ตอนที่ 164

The Great Worm Lich

ทุกคนต่างพากันสนุกสนานอย่างมีความสุขเว้นก็แต่จางลี่เฉินที่ไม่ได้สัมผัสแอลกอฮอล์เลยแม้แต่หยดเดียว

 

เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนั้นทีน่าจึงพาตัวเองไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาหลังจากวางแก้วลงแล้วพูดว่า “ที่รัก ไม่ดื่มอย่างนั้นเหรอ? โอ้ใช่ ขับรถไปดูการแข่งขันกับพวกเราไหม? มันเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ ฉันมั่นใจเลยว่านายจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน!”

 

“ไม่เคยรู้เลยมาก่อนว่าคุณจะชอบดูมวยปล้ำกับเขาด้วย”

 

“ลี่เฉิน เด็กผู้หญิงน่ะชอบดูผู้ชายแข็งแรงสองคนมาต่อสู้กันด้วยกล้ามเนื้อภายในสังเวียงกันอยู่แล้ว” ชีล่าที่กำลังเมาได้ที่หันมาพูดข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม “ผู้ชายผอมแห้งที่มีเสน่ห์ลึกลับแบบนายใช่ว่าจะเป็นกันได้ทุกคนสักหน่อย”

 

“คุณดูเมามากแล้วนะชีล่า” จางลี่เฉินเหลือบมองไปที่เธอเล็กน้อยจนทำให้เธอเกิดอาการสั่นไหวไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็สั่นราวกับเกิดอาการชักพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาตามร่างกาย หลังจากนั้นสมองของเธอก็สั่งให้เธอกลายเป็นคนที่เงียบขรึมขึ้นมา “ไปกันเถอะถ้าพวกคุณยังคิดที่จะไปดูเกมมวยปล้ำกัน ถ้ายังดื่มกันที่นี่ต่ออยู่อีกผมคิดว่าพวกคุณคงไม่น่าจะไปดูการแข่งไหว”

 

เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนจากโซฟาแล้วเดินออกจากไนท์คลับไปในทันที ทีน่าที่กำลังตกตะลึงเมื่อได้สติก็รีบดึงทริชกับชีล่าให้เดินออกจากไนท์คลับตามเขาไปอย่างรวดเร็ว คนอื่น ๆ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินออกจากคิวปิดบาร์ไปด้วยความผิดหวัง

 

ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ตรงที่โล่งมืดพร้อมอุณหภูมิช่วงกลางคืนที่ลดลง อากาศในตอนนี้สดชื่นยิ่งกว่าตอนกลางวันหลายเท่าตัว

 

จางลี่เฉินสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกายก่อนจะเดินเข้าไปในรถในขณะที่ทีน่าที่เดินตามหลังมาก็รีบขึ้นไปในฝั่งที่นั่งคนขับ “ที่รัก โกรธหรอที่ฉัน ทริช กับชีล่าออกมาดื่มกันแล้วไม่คิดจะกลับบ้านในคืนนี้น่ะ?”

 

“ไม่ใช่เลย” ชายหนุ่มส่ายหัวก่อนจะต่อ “ที่นี่คือนิวยอร์ก ผมไม่ค่อยรู้หรอกว่าคนหนุ่มสาวรอบตัวผมกำลังใช้ชีวิตกันแบบไหน แต่ตราบใดที่คุณสามารถมีสติและป้องกันตัวเองได้มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย”

 

“ถ้าอย่างนั้นนายไม่ชอบที่ฉันจะไปดูมวยปล้ำอย่างนั้นเหรอ! โอ้ เหตุผลที่ฉันชอบมวยปล้ำไม่ใช่แบบที่ชีล่าพูดเลยสักนิดนะ!”

 

“ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณเลย! จริง ๆ ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้คุณคิดไปแบบนั้น?”

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไมนายถึงเดินทิ้งพวกเรามาแบบนี้ล่ะ?”

 

ในตอนนั้นเองที่ทุกคนเบียดตัวเองเข้าไปอยู่ในรถแล้วพากันอยู่อย่างเงียบ ๆ ชายหนุ่มนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะคิดอะไรอย่างระวัง จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถและเลี้ยวเข้าถนนทางหลวงก่อนจะพูดขึ้นเมื่อรู้สึกตัว “ผมขอโทษแมดดี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณที่เตือนผม ผมคงไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ผมทำอะไรลงไปโดยพลการขนาดนี้ ทุกอย่างตอนนี้กำลังเป็นไปด้วยดี! และผมกำลังตื่นเต้นกับมัน แม้จะมีปัญหาเล็กน้อยแต่ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีในที่สุดไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องโรงงานหรือเรื่องอื่น ๆ ไม่เพียงแค่นั้น แต่ทุกคนที่ผมเคยเจอเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ยังเคารพผมอย่างมาก พวกเขาเชื่อฟังทุกคำพูดของผม … ”

 

“นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?” ทีน่าถามเสียงต่ำ

 

“ทีน่าไง! ทำไมล่ะ?”

