“สวะ! พวกสวะ! คนสี่คนจัดการคนแค่คนเดียวก็ไม่ได้ ทั้งยังมีบาดแผลกันกลับมาอีก”
จางคุนโมโหมากมองพวกลูกน้องที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ยิ่งโมโห
“ลูกพี่ พี่ไม่รู้อะไร เจ้าต่างชาติคนนั้นใช้ไม้หาบเก่งมาก พวกเราถือชะแลงก็สู้ไม่ได้เลย พี่ดูเขา ดูไหล่ของเขา ฉันแน่ใจว่ามันหักแล้ว”
จางคุนขมวดคิ้วขึ้น คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดยังไม่ฟื้น แต่ดูจากตำแหน่งของบาดแผลแล้ว จางคุนก็รู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมาเช่นกัน
“นายรีบพาเขาไปหาหมอ” จางคุนโบกมือ แต่ก็รีบพูดว่า “อย่า อย่าไปหาหมอในเมือง นายขับมอเตอร์ไซค์ไปเมืองข้างๆ ไม่ต้องหาหมอที่นี่ ถ้าหมอถามก็บอกว่าเกิดอุบัติเหตุรถชน เข้าใจไหม”
“รู้แล้ว ลูกพี่”
จางคุนไม่คิดจะใช้เม็ดขี้ผึ้งสองเม็ดที่ได้มาจากคนลึกลับ…ของแบบนี้ เขารู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าหากจะใช้กับลูกน้อง
“หยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ก่อน เจ้าต่างชาติคนนี้ต่อสู้เก่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ” หลังจากสองคนนั้นจากไปแล้ว จางคุนก็นั่งลงอย่างอารมณ์เสีย ลูกน้องที่เหลืออีกสองคนรีบรินน้ำให้เขาดื่ม
“ลูกพี่ ฉันว่าเจ้าต่างชาติคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่…พวกเรายังต้องไปหาเรื่องมันอีกไหม”
รังแกคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่งคือคติของพวกเขา
เขาพูดต่อด้วยสีหน้าที่ดูดุร้ายว่า “อีกอย่างนะลูกพี่ ถ้าพี่ชอบซานเอ๋อร์คนนี้จริงๆ พวกเราก็ช่วยพี่ลักพาตัวเธอมาก็ได้ ถึงตอนนั้นก็แล้วแต่พี่จะจัดการไม่ใช่เหรอ รอพี่เล่นจนเบื่อแล้วก็ค่อยปล่อยกลับไป แม่หม้ายแบบนั้นไม่กล้าพูดออกไปหรอก และถึงจะพูดออกไปก็เปล่าประโยชน์”
“ทำแบบนั้นจะไปมีความหมายอะไร” จางคุนสบถ “พวกไร้ประโยชน์ ออกไปๆ อย่ามากวนฉัน”
ลูกน้องสองคนสบตากัน ข้อมือของทั้งสองคนก็บาดเจ็บหนัก หลังจากฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่อยากอยู่ต่อจึงพากันแยกย้ายไปหาที่รักษาบาดแผล
จางคุนนั่งกินเหล้าจิ่วเจียงขวดหนึ่งคนเดียว แกะถั่วกิน…กินไปกินมาก็รู้สึกหมดอารมณ์ ทันใดนั้นก็กวาดทุกอย่างบนโต๊ะลงบนพื้น
“ดูท่าทางเหมือนนายจะแพ้แล้ว”
“นายอีกแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น จางคุนก็เบิกตามองไป ไม่เหนือความคาดหมาย เป็นคนสวมชุดคลุมใหญ่ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าต่างและหน้าต่างในครั้งนี้ก็คือหน้าต่างบ้านเขา
จางคุนเดินเข้าไปหาอย่างโมโห “ที่นายให้ฉันทำฉันก็ทำหมดแล้ว ผลลัพธ์ล่ะ ฉันไม่ได้อะไรเลย ทั้งลูกน้องฉันยังบาดเจ็บอีก นายไม่เห็นบอกฉันเลยว่าเจ้าต่างชาติคนนั้นจัดการยาก”
คนในชุดคลุมใหญ่…หรือนีโรหัวเราะเบาๆ “โง่หรือไง ถ้าไม่ยากแล้วฉันจะเอายาแบบนั้นให้นายไปใช้ทำไม นายคิดว่าเป็นขนมพายที่ตกลงมาจากสวรรค์หรือไง”
จางคุมข่มความโมโห “นายบอกฉันมาตามตรงเถอะ คนต่างชาติคนนี้มีที่มายังไง”
นีโรหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง
จางคุนโมโหและพูดว่า “นายหัวเราะอะไร”
นีโรเยาะเย้ยว่า “หัวเราะคนโง่อย่างนายไง หัวเราะที่นายมาหงุดหงิดอยู่ที่นี่ในตอนนี้…เฮ้อ ฉันเพิ่งผ่านร้านขายเต้าหู้ร้านนั้นมา ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน ดุเดือดมากจริงๆ ผู้ชายกับผู้หญิง ฮิๆ นายอยากดูไหมล่ะ ไม่แน่ว่าตอนนี้สองคนนั้นอาจจะยังไม่เลิกก็ได้นะ”
“นาย…” จางคุนถลึงตากว้าง ยื่นมือผ่านขอบหน้าต่างออกไปคิดจะบีบคอของนีโร
