ทุกคนบนเรือนำของวิเศษของตัวเองออกมาแต่ก็ไม่มีชิ้นใดที่เป็นโลกถ้ำ
โลกถ้ำนั้นล้ำค่าเป็นอย่างมากมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีไว้ในครอบครอง
เทพกระเรียนชี้ไปที่ใต้ห้องพัก
“เราต้องตรวจสัมภาระเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรถูกซ่อนเอาไว้”
แต่คำตอบเดียวที่ได้ก็คือการปฏิเสธอย่างเย็นชาจากเซียนของเรือสินค้า
“ถ้าท่านเต็มใจเสียตำแหน่งผู้ส่งสารแห่งหน่วยผู้คุมกฎอาวุโสท่านก็ลองตรวจดูได้”
เรือสินค้าที่บรรทุกสัมภาระอยู่จะมิอาจถูกตรวจสอบได้ถ้าหากไม่มีเจ้าของสินค้าอนุญาตมิเช่นนั้นหน่วยผู้คุมกฎอาวุโสจะถูกไล่ออก
เทพกระเรียนมิได้ไม่พอใจนางพูดอีกครั้ง
“ย่อมได้ข้าเคารพกฎ ไปกันเถอะ!” ก่อนที่เสี่ยวเสวียนจะกลับเขาเหลือบมองห้องพักในเรือและพบห้องลับพิเศษของกัปตัน คนนอกมิอาจเข้าไปได้
สุดท้ายกัปตันเรือก็ถูกเรียกออกมาแต่ดูเหมือนจะมีอีกคนอยู่ที่ห้องในด้านหลัง สิ่งเดียวที่ผู้คุมกฎยังไม่ตรวจสอบก็คือประตูบานนั้น
“ใครอยู่ในนั่นน่ะ?ทำไมเจ้าไม่เปิดประตู?”
เสี่ยวเสวียนเข้าไปพูดด้วยเสียงเยือกเย็น
เทพกระเรียนใจหายนางแอบคิดว่าซือหยูซ่อนอยู่ในห้องด้านหลังนั้น ถ้าหากเสี่ยวเสวียนเจอตัวล่ะก็…
เซียนสองคนพูดเบาๆ
“ท่านเสี่ยวท่านไม่รู้จะดีกว่า เขาไม่อยากพบท่าน”
“หึใครกันที่มีอัตตาถึงเพียงนี้ ไม่ออกมาแม้จะอยู่ต่อหน้าผู้คุมกฎอาวุโส? ยกเว้นแต่เทพ ใครกันจะขัดคำสั่งพวกข้าได้?” เสี่ยวเสวียนพูดอย่างเย็นชา
เอี๊ยด…
ประตูห้องด้านหลังเปิดแง้มเสียงเกียจคร้านดังขึ้น
“แน่ล่ะข้าไม่ใช่เทพ ข้าขัดสั่งพวกเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว อยากเห็นก็เข้ามา”
เสี่ยวเสวียนเทพกระเรียน คังเตี้ยยี่ และชายแก่ต่างมองด้วยความสงสัย เสียงนั้นดูคุ้นเคยมาก
เสี่ยวเสวียนไม่สนใจและเหลือบมองขณะที่เสี่ยวเสวียนกับเทพกระเรียนชักสีหน้า คังเตี้ยยี่กับชายแก่โค้งคำนับลงทันทีพร้อมกับคนมากกว่าสองร้อยคนด้านหลังเขา
“ผู้คุมกฎคังเตี้ยยี่คารวะท่านหยาง!”
“ผู้คุมกฎหน่วยมังกรพิษคารวะท่านหยาง!”
ผู้คุมกฎนั้นมีตำแหน่งสูงมีแค่คนนอกที่ต้องโค้งคำนับพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขากำลังคุกเข่าให้หยางไท่ แม้แต่เสี่ยวเสวียนก็โค้งคำนับเช่นกัน
“ขอคารวะพี่หยางไท่”
เทพกระเรียนยิ้มหวาน
“ข้าน้อยเทพกระเรียนคารวะพี่หยางไท่”
มีความเป็นไปได้เดียวที่หน่วยผู้คุมกฎถึงสองกลุ่มจะแสดงความยำเกรงขนาดนี้
นั่นคือพวกเขาจำเป็นต้องทำ!