 

“ไม่! เมื่อกี๊นายเรียกฉันว่าแมดดี้!”

 

“โอ้ บางทีผมก็สับสนอยู่บ่อย ๆ ระหว่างทีน่ากับแมดดี้การพูดมันออกเสียงคล้ายกันจะตาย” จางลี่เฉินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายเสียงเบา

 

“ถ้าอย่างนั้นนายก็เรียกชื่อฉันเวลาอยู่กับเธอด้วยอย่างนั้นเหรอ?”

 

“ใช่! ก็เป็นบางครั้ง” จางลี่เฉินที่ไม่รู้วิธีตอบจึงพูดไปเรื่อยกับสิ่งที่ตัวเองพูดก่อนหน้าพร้อมสวมใบหน้าที่แสดงว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

 

“แต่ฉันคือแฟนของนายนะจางลี่เฉิน นายจะไปเรียนชื่อฉันกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไร? ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่มีวันเรียกชื่อนายผิดไม่ว่าชื่อของนายจะฟังใกล้กับใครก็ตาม!”

 

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ผมแค่พูดชื่อผิดไปหน่อยเท่านั้นเอง ผมก็ขอโทษคุณไปแล้วนี่ไง มันไม่ได้มีอะไรเลย ก็แค่ความผิดพลาดเล็กน้อยที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิด…” จางลี่เฉินที่กำลังหงุดหงิดมองทีน่าข้าง ๆ ก่อนจะสังเกตได้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังอารมณ์เสียอย่างมากในตอนนี้ หางตาของเธอเริ่มมีหยดน้ำตาคลอ “โอเค ๆ ผมขอโทษ! ยกโทษให้ผมจะได้ไหม?”

 

“ที่รัก ลี่เฉินเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นสักหน่อย เขาก็ขอโทษแล้วนี่ไง หายโกรธเขาเถอะนะ” เมื่อได้ยินชายหนุ่มเริ่มที่จะขอโทษแทนที่จะโต้เถียงกับเธอต่อ ทริชผู้ซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังตบไหล่เพื่อนสนิทเบา ๆ และปลอบโยนเธอ

 

“ทริช บริษัทขนาดใหญ่ที่จะมีกำไรสุทธิมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ต่อปีในเร็ว ๆ นี้เพิ่งจะว่าจ้างเลขาที่เพิ่งเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กมาได้ไม่ถึงครึ่งปี เธอคิดว่ามันสมเหตุสมผลงั้นหรอ?”

 

ทริชตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองจางลี่เฉินที่กำลังขับรถอย่างช้า ๆ “ลี่เฉิน อธิบายทีน่าไปสิว่าทำไมนายถึงทำแบบนั้น?”

 

“อธิบาย? ให้ตายเถอะ ผมไม่สนหรอกนะว่ามันจะสมเหตุสมผลหรือเปล่ากับการจ้างนักศึกษาที่เพิ่งลงทะเบียนเรียนมหาวิทยาลัยนิวยอร์กมาได้ไม่กี่เดือนมาเป็นเลขา ผมไม่คิดที่อธิบายสิ่งเหล่านี้ ความจริงมันก็แค่เรื่องเล็กน้อยของการพูดชื่อผิด ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาโกรธกันเลยด้วยซ้ำ…”  จางลี่เฉินถอนหายใจ

 

“บางทีนายจะคิดแบบนั้นก็ได้ลี่เฉิน แต่ผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกันหรอกนะ สิ่งที่นายทำมันคือการทำร้ายจิตใจผู้หญิงเราอย่างมาก” ชีล่าที่อยู่ด้านหลังพูดเสียงดังจนทำให้จางลี่เฉินตกใจ “หลายคู่ที่ฉันรู้จักในที่สุดก็เลิกกันเพราะความเข้าใจผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ดีพอ … ”

 

“เงียบไปเลยนะชีล่า! ฉันรู้จักเพื่อนของเธอทุกคน! บอกฉันมาสิว่ามีใครเลิกกันเพราะพูดชื่อผิดแบบนี้ไหม ห๊ะ?” ทีน่าที่กำลังโกรธโพล่งออกมาในที่สุด “เอาล่ะลี่เฉิน ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้ แต่จำไว้ว่ามันจะไม่มีครั้งที่สองเด็ดขาด!”

