บทที่ 2567 / บทที่ 2568 ประลอง

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2567

ท่าทางอวิ๋นเยียนหลีเสมือนกินอาจมเข้าไป ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่เข้าใจเลย เขาขังกู้ซีจิ่วเอาไว้ตลอดชัดๆ ทำไมพริบตาเดียวแม่ไก่ถึงกลายเป็นเป็ดไปได้เล่า!

เขตแดนนั้นของตนยังอยู่ดีชัดๆ! และตนก็จับตามองที่นั่นอยู่ตลอด แล้วไปสลับตัวตั้งแต่ตอนไหนกัน?

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเข้าพิธีกับบุรุษคนหนึ่ง…

นี่เป็นความจริง…

อวิ๋นเยียนหลีรู้สึกว่าตนจะกระอักเลือดแล้ว!

เขาซัดฝ่ามือหนึ่งใส่คุนเสวี่ยอี๋

“บัณเฑาะก์ที่น่าตาย ไปตายซะ!”

คุนเสวี่ยอี๋เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ปลิวออกไปตามกระแสฝ่ามือของเขา ซ้ำยังล่องลอยพลิ้วไหวยิ่งนักด้วย ร่อนลงสู่พื้น ธุลีไม่ฟุ้งกระจาย หลังจากเขายืนมั่นก็ปัดแขนเสื้อ มองอวิ๋นเยียนหลีด้วยสีหน้าจนปัญญา

“ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบเจ้ายิ่งนัก แต่ดีร้ายอย่างไรก็เข้าพิธีกันแล้ว พอจะฝืนนับว่าเจ้าเป็นภรรยาข้าได้ คิดล้างสังหารสามีเร็วขนาดนี้เชียวหรือ? ระวังจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์นะ!”

เขาภูมิใจ! ภูมิใจเหลือเกิน!

หลังจากแปลงเป็นกู้ซีจิ่ว เขาต้องแสร้งทำตัวว่าง่ายต่อหน้าอวิ๋นเยียนหลีอยู่ตลอด อดทนอดกลั้นจนแทบจะช้ำในแล้ว!

ตอนนี้ในที่สุดก็ได้ยกภูเขาออกจากอก กลับเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว

เนื่องจากกู้ซีจิ่วถูกขังไว้ในตำหนักทองตลอด ไม่ได้เล่นเล่ห์อันใด ดังนั้นอวิ๋นเยียนหลีจึงไม่นึกระแวงนางเลย โดยเฉพาะตอนที่สกัดจุดนางก็ไม่ได้ใส่ใจ นึกว่าจุดชีพจรนางถูกผนึกไว้ตลอด ดังนั้นจึงไม่เคยตรวจสอบร่างกายนางอีก…

หารู้ไม่ว่าคุนเสวี่ยอี๋ก็เป็นวิชาเคลื่อนย้ายจุด ชุดชีพจรที่ถูกเขาผนึกไว้ส่วนใหญ่ล้วนไม่มีผลแล้ว…

อย่างไรก็ตามเพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงถึงได้ทำเช่นนี้

ตอนนี้กู้ซีจิ่วตัวจริงปรากฏกายแล้ว องค์ราชันของบ้านเขาก็ฟื้นคืนมาแล้ว แถมยังฟื้นขึ้นมาอย่างโดดเด่นเช่นนี้ด้วย!

คุนเสวี่ยอี๋ย่อมไม่คิดจะทำให้ตัวเองคับข้องหมองใจอีก หลังจากประณามไปประโยคหนึ่งก็กลับคืนร่างเดิม กลายเป็นหนุ่มหล่อที่สง่าผ่าเผยอีกครั้ง!

เขาลื่นไหลยิ่งนัก ทราบว่าตนมิใช่คู่มือของอวิ๋นเยียนหลี ดังนั้นหลังจากพูดจาเอาคืนจบ เรือนกายพลันวูบไหวพุ่งลงจากเวทีไปรวมตัวกับพวกเฟิงหรูฮั่ว

อวิ๋นเยียนหลีชิงชังเขา จนนึกอยากจะถลกหนังของเขาออกมาแล้ว ไหนเลยจะยอมปล่อยให้เขาลอยชายจากไปง่ายๆ?

แขนเสื้อพลันตวัดม้วน แสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกไป มุ่งตรงเข้าหาลำคอของคุนเสวี่ยอี๋!

กระบวนท่านี้ใช้พลังยุทธ์ระดับซ่างเสิน ลำแสงแดงดุจมีด เจือเสียงหวีดหวิวที่แหลมสูงไว้ แฝงรังสีสะกดทับใต้หล้าไว้ กรีดเฉือนอากาศ…

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้ามีดนี้ถูกร่างคนเข้า แม้ว่าคนผู้นั้นจะหุ้มเกราะเพชรเอาไว้ ก็ถูกหั่นขาดสะบั้นได้ทันที!