ไม่ว่าจะมาจากหน่วยผู้คุมกฎทั่วไปหรือผู้คุมกฎอาวุโสพวกเขามีคนอยู่มากมาย หากรวมหลายพันคนในหน่วยและผู้ติดตาม…หน่วยคุมกฎทั่วไปจะมีคนเพียงแสนคนหรือ? บางทีพวกเขาอาจมีคนนับล้าน
ด้วยจำนวนคนที่รับภารกิจกระจายสิ่งของ บันทึกรายละเอียด… พวกเขาเหล่านั้นต้องผ่านการบริหารจัดการไม่ใช่รึ?
เหล่าคนที่จัดการหน่วยคุมกฎนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าหอพันธมิตรพวกเขามีเจ้าหน้าที่คุมกฎเก้าคนที่บริหารจัดการเรื่องของผู้คุมกฎทั้งหมด เจ้าหน้าที่คุมกฎทั้งเก้าหกคนเป็นบุคคลเสมือนเทพที่มีตำแหน่งอยู่ในอำนาจ
อีกสามคนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่คุมกฎที่ได้รับการคัดเลือกจากหน่วยผู้คุมกฎอาวุโสมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนเท่านั้นที่จะได้เป็นตัวแทนองหอพันธมิตร
ทั้งสามไม่ได้บริหารจัดการอะไรเท่าใดนักแต่ในเมื่อมีตำแหน่งอยู่ในนาม ใครกันจะกล้าดูหมิ่นพวกเขา?
ถ้าหากพวกเขาขอร้องต่อหน้าเทพทั้งหกคนใครกันจะปฏิเสธ?
ดังนั้นสถานะของทั้งสามจึงนับว่าเหนือกว่า ไม่มีใครต้องการทำให้พวกเขาไม่พอใจ
หยางไท่คือผู้คุมกฎอาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสามเขาคือชายที่มีพลังเหรือกว่าใคร เป็นรองเพียงอีกสองคนที่เหนือกว่าเท่านั้น
“พวกเจ้ามาแล้วก็ตรวจสอบเสีย”
หยางไท่หรี่ตามองเสี่ยวเสวียนและเทพกระเรียนเขาเห็นว่าทั้งสองกำลังจะร้องไห้ พวกเขาจะกล้าค้นห้องของผู้คุมกฎหรือ?
เทพกระเรียนพูดเบาๆ
“หากเรารู้ว่าพี่หยางไท่อยู่บนเรือเราก็คงจะไม่มาถึงที่นี่ ถ้าพี่หยางไท่อยู่ที่นี่ คนร้ายก็ย่อมไม่อยู่ที่นี่แน่นอน”
คำพูดของนางมีเหตุผลมันยังเป็นข้ออ้างให้นางไม่ต้องค้นดูห้องนั้น และมันยังเป็นทางเลือกที่ดีในการออกจากสถานการณ์นี้
แต่หยางไท่ก็ไม่สนใจคำพูดของนาง
“ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็จงกลับไปเถิด”
เทพกระเรียนแอบผิดหวังหยางไท่เป็นคนสำคัญในพันธมิตร พลังอำนาจของเขาเองก็ส่วนหนึ่ง
ที่สำคัญกว่าก็คือพ่อของเขาเป็นเทพพ่อค้า เขาเป็นบุคคลสำคัญที่ร่ำรวยและทรงอำนาจในพันธมิตร ความมั่งคั่งหนึ่งในสี่ของพันธมิตรอยู่ภายใต้การควบคุมของเทพพ่อค้า
แต่เพียงแค่คิดก็ผิดแล้วที่เทพพ่อค้าจะได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น!
คนหนึ่งคนจะได้ครองอาณาจักรทางการค้าขนาดนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?ถ้าหากไม่มีอำนาจของธารดารา เขาจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้รึ? ถ้าหากไร้ซึ่งธารดารา พวกเขาคงจะถูกกลุ่มเทพหลายร้อยคนจู่โจมและแบ่งทรัพย์สมบัติกันแล้ว
เทพพ่อค้านั้นเป็นเทพที่แข็งแกร่งอย่างผิดธรรมชาติในบรรดาเทพมากมายในพันธมิตร เขาแข็งแกร่งเป็นสามอันดับแรก!
เหล่าเทพปลายแถวนั้นได้กลายเป็นเทพติดอันดับในพันธมิตรก็เพราะความช่วยเหลือจากเทพพ่อค้าพวกเขาต้องคารวะเทพพ่อค้าทุกครั้งเมื่อได้พบ!
