ร้านอาหารที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงของโรงแรมแฮกค์จะเปิดไฟเพดานเพียงสองในหกดวงเท่านั้นในตอนกลางคืน ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อจะได้ผลาญก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณต่ำ
และเนื่องจากการเปิดไฟแค่เพียงสองดวงทำให้เกิดแสงสลัวจึงมีการจุดเทียนบนโต๊ะของผู้ที่เข้ามาใช้บริการเพื่อสร้างบรรยากาศอาหารยามค่ำภายใต้แสงเทียน
จางลี่เฉินเดินเข้าไปในร้านอาหารและมองหาที่นั่งแบบสุ่ม ๆ จากนั้นบริกรก็ทำการจุดเทียนและส่งเมนูให้เขาเลือก
เขาพลิกเมนูและดูรายชื่ออาหารด้วยความช่วยเหลือจากแสงเทียนจาง ๆ ตราบใดที่เขารู้สึกว่าชื่อของจานนั้นน่าสนใจเขาก็จะเลือกสั่งมันโดยไม่ลังเล เพียงแค่อึดใจเดียวเขาก็ได้สั่งอาหารจานใหญ่ไปมากกว่าสิบจาน
“คุณครับ ร้านอาหารของเรามีการเสิร์ฟอาหารด้วยปริมาณที่ค่อนข้างมาก บางทีมันอาจจะเป็นการเสียของได้ถ้าคุณสั่งมากเช่นนี้” บริกรกล่าวเตือนด้วยความหวังดี
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำแต่เอาตามที่ผมสั่งไปทั้งหมดนี้แหละ ผมเพิ่งเสร็จจากงานที่สำคัญมากงานหนึ่งดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญสำหรับผมมาก ผมหวังว่าตัวเองจะได้ลิ้มรสอาหารมื้อนี้ให้ได้มากที่สุดก่อนที่ผมจะเริ่มออกกำลังกายอย่างหนัก”
“เข้าใจแล้วครับ ทางเราจะรีบไปเตรียมอาหารให้ในทันที” เมื่อได้ยินดังนั้นบริกรก็ไม่คิดพูดอะไรอีก เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะวิ่งเข้าครัวเพื่อปลุกพ่อครัวที่เข้าเวรช่วงกลางคืนซึ่งกำลังนั่งกรนอยู่บนเก้าอี้ไม้ “มิสเตอร์เฮนเทลครับ มีลูกค้าเข้า”
“ก็ไปบอกให้แม็คเกรดี้ทำซะสิ! ฉันง่วง จะนอน!” พ่อครัวที่มีความสูงไม่เกิน 170 เซนติเมตรแต่มีน้ำหนักอย่างน้อย 250 ปอนด์ที่ดูเหมือนมันฝรั่งถูกปอกเปลือกตบผู้ช่วยที่นอนกรนอยู่ข้าง ๆ “ตื่นได้แล้วแม็คเกรดี้! ไปทำอาหารให้ลูกค้าก่อนแล้วค่อยกลับมานอน”
“มิสเตอร์เฮนเทล ลูกค้าสั่งอาหารเข้ามามากกว่า 10 จานเลยนะครับ ผมคิดว่าผู้ช่วยของคุณคงไม่สามารถรับมือคนเดียวได้ไหว … ”
“มากกว่า 10 จาน?! นี่มันกี่โมงแล้ว? ทำไมมีคนมากมายมารุมกันในช่วงเวลานี้?” เฮนเทลอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนมาอย่างไม่เต็มใจก่อนจะล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น “ไหนเอาออเดอร์มาดูสิ โอ้! เป็นอาหารจานใหญ่ทั้งหมดเลยนี่!”
