บทที่ 2565 หมายความตามที่พูด / บทที่ 2566 เมื่อกี้ยังเรียกขานผู้อื่นอย่างหวานชื่นอยู่เลย

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2565 หมายความตามที่พูด

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขากับกู้ซีจิ่วก็เข้าพิธีกันเรียบร้อยแล้ว!

ขอเพียงเข้าพิธีกัน ต่อให้กู้ซีจิ่วเคยมีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับตี้ฝูอีจริง ตอนนี้นางก็เป็นได้เพียงภรรยาของเขาอวิ๋นเยียนหลี!

ตี้ฝูอีตื่นขึ้นมาแล้วอย่างไรเล่า? สายไปแล้ว!

ยิ่งไปว่านั้นคือวรยุทธ์ของเขาอวิ๋นเยียนหลีก็เป็นซ่างเสินเช่นกัน ซ้ำข้างกายยังมีลูกน้องผู้ภักดีมากมายปานนี้ ส่วนตี้ฝูอีสามารถเรียกมาได้เพียงทัพมารเหล่านั้นเท่านั้น…

ใครต้องกลัวใครกันแน่!

เขาไม่ถือสาที่จะต้องต่อสู้กับเขาอย่างจริงจัง ตัดสินให้รู้ผล!

เขาจับแขน ‘กู้ซีจิ่ว’ ที่อยู่ข้างกายไว้แน่น เงยหน้ามองบุรุษที่เจิดจรัสอยู่บนนภาเช่นกัน

ตี้ฝูอีก็หลุบตามองเขาเช่นกัน สายตาของทั้งสองคนสบกันกลางอากาศ หัวใจอวิ๋นเยียนหลีพลันเต้นกระหน่ำขึ้นมา! รู้สึกเพียงว่าดวงตาของอีกฝ่ายเยียบเย็นดุจหิมะดั่งน้ำแข็ง เมื่อถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้ หัวใจเขาหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ถึงขั้นที่ขนแขนก็ลุกชันขึ้นมาด้วย!

ชัดเจนยิ่งนัก อำนาจกดดันบนร่างของอีกฝ่ายกล้าแกร่งเกินไป ทำให้เขาประหม่าขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

เพียงแต่อวิ๋นเยียนหลีก็ไม่ได้ตกตะลึงมากนัก เขาเงยหน้ายิ้มแวบหนึ่ง

“ตี้ฝูอี ไม่นึกเลยว่ารูปสลักหยกนี้จะเป็นเจ้าจริงๆ! ตอนนี้เจ้าฟื้นขึ้นมา เพื่อมาร่วมอวยพรที่ข้าผู้เป็นเจ้าเมืองกับกู้ซีจิ่วเข้าพิธีมงคลกันสินะ? หรือเจ้าอยากจะดื่มสุรามงคลสักจอกล่ะ?”

ในวาจานี้ของเขาเต็มไปด้วยเจตนายั่วยุ

ฝูงชนที่อยู่ในเหตุการณ์เงียบงัน…

คนส่วนใหญ่ในที่นี้ยังคงทราบเรื่องราวบุญคุณความแค้นระหว่างตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วอยู่ รู้ว่าพวกเขารักกัน ตอนนี้เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น เกรงว่าราชันมารผู้นี้คงจะระเบิดโทสะ ช่วงชิงคน…

ส่วนคุนเสวี่ยอี๋ที่อยู่ข้างกายเขาในที่สุดก็ได้สติจากความตื่นตะลึง

‘ที่แท้นายท่านของบ้านตนก็เลิศล้ำถึงเพียงนี้’

พอได้ยินอวิ๋นเยียนหลีเอ่ยประโยคนี้ เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนยังอยู่ในรูปลักษณ์ของกู้ซีจิ่ว หน้าครึ้มขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนร่าง จู่ๆ ก็คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ฝืนทนไว้ไม่เปลี่ยนร่าง เงยหน้ามองตี้ฝูอีบนท้องฟ้า คาดเดาว่านานแค่ไหนกว่าเขาจะมาชิงตัวเขาไป…

สายตาของตี้ฝูอีกวาดผ่านร่างอวิ๋นเยียนหลีกับคุนเสวี่ยอี๋แวบหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหล่าราบเรียบไร้อารมณ์ เอ่ยอย่างเฉยเมย

“พวกเจ้าแต่งกันแล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”

น้ำเสียงเขาเย็นยะเยือกปานน้ำแข็ง ดุจตาน้ำพุที่ไหลรินผ่านขุนเขา เสนาะหูยิ่งนัก น้ำเสียงที่เขาเอื้อนเอ่ยสามารถทำให้ใบหูที่ยลยินตั้งครรภ์ได้เลย

แต่วาจานี้ที่เขากล่าวออกมากลับทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง รวมไปถึงคุนเสวี่ยอี๋ด้วย…

เขากะพริบตา มองตี้ฝูอีที่อยู่บนฟ้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ คงมิใช่ว่านายท่านของบ้านเขาความจำเสื่อมไปแล้วกระมัง?!

