ตอนที่ 1241 ดวงตาของพระเจ้า โดย Ink Stone_Fantasy
นี่มัน…อะไรกัน?
โรแลนด์ลองพยายามส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวร่างกาย แต่มันกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมาๆ ภาพสีขาวดำตรงหน้าวิ่งผ่านหน้าเขาไปเหมือนสไลด์ภาพฉาย
จุดดำๆ จำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวไปหาอยู่ตรงข้างหลุมยักษ์ ดูแล้วเหมือนมดที่กำลังทำรังอยู่ แท่นหินแท่นหนึ่งงอกขึ้นมา แต่เมื่อเทียบกับหลุมยักษ์ขนาดมหึมาแล้ว แท่นหินที่สูงใหญ่นั้นเป็นเหมือนกับเนินดินเล็กๆ ที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น
เขาแปลกใจเมื่อพบว่าตัวเองเคยเห็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาจากก้อนหินแบบนี้มาก่อน
จากภาพวาดบนผนังในวิหารต้องสาป
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด ภาพที่เต็มไปด้วยจุดขาวๆ ที่อยู่ท่ามกลางเสียง “ฟู่ๆ” ก็ซูมเข้าไปใกล้ๆ….จุดดำๆ เหล่านั้นกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังขยับเขยื้อน ลักษณะภายนอกของมันเหมือนกับเผ่ากัมมันตรังสีที่อยู่บนภาพวาด
ไม่นาน ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนจะซ้อนทับกับภาพวาดที่อยู่บนผนัง
เผ่ากัมมันตรังสีจำนวนสิบกว่าตัวยกมรดกของพระเจ้าขึ้นไปบนแท่นหินแล้วก็ยืนล้อมรอบมันเอาไว้ ร่างกายของพวกมันเดี๋ยวก็ยืดเดี๋ยวก็หด เหมือนว่ากำลังทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างอยู่
ส่วนทางด้านล่างแท่นหิน เผ่าไม้ขีดไฟจำนวนนับไม่ถ้วนถูกคุมตัวมายืนอยู่รอบๆ หลุมยักษ์ จากนั้นจึงถูกผลักลงไปในหลุมที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นท่ามกลางการเริงระบำอย่างบ้าคลั่งของเผ่ากัมมันตรังสี….
ภายใต้บรรยากาศอันบ้าคลั่ง มรดกชิ้นสุดท้ายถูกประกอบเข้าไป ผลึกใสๆ กลายเป็นรูปทรงปริซึมที่สมบูรณ์แบบ มันเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะพุ่งตกลงไปยังหลุมลึกแล้วหายลับไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
โรแลนด์รู้ได้ทันที บางทีนี่อาจจะเป็น ‘บอทธ่อมเลสแลนด์’ ที่มิสต์พูดถึง
แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ภาพเหตุการณ์หลังจากนั้นทำให้โรแลนด์ยิ่งรู้สึกตกตะลึง
เขามองเห็นภายในหลุมยักษ์มีลำแสงสีส้มพุ่งขึ้นไปบนชั้นเมฆ ภาพเหตุการณ์แปลกๆ นี้เหมือนกับที่แม่มดโบราณเห็นตอนที่เขาเข้ามาในโลกแห่งความฝัน แต่ว่ามันกลับดูยิ่งใหญ่มากกว่า ส่วนตรงตำแหน่งที่บนท้องฟ้าที่ลำแสงพุ่งขึ้นไปก็ตรงกับ ‘พระจันทร์สีแดง’ พอดี ท้องฟ้าและพื้นดินเหมือนเชื่อมต่อถึงกัน ส่วนบอทธ่อมเลสแลนด์กับปากทางเข้าของการกัดินนั้นเป็นแค่เพียงปลายสองด้านของลำแสงเท่านั้น
เผ่ากัมมันตรังสีแห่กันเข้าไปที่หลุมยักษ์เหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
แต่พวกไม่ได้ตกลงไปยังหุบเหวข้างล่าง หากแต่ลอยค้างอยู่กลางอากาศเหมือนถูกอะไรค้ำเอาไว้ ก่อนจะลอยขึ้นไปยังปลายอีกด้านที่อยู่บนท้องฟ้า
แค่พริบตา ในลำแสงก็มีจุดสีดำๆ จำนวนนับไปถ้วนปรากฏขึ้นมา
นี่คือ…การยกระดับของอารยธรรมอย่างนั้นเหรอ…
โรแลนด์ที่มองดูจุดสีดำกับสำแสงที่นุ่งนวลนั้นหายเข้าไปหมู่เมฆอดคิดขึ้นมาไม่ได้ ปลดเปลื้องพันธนาการจากพื้นดิน ก้าวเข้าไปสู่โลกใบใหม่….ภาพที่สวยงามเช่นนี้ ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องรู้สึกหวั่นไหว