ตระกูลเทพมากมายต่างก็พึ่งพาการค้าขายกับเทพพ่อค้าการทำลายเส้นสายทางธุรกิจนั้นหนักหนาพอ ๆ กับการทิ้งโลกถ้ำให้ออกจากพันธมิตร
ไม่มีใครเทียบอำนาจของเขาได้ ดังนั้นหยางไท่จึงเป็นห่านทองคำที่เทพีมากมายหมายปอง
การแต่งงานกับตระกูลพ่อค้านั่นหมายถึงการได้โบยบินสู่ท้องนภาและักลายเป็นเทพโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่ตัวหยางไท่เองนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าใดนักในใจเขามีเพียงการต่อสู้และการฆ่าฟัน เขาไม่ได้สนใจสตรีหรือเรื่องราวเทือกนั้นเลย หรือต่อให้เขาสนใจ เทพกระเรียนก็ไม่อยู่ในสายตาของเขาแน่
แต่นางรู้ดีในฐานะลูกหลานของเทพการค้า หยางไท่ก็เป็นคนน่าเบื่ออย่างที่ควรจะเป็น
แต่กลับกันเขานั้นเป็นชายที่เฉลียวฉลาดอย่างมากในการคำนวนและคิดอ่าน นางเคยได้ยินจากพ่อตัวเองว่าหยางไท่เป็นคนฉลาด หากเป็นเรื่องการวางแผนและกลยุทธ์ เขาจะเป็นรองเพียงเทพพ่อค้าผู้เป็นพ่อเท่านั้น
ด้วยประการเช่นนี้เทพกระเรียนจึงได้แต่ถอยไปพร้อมกับเสี่ยวเสวียน หยางไท่พูดอย่างใจเย็นขณะที่รอให้เรือของผู้คุมกฎแล่นออกไป
“สืบเรื่องที่เกิดในจิวโจวตรวจสอบคนที่อยู่บนเรือ”
“ขอรับ…”
เซียนเฒ่าสองคนตอบด้วยความนับถือและถอยออกไป
สองเดือนต่อมาเรือได้แล่นมาถึงพันธมิตรเทพบูรพา
มีแสงกระจ่างจากระยะไกลเปล่งประกายไปทั่วพื้นที่ต่อเนื่องระยับ แสงเหล่านั้นอยู่เคียงกัน เปล่งประกายไปทั่วจักรวาลอันมืดมิด
นี่คือทางชางเผือกที่พวกเขาเห็นได้จากการแหงนหน้ามองผ่านแดนจิวโจว!
มีสายธารของโลกหลายใบหลายร้อยดวงเรียงตัวกัน
หากมองใกล้ๆ โลกแต่ละใบนั้นเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนา ม่านพลังระหว่างโลกทุกใบเปิดออก เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางนภากว้างใหญ่ใบนี้ผู้ที่ยืนมองจะได้เห็นความกว้างใหญ่ของดินแดนเทพ
ทุกเรือสินค้าจะมีขนาดใหญ่เท่ากับโลกจิวโจวมันแล่นเข้าออกดินแดนเทพแห่งนี้ไม่ขาดสาย
เทียบกันแล้วเรือสินค้าที่ซือหยูกำลังโดยสารอยู่นั้นไม่ต่างกับเรือลำเล็ก
เรือสินค้าเทียบท่าสัมภาระในห้องโดยสารถูกลำเลียงออกมาไปยังทุกทิศทาง
ผู้คุมกฎหลายร้อยคนซ่อนตัวอยู่บนฝั่งพวกเขามองดูเส้นทางที่สินค้าจะไป
ทุกครั้งที่สินค้าถูกเคลื่อนย้ายจะมีผู้คุมกฎหนึ่งคนคอยสอดส่องอยู่เงียบๆ พวกเขาจะมองดูสินค้าอย่างละเอียดสักครึ่งนาที
ณร้านสุราแห่งหนึ่ง มุมปากเทพกระเรียนเปรอะเปื้อนดั่งแมวที่จับหนูได้ นางเศร้าหมอง
“มันรอดไปจากมือข้าได้ยังไง?” นางคาดหวังอยู่มากว่าซือหยูจะต้องเก็บหอคอยไว้ในกล่องสัมภาระใดสักกล่องเพื่อที่จะเลี่ยงการถูกผู้คุมกฎค้นและเข้าสู่ดินแดนพันธมิตรได้สำเร็จ
ด้านหลังนางคือชายแก่ที่รอคอย
“มังกรพิษทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?”