แม้แต่จู๋ตู๋ชิงที่ยังคงถอยร่นออกไปสู้อยู่ในวงนอกก็ชะงักเท้า เงยหน้ามองตี้ฝูอี ในสมองมีคำถามเช่นเดียวกับคุนเสวี่ยอี๋ผุดขึ้นมา…

มุมปากเขาค่อยๆ หยักเป็นรอยยิ้ม

หากว่าตี้ฝูอีความจำเสื่อมจริง นี่ก็น่าสนุกแล้ว…

เขามองกู้ซีจิ่วที่อยู่ข้างกาย เนื่องจากแปลงโฉมอยู่ เขาจึงมองไม่ออกว่านางมีสีหน้าอย่างไร แต่แน่ใจว่าขาวซีดแล้ว…

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ความรู้สึกของอวิ๋นเยียนหลีนั้นเสมือนเหยียบย่างอยู่บนปุยนุ่น บอกไม่ถูกว่าผิดหวังหรือเป็นอื่นใด

“หมายความตามที่พูด” น้ำเสียงตี้ฝูอียังคงเรียบเฉยดุจวารี

“เจ้าไม่สนใจนางแล้วหรือ? ไม่อยากแต่งกับนางแล้วหรือ?” อวิ๋นเยียนหลีดึงคุนเสวี่ยอี๋เข้ามา โอบเอวเขาไว้อย่างคล้ายจะข่มขวัญ

การกระทำนี้แฝงเจตนายั่วยุหนักยิ่งขึ้น ทว่าตี้ฝูอีเพียงเลิกคิ้วขึ้น “ยินดีกับพวกเจ้าด้วย ข้าไม่เคยคิดจะแต่งกับนางเลย”

อวิ๋นเยียนหลีพูดไม่ออกเลย…

เห็นทีว่าตี้ฝูอีจะความจำเสื่อมไปจริงๆ แล้ว! ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่สนใจกู้ซีจิ่วจริงๆ…

อวิ๋นเยียนหลีเงยหน้าหัวเราะฮ่าๆ “เช่นนี้…ดีนัก!” เขาหันไปจุมพิตปรางแก้มของคุนเสวี่ยอี๋ทีหนึ่ง

คุนเสวี่ยอี๋ตะลึงงัน!

เวรเอ้ย เอาเปรียบกันเช่นนี้ไม่จบง่ายๆ แน่!

————————————————————————————-

บทที่ 2566 เมื่อกี้ยังเรียกขานผู้อื่นอย่างหวานชื่นอยู่เลย

เดิมทีเขาคิดว่าจะได้เห็นแววตาโศกศัลย์ โกรธาเปี่ยมล้นอยู่ในดวงตาของตี้ฝูอี หลังจากถูกอวิ๋นเยียนหลีจุมพิตแล้ว ร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อไปทันที!

ขณะที่เขากำลังจะทำอันใด จู่ๆ ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านบนก็เคลื่อนไหวแล้ว!

แขนเสื้อยาวม้วนสะบัดดุจอาชาทะยาน ม้วนตรงไปยังจุดหนึ่งด้านเหนือสุด…

เขาเคลื่อนไหวว่องไว สายฟ้าแลบก็ไม่เพียงพอจะบรรยายความเร็วของเขาได้ ฝูงชนเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าพร่าเบลอไปแวบหนึ่ง ยังไม่ทันเห็นชัดเลยว่าแขนเสื้อยาวขาวพิสุทธิ์นั้นพุ่งไปไหนกันแน่ แขนเสื้อนั้นก็ม้วนพันคนผู้หนึ่งไว้แล้ว รั้งกลับไปปานดาวหางพุ่งทะยาน

ทุกคนล้วนไม่ทันตอบสนอง รอจนปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา ธุลีก็ร่อนต้องพื้นแล้ว

ข้างกายตี้ฝูอีปรากฏคนผู้หนึ่งเพิ่มขึ้นมา…

เมื่อฝูงชนได้เห็นคนผู้นั้นในอ้อมแขนเขาชัดๆ สายตานับไม่ถ้วนก็เบิกกว้าง จนแทบถลนออกนอกเบ้าแล้ว…

นั่นคือหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง รูปโฉมธรรมดาสามัญ เสื้อผ้าธรรมดาสามัญ เป็นประเภทที่พอเข้าสู่ฝูงชนแล้วจะหาไม่เจอทันที

แต่ตอนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าบุรุษชุดขาวผู้โดดเด่นทรงสง่าราศีท่านนี้ จะตระกองกอดสตรีประเภทนี้เอาไว้ราวกับสมบัติอันล้ำค่า ซ้ำยังโอบรัดไว้แน่นอีกด้วย!

ตี้ฝูอีถูกฟ้าผ่าจนทึ่มไปแล้วหรือ?

