ความฝันอันงดงาม
แสงแดดเจิดจ้าแสบตา ม่านตาของซานเอ๋อร์ขยับเล็กน้อยแล้วก็เปิดขึ้น สิ่งที่สะท้อนเข้าตาก็คือดวงตาสดใสของเสี่ยวจือผู้เป็นบุตรสาว ที่แท้เธอกำลังนอนเท้าคางมองดูตัวเองอยู่
เมื่อซานเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาแล้ว เสี่ยวจือก็ยิ้มหวาน “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่”
เธอไม่ได้นอนกับแม่ของเธอมานานแล้ว…น่าจะตั้งแต่เริ่มเข้าสถานรับเลี้ยง แม่บอกว่าเธอต้องเริ่มพึ่งพาตัวเอง
ซานเอ๋อร์ดีดจมูกของเสี่ยวจือเล็กน้อย รู้สึกว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาในวันใหม่แล้วพบหน้าลูกสาวนั้นไม่เลวเลย
“แม่คะ หัวเราะอะไรเหรอ”
“หัวเราะอะไร”
“ตอนนอนหลับแม่ก็ยิ้มตลอด ฝันดีเหรอคะ”
ซานเอ๋อร์คิดถึงเรื่องราวเมื่อครึ่งคืนแล้วก็รู้สึกว่าค่อนข้างบ้าคลั่งไปหน่อย…เธอเสนอตัวก่อนไปได้ยังไง นี่มันจะแตกต่างอะไรกับคำที่คนอื่นว่า
ความรู้สึกผิดทำให้ซานเอ๋อร์ลุกขึ้นมาจะสวมเสื้อผ้าและพูดว่า “แม่จะทำกับข้าวให้กิน”
“อ๋อ งั้นหนูไปเล่นกับลุงมาร์คก่อนนะคะ” เสี่ยวจือคิดแล้วก็พูดออกมา
ซานเอ๋อร์กลับพูดว่า “เขาไม่ได้นอนทั้งคืน อย่าไปรบกวนเขา มา ตามแม่ไปทำกับข้าว”
หลังจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กอดกันเงียบๆ ประมาณสิบกว่านาที จากนั้นมาร์คก็กลับไปที่ลานบ้าน
จนกระทั่งฟ้าสว่าง ซานเอ๋อร์ถึงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว คิดว่าเขาคงจะกลับห้องไปแล้ว
ตอนที่จะพาเสี่ยวจือออกไปข้างนอกนั้น ประตูห้องอีกห้องก็เปิดออกมาพอดี ซานเอ๋อร์เห็นมาร์คเดินออกมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
พวกเขาสบตากัน
“ฉันจะออกไปดูสถานการณ์ พวกเธออยู่ในบ้าน อย่าไปไหน วันนี้หยุดกิจการชั่วคราวเถอะ”
ซานเอ๋อร์พยักหน้าเงียบๆ มาร์คไม่มีรอยยิ้มยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน…เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ได้ยินมาว่าคนต่างชาติล้วนแต่ไม่คิดอะไรมากกับเรื่องแบบนี้ มีโอกาสมากที่จะไม่ได้ใส่ใจเลย
ซานเอ๋อร์อดคิดสับสนวุ่นวายขึ้นมาไม่ได้…เธอจึงข่มความคิดเหล่านั้นของเธอลง
เดิมทีเขาพูดว่าวันนี้จะจากไป ซานเอ๋อร์มองเงาร่างของมาร์คแล้วก็คิดได้ว่า บางทีอีกไม่กี่วันเขาก็ยังจะจากไปอยู่ดี
“ออกไปข้างนอกระมัดระวังตัวด้วยนะ”
ซานเอ๋อร์หลุดปากพูดออกไปหาเงาร่างนั้น
มาร์คชะงักและไม่ได้หันกลับมา เพียงแค่พยักหน้าและเดินออกประตูไป ซานเอ๋อร์ยังมองนิ่งๆ รู้สึกหดหู่ขึ้นมา
เสี่ยวจือมองแม่ของเธออย่างประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินแม่ของเธอกำชับลุงมาร์ค จึงหัวเราะและพูดว่า “เหมือนแม่กับลุงมาร์คจะเริ่มดีต่อกันมากขึ้นแล้ว”