มีดนี้รวดเร็วยิ่งนัก เคลื่อนไหวว่องไวพอๆ กับคุนเสวี่ยอี๋ จึงหลบไม่พ้นไปชั่วขณะ

สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน ขณะที่อับจนหนทางอยู่ พลันมีมือข้างหนึ่งยื่นเฉียงเข้ามาในแนวทแยง คว้าจับลำแสงสีแดงอันสะท้านสะเทือนโดยตรง!

ลำแสงสีแดงสายนั้นดีดดิ้นอยู่ในมือนั้นราวกับอสรพิษ ทว่าไม่อาจดิ้นหลุดจากมืออีกฝ่ายได้!

คุนเสวี่ยอี๋สบจังหวะกระโดดถอยไป ออกห่างจากระยะโจมตีของลำแสงสีแดง ร้องขึ้นมา

“นายท่าน!”

ผู้ที่จับลำแสงแดงไว้คือตี้ฝูอี มือข้างหนึ่งของเขายังโอบเอวกู้ซีจิ่วไว้ ส่วนอีกข้างจับลำแสงสีแดงนั้นไว้ ทำให้มันยากจะพุ่งไปด้านหน้าได้

สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่มีผู้ใดสามารถคว้าจับใยมีดของเขาได้ แม้แต่ซ่างเสินที่ดินแดนเบื้องบนเหล่านั้นก็ทำไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าตี้ฝูอีที่เพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาจะทำได้ ซ้ำยังจับอย่างสบายๆ เช่นนี้ด้วย ราวกับถือถังหูลู่ไม้หนึ่งอยู่เท่านั้น

พลังยุทธ์ของคนผู้นี้ฟื้นคืนมาขนาดไหนกันแน่?!

“อวิ๋นเยียนหลี คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”

ตี้ฝูอีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา ยิ้มน้อยๆ ราวกับคุณชายผู้งามสง่าที่ออกมาทัศนาจร ทว่าอำนาจรอบกายกลับแกร่งกล้าราวกับพายุฝนที่แผ่นคลุมนภาได้ ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน

อวิ๋นเยียนหลีถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พลันตัดสินใจ ย่อมทุ่มสุดตัวแล้ว

“ตี้ฝูอี ถ้าเจ้ามีฝีมือก็อย่าหนี ครั้งนี้พวกเรามาสู้กันให้รู้ดำรู้แดง!”

————————————————————————————-

บทที่ 2568 ประลอง

พอวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีฝึกฝนจนบรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว เขาก็อยากวัดพลังยุทธ์ที่แท้จริงของตน เคยไปจู่โจมซ่างเสินบนดินแดนเบื้องบนเหล่านั้นอย่างลับๆ แล้ว นอกจากคู่เสินจิ่วหลี่สามีภรรยาและจักรพรรดิเซียนคนปัจจุบัน ที่เหลือล้วนเคยถูกเขาท้ารบมาหมดแล้ว

ผลการต่อสู้เป็นที่น่ายินดี คนเหล่านั้นล้วนพ่ายแพ้ต่อเขา!

ไม่มีผู้ใดเป็นคู่มือเขาได้ รวมถึงเทพศักดิ์สิทธิ์ที่โบยบินขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนเหล่านั้นด้วย ล้วนพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือเขา!

เพียงแต่ยามนั้นเขากลัวว่าจะเปิดเผยร่องรอย ยามที่ท้าสู้กับผู้อื่นจึงปิดบังรูปโฉมของตนไว้ตลอด ไปมาดุจควันสายหนึ่ง!

ส่วนซ่างเสินที่พ่ายแพ้เหล่านั้น ย่อมไม่คิดจะเอ่ยเรื่องน่าอับอายของตนเองออกมา ปิดบังไว้มิดชิดดียิ่ง

ดังนั้นอวิ๋นเยียนหลีจึงรู้สึกเหมือนสวมชุดสง่างามย่ำราตรี

ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าสาธารณชน อยู่ต่อหน้าลูกน้องของเขา อยู่ต่อหน้านางในดวงใจของเขา หากว่าสามารถเล่นงานตี้ฝูอีได้ นั่นสิถึงจะเป็นเรื่องมีหน้ามีตาอย่างแท้จริง!

อวิ๋นเยียนหลีไม่รู้เรื่องราวในโลกเบื้องล่างของตี้ฝูอี ต่อให้รู้ก็คงไม่เก็บมาใส่ใจ เพียงเทพศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งจากโลกเบื้องล่างเท่านั้น จะแข็งแกร่งได้สักแค่ไหน?

เทพศักดิ์สิทธิ์จากโลกเบื้องล่างที่พ่ายแพ้ต่อเขา แม้ไม่ถึงร้อยก็มีสักแปดสิบคนแล้ว!