“เรามีลูกค้าแค่เพียงคนเดียวครับ แถมเขาดูผอมและตัวเล็กมากอีกด้วย”
“มาคนเดียวแต่สั่งอาหารมากมายขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย? นี่มันเรื่อง … แต่การเป็นคนตัวผอมก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถกินเยอะ ๆ ได้ ฉันเพิ่งดูการแข่งขัน ‘บิ๊กอีทเตอร์’ ไปเมื่อวานนี้และคนผอม ๆ จากญี่ปุ่นคนนั้นก็ชนะอีกครั้ง มัน ช่างบ้าบอมากจริง ๆ! เขากินฮอทดอกไปทั้งหมด 67 ชิ้น! เขามีหลุมดำอยู่ในท้องหรือไงกัน …” พ่อครัวบ่นพึมพำในขณะที่เขาเริ่มทำอาหาร ไม่นานหลังจากนั้นอาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะของจางลี่เฉินทีละจาน ๆ
เมลอนแฮมม้วน, ไข่กวนครีมเห็ด, ไก่โพรวองซ์, วุ้นเส้นหอยเชลล์ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งหรือสองนาทีหลังจากที่จานเหล่านี้ถูกนำมาเสิร์ฟ แต่ละจานถูกจางลี่เฉินกลืนลงท้องไปอย่างว่องไว
ภายใต้สายตาของบริกรที่เอาแต่ตะลึงงัน 20 นาทีต่อมาชายหนุ่มได้กินอาหารจำนวนมากพอสำหรับผู้ใหญ่ปกติ 4 คนเพื่อเติมเต็มท้องของเขาจนหมด ไม่เพียงเท่านั้นแต่ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกอิ่มเสียด้วยซ้ำ
ขณะลูบท้องป้อย ๆ จางลี่เฉินมองหาบริกรที่ดูแลเขาอีกครั้งเพื่อจะได้สั่งอาหารเพิ่มเติม แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังก้องแทรกคำพูดเขาขึ้นมาเสียก่อน “อะไรกัน? เขากินทุกอย่างหมดจริง ๆ หรอเนี่ย! ฉันคิดว่าเขาน่าจะไปเข้าร่วมการแข่งขัน ‘บิ๊กอีทเตอร์’ และกลืนฮอทดอก 67 ชิ้นในคราวเดียวแบบนั้นดูนะ!”
หลังจากถูกทำให้มึนงงไปครู่หนึ่ง จางลี่เฉินก็ตระหนักได้ว่าเสียงนั้นมาจากการพูดพึมพำของบริกรที่ยืนอยู่ใต้แสงสลัวระยะไกล ด้วยความกระวนกระวายเขาเลือกที่จะเปลี่ยนใจและโบกมือเรียกบริกรมาคิดเงินแทน “ช่างเป็นมื้อที่วิเศษจริง ๆ! บริกร เก็บเงินให้ที!” แล้วเขาก็หยิบบัตรเครดิตออกมา
หลังจากจ่ายค่าอาหารเสร็จ เขาก็รีบเดินออกจากโรงแรมและพึมพำกับตัวเองอย่างน่าเศร้าขณะสตาร์ทรถ “กลืนโลกและท้องฟ้า…ดูเหมือนว่าเราจะไม่รู้สึกอิ่มไปตลอดทั้งชีวิตนี้ได้แล้วสินะ…” จากนั้นเขาเหยียบคันเร่งและเปลี่ยนขับเข้าถนนที่ตรงไปควีนส์แทน
ขณะที่รถขับผ่านไปได้ 2 ช่วงตึก ชายหนุ่มก็ได้รับโทรศัพท์จากทีน่าอย่างกระทันหัน
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ทีน่าจะบินกลับมานิวยอร์กเพื่อเยี่ยมเขาเกือบทุก ๆ 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เธอโทรหาเขาในช่วงเวลาที่ดึกมากขนาดนี้
“ว่าไงทีน่า คุณมีอะไรหรือเปล่า?”
“ที่รัก คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือยัง?” หญิงสาวตะโกนท่ามกลางเสียงเพลงดัง
“ใช่ คุณรู้ได้อย่างไร?”