แต่เขาไม่รู้ว่าคนที่ตนเองคิดจะบีบคอนั้นน่ากลัวแค่ไหน นีโรไม่ได้ใช้มือ เพียงใช้กระบอกภาพวาดกดบนแขนของจางคุนเล็กน้อยก็ทำให้แขนของเขาถูกกดอยู่บนขอบหน้าต่าง…อย่างแน่นหนา
ชั่วขณะนั้นจางคุนก็รู้สึกปวดจนเหงื่อเย็นซึมออกมา คล้ายกับแขนจะหัก เขามองอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัว…คนคนนี้มีกำลังมากกว่าที่คิดเอาไว้
นีโรพูดขึ้นว่า “ฉันจะไม่คุยเรื่องไร้สาระกับนาย ตอนแรกที่ฉันให้นายทำเรื่องพวกนี้ก็เพื่อทำให้ผู้หญิงร้านขายน้ำเต้าหู้คนนั้นทนคำวิจารณ์ไม่ได้ แยกตัวออกจากคุก แต่พวกนายไร้ประโยชน์เกินไป ทำให้เรื่องล้มเหลว งั้นก็ไม่มีวิธีแล้ว ฉันคงต้องเปลี่ยนแผนการชั่วคราว”
“นาย…นายคิดจะทำยังไง”
นีโรพูดว่า “นายเชื่อไหมว่าถ้าคุกยังอยู่นายก็จะไม่ได้ตัวซานเอ๋อร์”
แน่นอนว่าถึงแม้คุกจะไม่อยู่ นายก็ไม่มีทางได้ตัวซานเอ๋อร์…แต่คำพูดนี้เธอไม่ได้พูดออกไป
“นายอยากให้ฉัน…ทำ ทำอะไร” นัยน์ของจางคุนฉายแววโหดเหี้ยมขึ้นมาแวบหนึ่ง เพียงแค่ลังเล…ไม่ใช่เพราะกลัว
“ไม่ พวกนายจัดการเขาไม่ได้” นีโรส่ายหน้า “แต่ช่วยฉันล่อเขาออกมาก็ได้แล้ว…แน่นอนว่าถ้าพวกนายสามารถยั่วให้เขาโกรธได้ก็จะดีมาก สุดท้าย ฉันจะเป็นคนต่อสู้กับเขาเอง”
เจ้าของหอกแห่งความตายในตอนที่โมโหหรือบ้าคลั่ง…คิดถึงสภาพในตอนนี้ของคุกแล้ว นีโรก็อดหัวเราะไม่ได้
ความโมโหหรือบ้าคลั่งแบบนี้หากเป็นตอนที่คุกได้สติแล้วคงไม่สามารถทำได้ เป็นนักรบเทพเหมือนกัน นีโรรู้จักจิตใจที่สมบูรณ์แบบเกือบไร้ที่ติของคุกดี
นีโรใช้กระบอกภาพวาดผลักจางคุนลงไปบนพื้นแล้วหันตัวจากไป “ถ้านายยังคิดถึงผลประโยชน์ของนาย หรือซานเอ๋อร์ของนายแล้วล่ะก็ ให้ทำตามที่ฉันบอก ไม่อย่างนั้น…ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
จางคุนคลานขึ้นมาอย่างหวาดกลัว เวลานี้ยังสามารถมองเห็นเงาร่างของอีกฝ่ายได้…ไปมาอย่างไร้ร่องรอย
…
“อา…น่ารอคอยจริง”
นีโรนั่งอยู่บนขอบหลังคาบ้านคนอื่นท่ามกลางแสงจันทร์ ยืดเอวจากนั้นก็หันกลับมา
เธอดึงเสื้อหนังออกจากร่างกายของตนเอง ในตอนที่ลากซิปถึงท้องเธอก็หยุด…นั่นไม่ใช่ชุดชั้นในเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่เป็นผ้าสีขาวพันรอบ
ที่แท้ก็ใช้พันรอบหน้าอก
เธอยื่นมือเข้าไปในอกและหยิบการ์ดสีดำออกมา นีโรยืนและรูดซิปขึ้น จากนั้นก็ดีดบนการ์ดเบาๆ “เจ้าของสมาคม เจ้าของสมาคม ได้ยินไหม”
นีโรรอเพียงครู่เดียวกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น การ์ดสีดำก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เธออดพึมพำไม่ได้ว่า “อืม…หรือเพราะไกลเกินไป อา ถ้าต้องกลับไปก็จะยุ่งยากมากด้วยสิ…แปลก”
เวลานี้เอง นีโรหันกลับไปก็พบกับเจ้าของสมาคมคนใหม่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ จะเป็นใครอื่นไปได้อีก
“สวัสดีครับ คุณหนูนีโร” ลั่วชิวพูดเบาๆ ว่า “มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“มีธุรกิจมาให้” นีโรหรี่ตาลง แลบลิ้นออกมาเลียบนการ์ดสีดำเบาๆ ยิ้มและพูดว่า “นายอยากทำไหม”
“แน่นอนครับ” เจ้าของสมาคมลั่วพยักหน้า “พวกเราไม่ปฏิเสธคำขอของลูกค้า”
“อา ฮ่ะ เป็นเจ้าของสมาคมที่ดีจริงๆ” นีโรกะพริบตาและพูดว่า “ฉันกำลังคิดว่าหากมีสักวันที่ฉันไม่ไหวแล้วสามารถขายตัวให้นายได้ไหม นายจะคุ้มครองฉันใช่ไหม”
“แน่นอน ขอเพียงเป็นคำขอของคุณลูกค้า” เจ้าของสมาคมลั่วตอบอย่างเป็นทางการ
“ขอบคุณ”
แต่นีโรกลับไม่คิดอะไรมาก นิ้วมือแตะที่ริมฝีปาก ส่งจูบลอยไปให้เจ้าของสมาคมผู้ลึกลับอีก…เป็นครั้งที่สอง