เทพกระเรียนพูดอย่างเย็นชา
มังกรพิษตอบ
“แม่นางสบายใจได้พวกมันเสร็จหมดแล้ว! ข้าบ่มเพาะผู้คุมกฎกับผู้ติดตามเหล่านั้นกับมือ พวกเขาภักดีกับท่านและจะไม่มีทางแพร่งพรายข่าว เราต้องฆ่าสองคนนั้นจากจิวโจวและชิงหอคอยมาให้ได้ก่อนที่ผู้คุมกฎอาวุโสที่เหลือจะมาถึง”
เทพกระเรียนเหลือบมองอย่างเยือกเย็น
“เจ้าคนที่ฆ่าจิงไป่วันนั้น…จัดการรึยัง?”
มังกรพิษกล่าว
“แม่นางสบายใจเถิดพวกมันพูดอะไรไม่ได้หรอก แต่ก็มีเพียงคนเดียวที่ยากที่จะจัดการ”
“เจ้าหมายถึงคังเตี้ยยี่รึ?”
เทพกระเรียนสีหน้าเย็นชาเรื่องนี้คือหนามที่ปักกลางใจนาง
“ใช่แล้วเขาเป็นคนของเทพตำรา เขาเป็นหัวหน้าผู้คุมกฎของเทพตำราอีกด้วย เขาแข็งแกร่งมาก ถ้าเราฆ่าเขาไม่ได้ เขาจะหนีไป จะถือว่าเราเป็นศัตรูกับเทพจิงและเทพตำราไปพร้อมกัน”
เทพกระเรียนพูดอย่างเย็นชา
“ข้ารู้อยู่แล้ว!ยิ่งต้องฆ่ามันให้ตายให้ได้! เทพตำรารู้ดีกว่าใคร ถ้ารู้ความจริง เขาจะต้องรายงานเราเรื่องจิงไป่แน่!”
หลังพูดจบเทพกระเรียนหยิบขวดที่มีผงสีดำออกมา
“นี่คือพิษจากเทพพิษแรงพอที่จะฆ่ามัน!”
เทพพิษรึ?มังกรพิษเกาใบหน้า แม้ว่าคนอื่นจะเรียกเขาว่ามังกรพิษ แต่เขาจะเทียบกับเทพที่ทำให้เขามีพิษได้อย่างไร? ถ้าเช่นนี้ความตายของคังเตี้ยยี่ก็เป็นสิ่งแน่นอนถ้าเขามีขวดพิษขวดนี้
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนสินค้าจำนวนหนึ่งได้มาถึงโลกของเทพตำรา
สินค้าจำนวนนี้ถูกสั่งโดยร้านค้าเล็กแห่งหนึ่งเมื่อเจ้าของร้านเปิดดูก็ได้พบกับโอสถจำนวนมาก จากนั้นเขาก็พบหอคอยทองแดงหนึ่งชิ้นอีกด้วย
คนงานร้านเก็บมันแต่ก็ไม่สนใจมันนักเมื่อเก็บสินค้าทั้งหมดลงในห้องเก็บของและกลับไป จู่ ๆ เขาก็เห็นว่าหอคอยนั้นหายไปแล้ว
ซือหยูถอนหายใจเมื่อเดินอยู่ในตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน
โลกในพันธมิตรนั้นเป็นศูนย์กลางของโลกทั้งหมดดังนั้นพลังของโลกใบหลักจึงกระจายไปยังทุกดินแดน
โลกทุกใบในพันธมิตรนั้นเจริญรุ่งเรืองกว่าจิวโจวเป็นอย่างยิ่งซือหยูไม่ต่างจากชาวเมืองธรรมดาบนโลกใบนี้
ตลอดทางมีสิ่งมีชีวิตทุกประเภทที่ไม่ใช่มนุษย์ มีเด็กสาวน่ารักที่ดูเหมือนแมวโง่ ๆ มีศิลาขนาดยักษ์ที่รูปร่างคล้ายมนุษย์หิน มีนกกระจอก จระเข้ ราวกับว่าไม่มีมนุษย์เดินอยู่ในเมืองเลย