“ศาสตราจารย์แมดเดลล์ป่วยฉันเลยบินกลับมานิวยอร์กเร็วกว่าที่วางแผนไว้น่ะ ฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมนายในวันพรุ่งนี้แต่ฉันบังเอิญเจอกับแอนนี่ลูกสาวของมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดที่คิวปิดบาร์เข้า เธอบอกว่าเธอได้ยินมาจากพ่อว่านายออกจากโรงพยาบาลแล้วและอยู่ที่โรงงาน”
“แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่โรงงานหรอกนะ ผมเพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จและกำลังขับรถอย่างไร้จุดหมายอยู่ในนิวยอร์ก”
“โอ้ งั้นก็เยี่ยมไปเลยน่ะสิ! มาที่คิวปิดบาร์ในแมนฮัตตันซะสิ! ฉันคิดถึงนายมากเลยนะ! ทริชและชีล่าเองก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน! โอ้ใช่ พูดถึงชีล่า รู้ไหมเธอมีแฟนใหม่แล้วนะ เขาก็อยู่ที่นี่กับเราด้วย … ”
“ชีล่ามีแฟนใหม่แล้วเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ” จางลี่เฉินตั้งค่าการนำทางอย่างงุ่มง่าม “คิวปิดบาร์ในแมนฮัตตันใช่มั้ย โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ! แล้วไว้เจอกัน!”
หลังจากกล่าวคำลา ชายหนุ่มก็กดวางสายแล้วขับรถไปตามถนนนิวยอร์กนานกว่า 40 นาทีตามคำแนะนำของเครื่องนำทางก่อนจะหยุดรถที่ด้านนอกไนท์คลับแห่งหนึ่งที่ ๆ มีแสงไฟกระพริบและเสียงเพลงดังหนวกหูเมื่อตอนที่ประตูเปิดออก
ร้านดังกล่าวตั้งอยู่ในแมนฮัตตัน เป็นสถานที่ ๆ เหมาะสำหรับคนหนุ่มสาวอย่างมากซึ่งกำลังพากันที่ต่อแถวเข้าคิวยาวอยู่ด้านนอกประตู เป็นทำเลที่ตั้งอยู่ไกลจากฝั่งตะวันตกตอนบน
จางลี่เฉินเดินผ่านแถวคิวที่ผู้คนกำลังเข้าแถวก่อนจะหยุดอยู่ที่ประตูของไนท์คลับที่มีป้ายโฆษณา “คิวปิดบาร์” ขนาดใหญ่แขวนอยู่บนผนังด้านนอกแล้วจึงกดโทรหาทีน่า “ผมมาถึงแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน ทีน่าที่แต่งตัวด้วยชุดกางเกงขาสั้นสีขาวสุดเซ็กซี่ก็วิ่งออกมาจากไนท์คลับ หลังจากจูบกันอยู่นานหญิงสาวจับมือของจางลี่เฉินพาเขาวิ่งกลับเข้าไปด้านในไนท์คลับโดยไม่ต้องผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าบาร์แต่อย่างใด
ภายในคิวปิดบาร์แม้ว่ามันจะมีแสงสลัวและปกคลุมไปด้วยหมอกควันเหมือนไนท์คลับอื่น ๆ แต่สไตล์ของที่นี่จะมีความคลาสสิคมากกว่าคลับทั่วไปที่ชาวนิวยอร์กธรรมดา ๆ มักใช้บริการกันบ่อย ๆ
สามารถพิสูจน์ได้จากการตกแต่งที่น่าหลงใหลของร้านที่ดูดีมีราคาแพง ที่นี่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในราคาที่ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ขาย โต๊ะอาหารของลูกค้าบางส่วนก็จะมีอาหารที่อร่อยจนเกินจะจินตนาการได้ตั้งวางอยู่
เห็นได้ชัดว่าแม้จะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สีฟ้าของแมนฮัตตันแต่ไนท์คลับแห่งนี้มุ่งเน้นไปที่คนหนุ่มสาวผู้ร่ำรวยจากนครนิวยอร์กเป็นหลัก
ทีน่าพาชายหนุ่มเข้าไปข้างในและเดินมายังส่วนที่กึ่งเปิดกึ่งสงวนที่อยู่ติดกับริมผนังก่อนจะตะโกนว่า “ดูซิใครมา?!”