แต่ท่ามกลางภาพเหตุการณ์นี้ เขากลับได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้นมา เสียงนั้นเหมือนดังสะท้อนอยู่ในหัวของเขา มันฟังดูชัดเจนจนไม่มีทางที่เขาจะคิดไม่เองแน่นอน
หลังจากเสียงถอนหายใจนั้น เวลาก็เดินเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จุดสีขาวๆ ที่เหมือนเกล็ดหิมะยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทำให้พื้นดินเหมือนเกิดวิบัติขึ้น
ข้างหลุมยักษ์มีภาพเมืองตั้งกระจัดกระจายปรากฏขึ้นมา ดูเหมือนจะไม่ใช่เผ่ากัมมันตรังสีทุกตัวที่จะเลือกกระโดดเข้าไปในลำแสง หากแต่มีพวกมันบางส่วนที่ยังเลือกที่จะอยู่ที่นี่ เป็นเพราะความรักที่มีต่อโลกนี้หรือเป็นเพราะหวาดกลัวท้องฟ้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก? โรแลนด์ไม่รู้เหมือนกัน เขาเห็นว่าบางครั้งบางคราวก็จะมีจุดดำๆ วิ่งเข้าไปในลำแสงที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นดินกับท้องฟ้า เหมือนกับว่ากำลังไล่ตามเส้นทางของบรรพบุรุษตามตำนานที่เล่าต่อๆ กันมา
ส่วนแสงของเสาลำแสงนั้นก็ดูจางลงเรื่อยๆ
จนกระทั่งถึงช่วงเวลาหนึ่ง เสาลำแสงกระพริบอยู่สองสามทีก่อนจะหายไป
จุดขาวๆ ที่กระจัดกระจายปกคลุมจนเต็มเบื้องหน้าของเขา คล้ายกลับเป็นสัญญาณว่าเรื่องราวได้ดำเนินมาถึงตอนท้ายแล้ว — หากจะให้คาดเดาจากสถานการณ์ในตอนนี้ โลกกำลังจะฟื้นฟูสู่ความสงบ ตำนานของเส้นทางที่ขึ้นไปบนท้องฟ้าจะคงอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของเผ่ากัมมันตรังสีเพื่อเล่าสืบต่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ บางทีอาจจะมีคนรุ่นหลังที่พยายามจะลงไปในหลุมยักษ์เพื่อหาหนทางแห่งการยกระดับ แต่นั่นเป็นล้วนแต่เป็นเรื่องของอนาคต
ในตอนที่โรแลนด์นึกว่าภาพเหตุการณ์จะจบลงไปแบบนี้ จู่ๆ พลันมี ‘กำแพงสูงใหญ่’ ปรากฏขึ้นมาที่ปลายสุดอีกด้านของแผ่นดิน
ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองตาฝาด เพราะว่าจุดขาวๆ ที่ปกคลุมอยู่เบื้องหน้ามีเยอะจนทำให้เกิดภาพลวงตาได้ แต่ในตอนที่กำแพงค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้หลุม ในที่สุดเขาถึงได้รู้ว่ามันคืออะไร
คลื่นยักษ์ที่สูงกว่าเทือกเขาสิ้นวิถีกำลังถาโถมเข้ามา แค่พริบตามันก็กลืนกินเมืองที่เหมือนกับตัวต่อเลโก้เหล่านั้นไป ความสูงของยอดคลื่นเรียกได้ว่าสูงทัดเทียมกับหมู่เมฆบนฟ้า ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา มันเหมือนเป็นเส้นขอบฟ้าเส้นใหม่
โรแลนด์พอจะนึกออกมาเผ่ากัมมันตรังสีที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้จะรู้สึกสิ้นหวังขนาดไหน
แต่นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของหายนะ
คลื่นยักษ์เพิ่งผ่านไป แผ่นดินที่อยู่ไกลออกไปพลันมีภูเขางอกขึ้นมา การระเบิดอย่างรุนแรงทำให้พระอาทิตย์ดูหมองไปทันที ฝุ่นควันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็มีฝนเทลงมาและตามมาด้วยอากาศที่หนาวเหน็บ เหมือนกับว่าแผ่นเปลือกโลกได้เข้าสู่ช่วงที่มีชีวิตชีวามากที่สุด เมื่ออยู่ต่อหน้าเหตุการณ์ที่เป็นเหมือนวันสิ้นโลกนี้ ใบหน้าของโลกได้เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
“ฟู่…ฟู่…”
ภาพค่อยๆ บิดเบี้ยว ในเวลานี้จุดสีขาวแทบจะบดบังทัศนวิสัยของเขาจนมิด
ก่อนที่ภาพต่างๆ จะหายไป สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือธารน้ำแข็งที่ละลาย พืชที่ดื้อรั้นแตกยอดอ่อนออกมาจากพื้นดิน
“ฝ่าบาท…”
“ฝ่าบาท…พระองค์ทรงไม่เป็นไรนะเพคะ?”
