันย์ แต่พระราชวังทะเลราชันย์ได้รวมเท่ากับพระราชวังอาทิตยาของหลัวชิงเฉินทำให้ทั้งสองเพลงกำลังกันกลายเป็นพระราชวังอาทิตย์อัสดง
และเธอเองก็กลายเป็นหนึ่งในนายหญิงแห่งพระราชวังอาทิตย์อัสดง
“ข้าอยู่ที่ไปก็ไม่มีอะไรทำ ทำไมท่านไม่พาข้าไปเปิดหูเปิดตาละ?”มูหยุนชิงเก้อกล่าว
หลิวชิงเฉินยิ้ม “มันก็เป็นเรื่องดี แม้ว่าชิงเก้อจะชิงออกไปก่อนตั้งแต่ตอนนี้ แต่ในอนาคตพวกเราก็ต้องกลับมารวมตัวกันอยู่ดี” ชิงสุ่ยออกความเห็น “แต่ถ้าหากชิงเก้อจากออกมาก่อน ข้ารู้สึกไม่มั่นใจกับที่นี่เลย”
“มันมีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีกล่ะ? เจี้ยนเก้อและหลิงเยียนอยู่ที่นี่ มีคนอยู่ไหมมากที่พอจะคุกคามพวกเราได้ ท่านอย่าลืมสิว่าที่นี่ไม่ใช่โลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง”หลิวชิงเฉินยิ้ม
“เราควรจะรอกันอีกสักหน่อย เรื่องพระราชวังเทพสงคราม เราค่อยคุยกันครั้งหน้า”ชิงสุ่ยคิดแล้วยังคงรู้สึกว่ามูหยุนชิงเก้อไม่ควรจากไปตอนนี้
“ถ้าเช่นนั้น เอาเป็นว่าเมื่อพระราชวังเทพสงครามของท่านแข็งแกร่ง พวกเราค่อยเข้าไปรวมตัวกัน”มูหยุนชิงเก้อยิ้ม
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมาย ถานท่ายหลิงเยียนพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาก อีเย่เจี้ยนเก้อและมูหยุนชิงเก้อกองพัฒนาก้าวหน้าเช่นกัน และด้วยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ชิงสุ่ยจึงมั่นใจขึ้นมากว่าพวกเธอจะอยู่บนโลกเก้ามหาทวีปได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
…………………..
“เยียนเยียน พรุ่งนี้ข้าคงต้องจากไปแล้ว”ชิงสุ่ยเดินไปที่ห้องของถานท่ายหลิงเยียน
เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพธิดาที่แสนเยือกเย็น ชิงสุ่ยพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้อยู่กับสาวงาม
“อืม ระวังตัวด้วย”ถานท่ายหลิงเยียนไม่ต่อต้านการเรียกชื่อเล่นของเขาอีกต่อไปแล้ว เธอปล่อยให้เขาเรียกอะไรก็ได้ตามที่ใจเขาต้องการ
“ข้าคิดถึงเจ้า”
“ข้าก็จะถึงท่านเช่นกัน”
“ข้ารักเจ้า!!”
“ข้า…..ก็รักท่านเช่นกัน”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวตอบด้วยสีหน้าเขินอาย
ชิงสุ่ยยิ้มให้กับหญิงสาวที่กำลังเขินอาย ก่อนจะเข้าไปโอบกอดเธอ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าถานท่ายหลิงเยียนถ้าเป็นของเขาในไม่ช้า เขาจึงไม่ได้เร่งรีบ ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงแค่ก้าวเดียว ชิงสุ่ยสามารถโอบกอดและจูบเธอได้เหมือนคนรัก บางครั้งเมื่อของเขาก็ซุกซน ยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟเผา
เขาก้มหน้าลงจุมพิตที่ริมฝีปาก จากนั้นก็พาเธอเดินตรงไปที่เตียง
บนเตียงอันแสนนุ่ม ชิงสุ่ยค่อยๆวางร่างของถานท่ายหลิงเยียนลงบนเตียงขณะที่เขายังคงจุ่มพิตริมฝีปากของเธอ มือของเขายังคงซุกซนไปเรื่อย ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดหย่อน
“ท่านยังไม่ได้รับอนุญาตให้ถอดเสื้อผ้าของข้า”
เมื่อเธอรู้สึกว่าชิงสุ่ยกำลังจะปลดเสื้อผ้าของเธอ เธอจึงเอามือมาห้าม
ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าเองก็รู้สึกดี แต่เจ้าก็ยังสะกดมันเอาไว้”
ถานท่ายหลิงเยียนตัวสั่นและดึงมือกลับด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นเธอก็จ้องมองชิงสุ่ย ” ท่านบอกกับข้าว่าท่านจะไม่บังคับข้า ท่านให้เวลาข้าอีกหน่อยได้หรือไม่? ข้าจะต้องกลายเป็นคนของท่านอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าที่นี่เองก็มีเจียนเก้ออยู่หรือ?”
เธอไม่ค่อยจะพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยอึ้งไปชั่วขณะ แน่นอนว่าทั้งสองคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ชิงสุ่ยจึงอยากจะแกล้งเธอต่อ เขาจึงยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงดูชั่วร้าย “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอลิ้มลองสักหน่อยแล้วกัน”
ชิงสุ่ยแนบใบหน้าลงบนเนินเขาขาวโพลนคู่อันแสนยั่วยวนพร้อมกับกลิ่นหอมรัญจวน
ถานท่ายหลิงเยียนหลับตาโดยไม่พูดอะไร ชิงสุ่ยก็รู้ดีว่าเธอยินยอม เขาจึงไม่อาจละสายตาไปจากยอดเขาหิมะอันโดดเด่นนุ่มนวลผิวเรียบยก ก่อนจะเริ่มบรรจงจูบและดูดดื่มเป็นเวลายาวนานเกือบ 1 ชั่วยาม
………………….. ชิงสุ่ยอยู่กับพวกเธอเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์ แล้วเตรียมตัวที่จะกลับเมืองฉาง เขาใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุเพื่อเดินทางมายังที่ตั้งหนึ่งในสถานที่จุดข้ามทวีป เมืองต้าฉาง
ชิงสุ่ยจำได้ดีว่าครั้งสุดท้ายที่เขามาเมืองแห่งนี้มันเป็นเวลายาวนานมากกว่าครึ่งปีแล้ว เขาตั้งใจเดินทางไปที่เมืองอุดรเหมันต์เพื่อเจอหลวนหลวน หากเธอรู้ว่าเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองฉาง เธอคงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย
เส้นทางระหว่างเมืองเมืองซือหยุนและเมืองต้าฉาง ชิงสุ่ยได้ยินเสียงการต่อสู้จากไม่ไกล เหตุการณ์ไล่ล่าที่ดูเลวร้ายกำลังจะผ่านเส้นทางการบินของชิงสุ่ย ตอนแรกเขาเองก็ไม่ได้หยุดแล้วเตรียมที่จะจากไปโดยไม่สนใจ แต่หางตาของเขาก็ตระหนักได้ว่าคนที่กำลังถูกไล่ล่าเป็นคนที่เขารู้จัก
เทียนฮี่ เรินโม่!!
อัจฉริยะตระกูลเทียนฮี่แห่งเมืองเทียนฮี่ เทียนฮี่เรินโม่!!
ชิงสุ่ยไม่คิดว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่ มันช่างน่าประหลาดใจมาก เพราะโลกใบนี้มันแสนกว้างไกลยิ่งใหญ่แต่กลับได้เจอคนใกล้ตัว