“โอ้ เฮ้! ลี่เฉิน สบายดีไหมที่รัก?” ชีล่าที่ดื่มไปเยอะมากจนสายตาไม่อาจโฟกัสอะไรได้กระโจนขึ้นมาจากโซฟาพร้อมส่งเสียงร้องประหลาดใจเมื่อเธอเห็นจางลี่เฉินเดินเข้ามา เธอกอดชายหนุ่มและจูบแก้มของเขาหลังจากนั้น
“เฮ้ลี่เฉิน! ดีใจด้วยที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที!” ทริชที่อยู่ข้าง ๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้ม เธอเองก็จูบแก้มของจางลี่เฉินในทำนองเดียวกัน
“ขอบคุณ” จางลี่เฉินตอบกลับพวกเธอทั้งคู่ไปด้วยรอยยิ้ม
“ที่รัก! ฉันจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้ได้รู้จักนะ นี่คือแอนนี่ ลูกสาวของหัวหน้าฝ่ายกฎหมายมิสเตอร์อ็ดเวิร์ดและนี่คือแฟนของเธอชื่อโจ ส่วนนี่คือโซเนียแฟนคนใหม่ของชีล่าที่มหาวิทยาลัย นี่คือคริสตินา น้องสาวของโซเนียที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพวกเรา และดุกลีย์ ผู้ติดตามที่กระตือรือร้นที่สุดของทริชที่ตัดสินใจจะไม่กลับลอสแองเจลิสในปีนี้เพื่อจะได้ใช้เวลาคริสต์มาสของเขาอยู่ที่นี่แทน…”
“ทีน่า ดั๊กลิน…” เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของทีน่าที่พูดติดสนุก ทริชตะโกนเสียงดังด้วยความรำคาญ
“ผู้ติดตามของทริช? ถ้าอย่างนั้นเฮนดริคล่ะ? เขาเต็มใจที่จะเลิกกับทริชแล้วอย่างนั้นเหรอ?” จางลี่เฉินเอ่ยถามสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปโดยไม่ทันคิดอะไร
การแสดงออกของทริชเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวในทันที ผู้ติดตามที่ทั้งสูงและแข็งแกร่งของเธอจ้องมองมาที่ชายหนุ่มและดูเหมือนว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขากำลังอยู่ต่อหน้าผู้หญิงในตอนนี้ เขาคงจะสอนบทเรียนบางอย่างแก่ชายหนุ่มผอมแห้งคนนี้ไปแล้ว ทัศนคติของพวกเขาดูเหมือนจะผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายใต้แสงไฟที่เปลี่ยนไปมา
บรรยากาศกลายเป็นน่าอึดอัดใจเล็กน้อย ทีน่าจ้องมองจางลี่เฉินและอธิบายอย่างรวดเร็วไปว่า “เฮนดริคไม่ได้ติดต่อทริชมานานแล้ว บางทีเขาอาจรู้สึกว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน”
“เขาดูไม่เหมือนคนที่ฉลาดและมีเหตุผลเท่าไหร่ แต่…” เมื่อคิดถึงการกระทำที่ดื้อรั้นของเฮนดริคบนเอลิซาเบธ ฮอลิเดย์เมื่อครั้งที่พวกเขาติดอยู่บนเกาะเหนือธรรมชาติแล้วจางลี่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะคู้ปากก่อนจะนั่งลงบนโซฟา
จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปหาแอนนี่แล้วพูดว่า “มิสแอนนี่ พ่อของคุณเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญของผมเลยนะครับ ผมได้ยินเขาพูดถึงคุณมามาก ดีใจที่ได้พบคุณ”
การมีคนจากเพศตรงข้ามเข้ามาทักทายตัวเองในไนท์คลับและคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้านายในตำนานที่พ่อของเธอเคยพูดถึงมาก่อนทำให้แอนนี่ตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมไปจับมือกับชายหนุ่ม “ดีใจที่ได้พบคุณเช่นกันค่ะมิสเตอร์ลี่เฉิน ฉันมักจะได้ยินพ่อของฉันพูดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ อย่างไรก็ตามฉันไม่เคยคิดเลยนะคะว่าคนที่มีชื่อเสียงที่จะรวมอุตสาหกรรมการโรงฆ่าสัตว์ทั้งหมดของนครนิวยอร์กจะเป็นคุณ ในฐานะนักอุตสาหกรรมที่มีรายได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปีคุณยังดูเด็กเกินไปมาก!”