คำว่าดีที่เสี่ยวจือเข้าใจกับคำว่าดีที่ซานเอ๋อร์คิดนั้นเป็นคนละอย่างกัน เธอโบกไม้โบกทำท่าจะตี “ยังไม่ไปล้างหน้าแปรงฟันอีก อยากโดนตีก้นงั้นเหรอ”
“ว้า” เสี่ยวจือหัวเราะและวิ่งออกไป
ซานเอ๋อร์ไม่ได้เห็นเสี่ยวจือร่าเริงอย่างนี้มานานมากแล้ว
…
ขณะเดียวกัน นีโรที่อยู่ไกลออกไปก็วางกล้องส่องทางไกลลง จากนั้นก็ยื่นไปให้ลั่วชิวที่ยืนอยู่ด้านข้าง
ลั่วชิวส่ายหน้า
นีโรยักไหล่และพูดว่า “การมองเห็นดีขนาดนี้ ถ้าใช้แอบดูต้องดีมากแน่ๆ”
กำลังทำการแลกเปลี่ยน แต่นีโรกลับเชิญเขามาดูละครที่เธอเป็นคนกำกับเอง ซึ่งเป็นแนวเรื่องเก่า แม้ว่าจะเป็นแนวเรื่องเก่า แต่คุณหนูทรราชผู้นี้ก็ตื่นเต้นมาก
“อาคารสวยจริงๆ” ลั่วชิวมองดูอาคารในหมู่บ้าน นี่เป็นอาคารแบบเจียงหนานที่หาดูไม่ได้ในเมืองใหญ่
มันยังไม่ได้เปิดเป็นจุดท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ บนถนนไม่มีขยะจึงดูสะอาดสะอ้านมาก
“น่าเสียดาย ถึงอาคารจะสวยแค่ไหน แต่ถ้าคนอยู่จิตใจไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์อะไร” นีโรหัวเราะและพูดว่า “นายก็น่าจะเข้าใจจุดนี้ดีกว่าฉันใช่ไหม”
เจ้าของสมาคมไม่ตอบ
นีโรไม่รู้สึกแปลกอะไร กระโดดไปบนหลังกำแพงรอบบ้านคนอื่น นั่งมองและพูดว่า “พูดแล้วก็น่าสนใจ ถ้าเป็นคนอายุถึงวัยกลางคนที่สามีตายทำให้ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คนรอบข้างมักจะพูดว่าเธอน่าสงสารและพร้อมใจกันช่วยเหลือ แต่ถ้าเป็นหญิงสาวเกิดเรื่องทำนองเดียวกัน ถึงจะบอกว่ามีการช่วยเหลือไม่น้อย แต่ลับหลังกลับมีคำนินทามากมาย”
นีโรพิจารณาดูเจ้าของสมาคมลั่วและเอ่ยถามอย่างกะทันหันว่า “สถานการณ์เดียวกัน ต่างแค่เพียงอายุ ทำไมผลลัพธ์ถึงไม่เหมือนกัน ที่ฉันหมายถึงก็คือสถานการณ์เดียวกัน”
“คุณหนูนีโรต้องการจะพูดอะไร”
นีโรหยักไหล่อีกครั้ง “ฉันแค่อยากถามนายว่านายชอบสถานการณ์นั่นไหม คงไม่ใช่ว่าต้องการเก็บเงินหรอกนะ สำหรับคำถามนี้”
“ผมไม่มีหน้าที่ต้องตอบ” ลั่วชิวส่ายหน้า
นีโรตบขาและหัวเราะ “อา ใช่ สามารถปฏิเสธการตอบคำถามได้ เพราะฉันไม่ได้ซื้อคำตอบนายเสียหน่อย ฮ่าๆ”
เธอยืนขึ้นมายืดเอวและลูบท้องของตัวเอง “อืม…ก่อนจะเริ่มทำการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ กินข้าวเช้าก่อนไหม ฉันว่าร้านบะหมี่ที่นี่มีรสชาติไม่เลวเลย ฉันจะเลี้ยงนายเองเอาไหม”
เจ้าของสมาคมลั่วส่ายหน้าและพูดว่า “ขอบคุณ มีคนเตรียมไว้ให้ผมแล้ว งั้นค่อยพบกันใหม่นะครับคุณหนูนีโร”