โรแลนด์รู้สึกว่ากำลังมีคนเขย่าตัวเขาเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
เขาลืมตาขึ้นมาทันที จุดขาวๆ ค่อยๆ หายไป ภาพที่อยู่ตรงหน้ากลับมาเป็นภาพท่าเรือเหมือนเดิม
“จบแล้ว…เหรอ?” โรแลนด์มองดูมือพร้อมกับพูดงึมงำขึ้นมา
แต่ฟิลลิสนึกว่าเขากำลังถามเธอ “ใช่เพคะ ศัตรูถูกกำจัดหมดแล้ว ไม่มีใครหนีรอดออกไปได้ แกนพลังเวทมนตร์เหล่านั้นก็หายไปพร้อมกัน ทั้งหมดใช้เวลาอยู่หลายนาที มีแต่พระองค์ที่ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ เหมือนว่าพระองค์…กำลังหลับอยู่ ฝ่าบาท พระองค์ทรงไม่เป็นไรแน่นะเพคะ?”
โรแลนด์เองก็ไม่รู้ว่าตัวเขาถือว่าเป็นหรือไม่เป็นอะไร ภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเอง ตอนนี้เขาค่อยๆ นึกย้อนดู ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดพลันปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับว่าในหัวเขาจู่ๆ ก็มีความทรงจำที่ไม่รู้ที่มาเพิ่มขึ้นมา ถ้าเพียงแค่นี้ก็ว่าไปอย่าง แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นจากการเดินอย่างเชื่องช้าของเวลา ราวกับว่าในเวลานี้ไม่กี่นาทีนั้น ตัวเขาได้เดินทางผ่านเวลามาหลายพันปี
เขาเหมือนจะเข้าใจถึงเสียงถอนหายใจนั้นแล้ว
จู่ๆ ภายในหัวโรแลนด์ก็มีคำพูดของมิสต์ลอยขึ้นมา
‘เทียบกับการที่ข้าเป็นคนบอกเจ้าแล้ว สิ่งที่เจ้าทำความเข้าใจได้ด้วยตัวเองต่างหากถึงจะเป็นคำตอบที่แท้จริง’
นี่คือ…จุดจบของสงครามแห่งโชคชะตาอย่างนั้นเหรอ?
“ข้าไม่เป็นไร” เขาสูดหายใจ “แค่เห็นภาพอะไรแปลกๆ น่ะ”
“ภาพแปลกๆ เหรอเพคะ?” ฟิลลิสกะพริบตา ก่อนจะมองข้ามประโยคนี้ไป “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งพูดเรื่องนี้แล้วเพคะฝ่าบาท ลำแสงเมื่อครู่นี้สว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้า น่าจะมีหลายคนที่สังเกตเห็นมัน ถ้าไม่รีบหนี สมาคมอาจจะรู้เรื่องของเราได้นะเพคะ”
“ข้ารู้แล้ว อย่างนั้นแยกกันกลับเหมือนตอนที่มาแล้วกัน” เขาพยักหน้า
นั่นมันคือความทรงจำของเทวทูตหรือว่าเป็นสิ่งอื่นกันแน่ ตอนนี้โรแลนด์ยังไม่สามารถแยกแยะได้ แต่เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาต้องได้คำตอบนี้แน่
และวันที่ว่าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
……………………………………………………….