เมื่อได้ยินแอนนี่พูดถึงค่าตัวของจางลี่เฉิน คนหนุ่มสาวไม่กี่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลยพากันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามสำหรับนักเรียนปีแรกของฮาร์วาร์ด พวกเขาคุ้นเคยกับการได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับวิธีที่ผู้อาวุโสในอดีตประสบความสำเร็จทางธุรกิจและกลายเป็นมหาเศรษฐีหรือนักวิทยาศาสตร์หรือแม้แต่นักการเมืองที่รู้จักกันดี
ชนชั้นสูงเหล่านี้ที่อยู่ชั้นบนสุดของสังคมอาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับพวกเขาแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนที่มีอายุในช่วง 10 – 20 ที่มีความเคารพตนเองสูงไม่ได้ทำให้พวกเขาเข้าใจอะไรมากขึ้นแม้ว่าพวกเขาจะได้รับการศึกษาแบบเดียวกันหรือแม้ว่าระดับ IQ ของพวกเขาจะเท่ากันก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถทำสิ่งที่คนอื่นทำแบบนั้นด้วยได้ ด้วยเหตุนี้เองแม้จะมีความประหลาดใจในแบบที่คนหนุ่มสาวอย่างจางลี่เฉินทำแต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงได้ตาม
“ขอบคุณครับ โปรดอย่าลืมส่งความนับถือถึงมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดแทนผมเมื่อคุณกลับถึงบ้านคืนนี้ให้ด้วยนะครับ”
“กลับบ้าน? โอ้ ไม่นะลี่เฉิน คืนนี้เราจะไม่กลับบ้านกันหรอก! เราจะไปดูการแข่งขันพิเศษปีใหม่ที่จัดขึ้นโดยเวิลด์เรสต์ลิงกันต่อจากนี้ต่างหาก!”
“ชีล่า ผมเชื่อว่าคุณอาจจะไม่กลับบ้านแต่ทีน่า ทริช และมิสแอนนี่ ….”
“โอ้ ลี่เฉินที่รัก พ่อแม่ของพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้พวกเรากลับมานิวยอร์กกันแล้ว สำหรับแอนนี่ พ่อของเธอยังคงทำงานค้างคืนอยู่ที่สำนักงานและปิดการทำงานโรงงานของเธออยู่ ส่วนแม่ของเธอก็อยู่ที่ปารีสและจะกลับมาในวันคริสต์มาสอีฟ คืนนี้คืออิสระภาพพวกเรา! มาส่งเสียงเชียร์ให้กับอิสรภาพของพวกเรากันเถอะ!” ชีล่าตะโกนและยกแก้วขึ้น
“เพื่อค่ำคืนแห่งอิสรภาพ!” ชายหนุ่มและหญิงสาวชนแก้วกันเสียงดังก่อนจะตะโกนด้วยเสียงหัวเราะแล้วลดระดับวิสกี้ที่เจือจางด้วยน้ำแข็งและน้ำในแก้วไปเกือบครึ่ง