 

เมื่อจางลี่เฉินได้ยินหญิงสาวยกโทษให้เขาแล้ว เขาก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกลับ ๆ อย่างไรก็ตามปากของเขาได้พูดออกไปไม่ทันคิดอีกครั้ง “มันยากนะทีน่าที่จะห้ามแบบนั้นได้ ถ้าผมไม่รู้สึกสะดวกใจเป็นพิเศษกับ … โอ้ เฮ้ ถึงเวลาช่วงข่าวใหม่มาพอดี มาฟังข่าวกันดีกว่า”

 

เขารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและเปลี่ยนคลื่นวิทยุบนคอนโซลกลางรถเพื่อปกปิดความผิดของตัวเองไปเรื่องอื่นแทน

 

เสียงวิทยุดังก้องพร้อมความชัดของการออกอากาศ

 

“ตามผู้สังเกตการณ์ท้องถิ่นจากเคปทาวน์ เมืองหลวงของแอฟริกาใต้ได้ถูกโจมตีจากผู้ไม่ทราบชื่อโดยการขับรถไอน้ำหุ้มเกราะ

 

ผู้ร้ายที่ยังไม่ทราบชื่อเหล่านี้ได้รับรายงานว่าในที่สุดก็ถูกขับไล่ออกไปได้สำเร็จจากการเสียสละทหารมากกว่า 300 นายของกองทัพ

 

ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่าอาวุธที่คนร้ายใช้คือหอกเล็ก ๆ ที่ใช้โจมตีโดยการขว้างผ่านอากาศ ส่วนรถไอน้ำหุ้มเกราะก็มีเสียงดังคล้ายนกหวีดอยู่ตลอด…”

 

สำหรับผู้ชายแล้วเรื่องสงครามและเกมเป็นหัวข้อที่น่าสนใจที่สุดสำหรับพวกเขา เมื่อเหล่าผู้ชายในรถได้ยินข่าวแปลก ๆ พวกนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น “รถไอน้ำหุ้มเกราะและหอกงั้นเหรอ? โอ้พระเจ้า! ชาวแอฟริกันพวกนี้ช่างตลกกันจริง ๆ! พวกเขาต่อสู้กันด้วยหอกและธนู … “

 

“เฮ้ ใจร้ายไปแล้วนะ ดุกลีย์! รถศึกที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไอน้ำก็ยังดีกว่าหอกที่ถูกเป่า…”

 

“การเป่าไม้แหลม ๆ ออกมาก่อนการโจมตีทำให้มันกลายเป็นอาวุธทางอากาศได้ไม่ใช่เหรอ?”

 

ในตอนนั้นเองที่การแสดงออกของจางลี่เฉินได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในความเห็นของเขา ข่าวที่เพิ่งได้ยินนี้เป็นเหมือนลางสังหรณ์บางอย่างว่าประตูของอาณาจักรเหนือธรรมชาติได้ไปปรากฎอยู่ในประเทศที่ไม่มีสงครามที่ถูกค้นพบในไม่ช้า

 

ไม่เพียงเท่านั้น คราวนี้มันไม่ใช่คนธรรมทั่วไปที่บุกเข้าไปในอาณาจักรเหนือธรรมชาติ แต่เป็นผู้คนจากดินแดนเหนือธรรมชาติที่มีความคิดริเริ่มในการทำสงครามกับชาวโลก มันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเท่าไหร่นัก

 

“ลี่เฉิน นายคิดว่าไง?” ทีน่าที่กำลังจ้องมองสีหน้าของชายหนุ่มจากหางตาสังเกตเห็นการแสดงออกที่รุนแรงอย่างฉับพลันของเขาได้เลยถามเสียงเบา ๆ ออกไป

 

“ไม่มีอะไรเลยทีน่า! จำไว้ให้ดีว่าอย่าคิดไปประเทศเล็ก ๆ ที่กองกำลังทางทหารอ่อนแอเป็นอันขาด! อย่าไปที่นั่นไม่ว่าระบอบการปกครองของพวกเขาจะเสถียรภาพมากแค่ไหนก็ตาม! ยุคใหม่มาถึงแล้วและตอนนี้ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดก็คือการอยู่แต่ในเมืองใหญ่ของประเทศที่ทรงพลังเช่นนิวยอร์ก บอสตัน เซินเจิ้น ปักกิ่งและอื่น ๆ”

 

ทีน่าตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจความหมายโดยนัยของชายหนุ่ม “ลี่เฉิน นายหมายถึง…การโจมตีเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้นั้นคือ…สิ่งเหล่านั้น…”