และตี้ฝูอีในยามนี้ก็เป็นเพียงซ่างเสินที่เพิ่งฝ่าด่านได้เท่านั้น ซ้ำพื้นฐานเขาก็เป็นเด็กน้อยคนหนึ่งด้วย ต่อให้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ทักษะจริงที่ใช้ในการต่อสู้ยังคงไม่ได้เรื่องเป็นแน่

ตอนนี้คือโอกาสที่จะได้สยบเขาแล้ว!

เขาจ้องมองตี้ฝูอี หยักมุมปากนิดๆ

“เจ้ากล้าพนันกับข้าหรือไม่เล่า? ก่อนที่จะตัดสินแพ้ชนะได้ ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามหนี! ผู้ใดหนีผู้นั้นต้องเป็นหลาน!”

เขาไม่กลัวเลยถ้าตี้ฝูอีหนีไปคนเดียว แต่กู้ซีจิ่วอยู่ข้างกายเขา สามารถพาเขาเคลื่อนย้ายไปได้ทุกเมื่อ ก็คือเขาสามารถหนีได้ตลอดเวลา!

เขาใส่ใจจุดนี้เป็นที่สุด ดังนั้นจึงคิดใช้คำพูดบีบคั้นตี้ฝูอี ทำให้เขาไร้อิสระในการหลบหนี

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอมองดูตี้ฝูอี เธอย่อมไว้วางใจในวรยุทธ์ของเขายิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งรับอัสนีด่านเคราะห์มา เกรงว่าจะยังอ่อนแออยู่ ประมือกันตอนนี้เกรงว่าจะเสียเปรียบ…

ขณะที่เธอกำลังจะเปิดปากเอ่ย ตี้ฝูอีก็จับมือเธอไว้

“เด็กน้อย เจ้าอยากให้ข้าจัดการเขาอย่างไร? สังหารทิ้งเลย? หรือว่าจะเหลือชีวิตเขาไว้?”

กู้ซีจิ่วนิ่งงันไปแวบหนึ่ง มองไปที่เขา ทั้งสองคนสบตากัน กู้ซีจิ่วมองเห็นความจำเป็นที่มิอาจเลี่ยงได้ในแววตาเขา…

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงวางใจแล้ว พลันแย้มยิ้ม

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย แล้วแต่ท่านเถิด ข้าไม่มีความเห็นทั้งนั้น”

นางเรียกขานเหมือนในกาลก่อน หัวใจตี้ฝูอีพลันอุ่นวาบ จุมพิตหน้าผากนางทีหนึ่ง

“ดี! เป็นเด็กดีรออยู่ตรงนี้นะ ข้าจะระบายอารมณ์ให้เจ้าเอง”

เขายื่นผลไม้แห้งห่อหนึ่งใส่มือนาง

“ผลไม้นี้รสชาติไม่เลวเลย น่าจะถูกปากเจ้า เจ้าลองชิมดู ใช้มันฆ่าเวลา”

“ได้!”

กู้ซีจิ่วรับผลไม้ไป ถอยไปด้านหลัง

ตี้ฝูอีปัดแขนเสื้อเล็กน้อย มองอวิ๋นเยียนหลีแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยเมย

“อวิ๋นเยียนหลี พระบิดาเจ้าก่อกบฏที่ดินแดนเบื้องบน ถึงได้ถูกล้มล้าง ไม่มีโทษถึงบุตรธิดา หากเจ้าฝึกฝนบำเพ็ญตามปกติ แม้ว่าเจ้าคิดจะชิงอำนาจดินแดนเบื้องบนอีกครั้ง ขอเพียงเดินไปตามเส้นทางปกติ ข้าล้วนไม่คิดจะแทรกแซง เจ้าผิดที่ใช้วิธีการชั่วร้ายมาบ่มเพาะพลังยุทธ์ สังเวยชีวิตผู้บริสุทธิ์นับพันนับหมื่นเพื่อความก้าวหน้าของตน เรื่องนี้หากข้าไม่พบเข้าก็แล้วไปเถิด แต่ในเมื่อพบแล้ว ย่อมไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ ต้องทำให้ที่นี่กลับเป็นปกติ”

เสียงของเขาไม่ดัง แต่กังวานอย่างยิ่ง ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ล้วนได้ยินกันชัดเจน

ปวงชนเงียบงัน…

เดิมทีพวกเขาก็สงสัยอยู่แล้วว่า ที่แดนอสุรากลายเป็นเช่นนั้นเกี่ยวข้องกับผังดารา ตอนนี้ยิ่งสงสัยในจุดนี้หนักขึ้นไปอีก!

มีบางคนตะโกนถาม

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ความหมายของท่านคือปัญหามาจากผังดาวเหล่านั้นหรือ?”