ไม่ไปช่วยคนรักของตน แต่กลับไปชิงตัวภรรยาของผู้อื่นมา…

“ปล่อยเมียข้านะ!”

คนผู้หนึ่งพุ่งออกมาจากฝูงชน ดูโกรธเกรี้ยวราวกับเพิ่งจับชู้ได้!

ตี้ฝูอีไม่สนใจเขา มองเพียงสตรีในอ้อมแขน ยกมือลูบไล้พวกแก้มของนางเบาๆ

“เด็กน้อย เจ้าผอมลงนะ”

ฝูงชนนิ่งค้าง…

คุนเสวี่ยอี๋ตกตะลึง…

อวิ๋นเยียนหลีงุนงง…

จู๋ตู๋ชิงผงะไป…

ดวงตาของสตรีในอ้อมแขนเขา มีหยาดน้ำเอ่อคลอคล้ายว่ากำลังจะหลั่งน้ำตาออกมา แต่นางก็ยิ้มแวบหนึ่ง

“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว! เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้ารอเจ้า…”

เอ่ยมาถึงตรงนี้เสียงก็ขาดห้วงไป โพรงจมูกแสบเคือง พูดไม่ออกชั่วขณะ

“ขอโทษนะ…”

ตี้ฝูอีจูบแก้มนางเบาๆ คราหนึ่ง

“ทำให้เจ้าต้องรอคอยข้ามาเนิ่นนานหลายปี…”

สตรีในอ้อมแขนเขาแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง เบิกตากว้าง น้ำเสียงสั่นเครือ

“เจ้า…เจ้า…” เขาบอกว่าเธอรอเขามานานหลายปี หรือว่า…หรือว่า…

ความปีติยินดีมารวดเร็วเกินไป เธอแทบไม่กล้าเชื่อเลย

ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ ถอนหายใจแผ่วเบา ในน้ำเสียงเจือความอ้างว้างจากห้วงเวลาอันไกลโพ้นเอาไว้

“เด็กน้อย พวกมู่เฟิง มู่อวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง?”

นี่ทำให้กู้ซีจิ่วสิ้นข้อกังขาแล้ว!

ตี้ฝูอีฟื้นฟูความทรงจำแล้ว! ฟื้นฟูความทรงจำในฐานะทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถูได้แล้ว!

“พวกเขาดียิ่ง…ล้วนสบายดียิ่ง เพียงแต่เป็นเช่นเดียวกับข้า…หลงลืม…ลืมท่านไปแล้ว…”

เนื่องจากตื่นเต้นจนเกินไป กู้ซีจิ่วจึงเอ่ยติดขัดไปบ้าง

เธอจับแขนเสื้อตี้ฝูอีไว้แน่น เดิมทีอยากจะยิ้มออกมา แต่เพิ่งจะยกมุมปากขึ้น น้ำตาก็ไหลลงมาจากดวงตาแล้ว

“ไม่เป็นไร รอจัดการเรื่องที่นี่เรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปดูพวกเขาที่โลกเบื้องล่างกับเจ้า พวกเขาจะต้องจำข้าได้แน่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็นับว่าจงรักภักดี ยามที่ข้าดับขันธ์พวกเขาร่ำไห้ปานฟ้าจะถล่ม ถ้าพวกเขานึกไม่ออกจริงๆ ข้าจะหาทางทำให้พวกเขาจดจำได้ไม่เลือน พวกเขาจะไม่มีทางลืมเลือนข้าได้อีกตราบชั่วชีวิต”

“ได้! ล้วนฟังท่าน”

เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ในที่สุดฝูงชนก็สังเกตเส้นสนกลในออกแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงพากันมองไปที่อวิ๋นเยียนหลี

อวิ๋นเยียนหลีโง่งมไปแล้ว! ทึ่มทื่อไปแล้ว!

เขามองคนทั้งสองที่โอบกอดกันอยู่กลางนภาราวกับรอบข้างไร้ผู้คน จากนั้นก็มองคนในชุดเจ้าสาวข้างกายตน ‘กู้ซีจิ่ว’ ที่อิงแอบแนบซบตนปานวิหคน้อย กัดฟันถาม

“เจ้าเป็นใคร?”

อารมณ์ของคุนเสวี่ยอี๋เบิกบานเหลือเกิน!

“เจ้าเดาสิ?”

ใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นเยียนหลีพลันเขียวคล้ำ ผลักเขาออกไปทันที

“คุนอวิ๋นจ่าน! ไสหัวไป!”

คุนเสวี่ยอี๋ซวนเซ พอยืนมั่นได้แล้วก็กระทืบเท้าทันที เท้านี้บังเอิญเหยียบไปโดนเท้าของอวิ๋นเยียนหลีเข้าพอดี

“น่าชังนัก! เมื่อกี้ยังเรียกขานผู้อื่นอย่างหวานชื่นอยู่เลย แถมยังเข้าพิธีกับผู้อื่นด้วย ตอนนี้กลับพลิกหน้าไม่รู้จักกันเสียแล้ว…”