“ดีจริงๆ คุณหนูสาวใช้คนนั้นใช่ไหม” นีโรไม่คิดมาก เพียงพูดล้อไปว่า “ถ้าฉันมีผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้นอยู่ล่ะก็ ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยมือเหมือนกัน…งั้นก็อีกเดี๋ยวเจอกันนะ เจ้าของสมาคม”
เหมือนกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
ไม่หวาดกลัวสมาคมแลกเปลี่ยน ไม่ระมัดระวัง ไม่มีอคติตั้งแต่แรก ทั้งยังคิดเลี้ยงอาหารเช้าแก่เจ้าของสมาคม…บางทีอาจจะเป็นการกระทำตามธรรมชาติ แต่ก็เป็นลูกค้าคนแรกที่เป็นแบบนี้
“นายท่าน พบเจอเรื่องอะไรทำให้มีความสุขมาเหรอคะ”
คุณหนูสาวใช้ที่กำลังเตรียมอาหารอยู่เห็นเจ้าของสมาคมกลับมา หลังถอดหน้ากากออกแล้วก็ยิ้ม จึงถามอย่างสนใจ
ลั่วชิวนั่งลงยิ้มและพูดว่า “เมื่อครู่นี้คุณหนูนีโรของพวกเราเพิ่งชมเธอมานะ”
“งั้นคงต้องขอบคุณแล้ว” โยวเย่พยักหน้า
จากนั้นเจ้าของสมาคมก็เริ่มทานอาหารโดยมีคุณหนูสาวใช้คอยดูแล
…
ถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้ทุกวัน สองคนนี้ไม่เบื่อหรือยังไง ทำแบบเดิมทุกวัน ลืมข้าไปแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ยังถูกห้อยอยู่ตรงนี้เหมือนเดิม ไก่ทอดคนใหม่ถูกห้อยอยู่บนเพดานและบนตัวเต็มไปด้วยฝุ่น
ถ้าไม่ใช่เพราะสถานที่แห่งนี้สะอาดสะอ้านเสมอมาแล้วล่ะก็ ไท่อินจื่อคิดว่าบนตัวของตัวเองคงเต็มไปด้วยใยแมงมุมแล้ว
รีบไปแต่งงานสิ สารเลว
เมื่อไหร่ถึงจะปล่อยข้าลงซะที…
…
…
คุกกำลังเดินตระเวนรอบหมู่บ้าน ตลอดทางมีคนจำนวนไม่น้อยแอบชี้มือมาที่เขาลับหลัง แต่เรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีผลอะไรต่อคนที่มีจิตใจมั่นคงหนักแน่นอย่างเขา
เขาเห็นตำรวจคนหนึ่งกำลังขี่จักรยานลาดตระเวนจึงเดินเร็วเข้าไปในตรอกๆ หนึ่งและเริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป
อุปกรณ์ที่คนเหล่านั้นเก็บกลับไปไม่ทันเมื่อคืน สำหรับน้ำมันนั้นหาได้ง่าย แต่ชะแลงกลับเป็นของใหม่ ทั้งบนนั้นยังมีฉลากเหมือนเพิ่งซื้อมา
ภายในหมู่บ้านมีร้านขายโลหะไม่กี่ร้าน ถ้าจะหาก็ไม่ยาก อีกอย่างเป็นการซื้อชะแลงสี่อันในครั้งเดียวภายในช่วงนี้ คนขายน่าจะพอจำได้บ้าง
คุกเริ่มมีแนวทางในการดำเนินการต่อ
“ต้องการซื้ออะไรเหรอ น้องชายตัวโต”
เพิ่งเดินออกจากตรอก หญิงแก่ที่ขายของข้างนอกก็ร้องตะโกนมาที่คุก หญิงแก่สายตาไม่ดี แต่เมื่อพบว่าเป็นคนต่างชาติคนหนึ่งแล้วก็ดูอย่างสนอกสนใจขึ้นมา
คุกมองแวบหนึ่งก็หยุดมองก่อนจะเดินจากไป
แต่เพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว คุกก็หยุดและเดินกลับไปยืนด้านหน้าแผงของหญิงแก่ ย่อตัวลงหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมา “อันนี้ราคาเท่าไหร่”