 

“ไม่ว่าใครจะเป็นคนลงมือทำสิ่งนี้แต่ทั้งคุณ ทริช และชีล่าควรแก้นิสัยความต้องการอยากเที่ยวไปทั่วและอยู่แต่ในประเทศนี้อย่างเชื่อฟัง!” จางลี่เฉินหันมองหญิงสาวทั้งสามแล้วพูดเตือน

 

เมื่อพวกเธอได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว

 

เมื่อดุกลีย์เห็นชายหนุ่มที่กำลังดูเหมือนสั่งการและตำหนิแฟนสาวของตัวเองหลังจากขอโทษเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดสอดไปว่า “การเดินทางสามารถขยายความรู้ของบุคคลได้ดังนั้นมันก็ไม่น่าใช่นิสัยที่เป็นปัญหา…”

 

“แต่การเดินทางสามารถฆ่าคุณให้ตายได้” จางลี่เฉินพูดขัดพลางขับรถไปด้านหน้าเมดิสันสแควร์การ์เดนตามการนำทาง

 

เมดิสันสแควร์การ์เดนตั้งอยู่ที่หัวมุมระหว่างถนนหมายเลข 8 จากถนนสาย 33 มันตั้งอยู่บนสถานีเพนซิลเวเนียหนึ่งในสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา

 

อาจกล่าวได้ว่าสิ่งแรกของนักท่องเที่ยวเกือบครึ่งที่เดินทางมานิวยอร์กโดยรถไฟจะเห็นเป็นสนามกีฬาทรงกระบอกสีขาวขนาดใหญ่ที่ได้รับการปรับปรุงมาหลายครั้งและมีประวัติยาวนานกว่า 120 ปี

 

ที่นี่คือสนามกีฬาหลักของทีมโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในนิวยอร์ก ตัวเลือกแรกสำหรับการชุมนุมทางการเมืองของชาวนิวยอร์กและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบาสเกตบอล มวย ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานและคอนเสิร์ตดนตรี

 

สนามกีฬาที่ได้ชื่อว่าเป็นใบหน้าของนครนิวยอร์กเต็มไปด้วยแสงไฟสว่างท่ามกลางความมืด รถยนต์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังหยุดนิ่งเพื่อรอเข้าไปในที่จอดรถ

 

“ถึงแล้วล่ะ” จางลี่เฉินที่จดจ่ออยู่กับการจราจรที่ติดขัดและขับรถได้ทีละน้อยจนหาที่จอดรถได้ในที่สุดก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะออกจากรถมา

 

เมื่อมองดูการไหลของผู้คนที่พุ่งเข้าไปในสนามกีฬาจากลานจอดรถอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มหันไปพูดกับทีน่าผู้ซึ่งกำลังโอบกอดเขาไว้อยู่ว่า “มีคนมากมายมาที่นี่เพื่อดูการแข่งขันมวยปล้ำงั้นเหรอ! ไม่น่าเชื่อ! แต่ถ้ามีผู้ชมจำนวนมากขนาดนี้พวกเรายังจะสามารถหาซื้อตั๋วได้ใช่ไหม? คุณสามารถใช้สิทธิพิเศษของตระกูลดั๊กลินที่นี่ได้หรือเปล่า?”

 

“ที่รัก ลองเดาดูสิว่าทำไมบาร์นัมคนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักต้มตุ๋นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอเมริกาถึงได้เช่าสถานีรถไฟเก่าบนถนนเมดิสันอเวนิวเพื่อจัดละครสัตว์ได้ นายคิดว่าเขายืมเงินมาจากใครกันล่ะ?” ทีน่าที่สามารถสงบสติอารมณ์ของเธอกลับคืนมาดังเดิมเอ่ยถามออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม

 

จางลี่เฉินที่รู้สึกได้ว่าอาหารที่ทานไปก่อนหน้าจากโรงแรมแฮกค์เพื่อบำรุงร่างกายของเขาผ่านการย่อยอาหารไปนานแล้วซึ่งตอนนี้เขาเองก็ยังไม่เข้าใจพลังการเปลี่ยนแปลงนี้เท่าไหร่นัก เขายิ้มให้ทีน่าก่อนจะพูดตอบกลับไปว่า “โอ้ ครอบครัวดั๊กลินช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ดูเหมือนว่าพวกเราจะสามารถดูการแข่งขันมวยปล้ำได้แล้วสินะ! แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องไปหาฮอทดอกมาทานก่อนสัก 2 – 3 ชิ้น”