เฉินเข่อเอ๋อร์นั่งลงข้าง ๆ เฉินโม่ด้วยความดีใจ กอดแขนของเฉินโม่อย่างสนิทสนม จากนั้นพูดอย่างยิ้มแย้มออกมาว่า “พี่เฉินโม่ รางวัลในครั้งนี้ต้องเป็นของพี่สิ !”

เฉินโม่ยังคงไม่ตอบ แต่ด้านข้างของเขาจู่ ๆ ก็มีเสียงสบถอันเย็นชาดังขึ้น “ตลกสิ้นดี แกมันก็แค่ไอ้ขยะ กล้าฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยากได้แชมป์ ! คำพูดเพ้อฝันของคนโง่แท้ ๆ !”

เฉินเข่อเอ๋อร์มองไปที่ชายคนนั้น พลางข้อมเขม็งไปที่เขา “เฉินหลี้ นายบอกว่าใครเป็นขยะ !”

เฉินหลี้สีหน้าเย่อหยิ่ง เหลือบมองเฉินโม่หนึ่งครั้ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ฉันพูดถึงใคร ยังไม่รู้อีกงั้นหรือ ?”

เฉินเข่อเอ๋อร์โกรธมาก แต่กลับหัวเราะออกมา “เฮอะ ๆ เฉินหลี้คำบางคำไม่ควรพูดออกมาเร็วเกินไป ถึงเวลาอย่าให้เห็นว่าอยู่คนละชั้นกับพี่เฉินล่ะ ไม่งั้นนายจะไม่ใช่ขยะในหมู่ขยะเลยหรือ ?”

เฉินหลี้จ้องเฉินเข่อเอ๋อร์เขม็ง พูดด้วยความโกรธว่า “น่าขำ ฉันจะแพ้ไอ้ขยะได้ยังไงกัน !”

เฉินโม่ตบมือเฉินเข่อเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา พลางพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ใจเย็นหน่อย อย่าเปลืองน้ำลายให้กับคนแบบนี้เลย”

“อือ” เฉินเข่อเอ๋อร์หยักหน้า สบถออกมา และไม่สนใจเฉินหลี้อีก

ขณะนั้นเอง จู่ ๆ เฉินโม่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาอาฆาตสองคู่มองมาที่ตน เฉินเยว่ที่ช่วยพยุงเฉินควางตั้งแต่หน้าประตูเดินเข้ามา

ในตอนนั้นเฉินโม่ไม่ได้ใช้การโจมตีที่รุนแรง อาการบาดเจ็บของเฉินควางจึงไม่น่าจะร้ายแรงได้

เฉินเยว่และเฉินควางเดินเข้ามาหาเฉินโม่ ขณะที่เดินเข้ามาด้านข้างเฉินโม่ ทั้งสองคนก็หยุดลง

เฉินควางมองเฉินโม่ด้วยความอาฆาตราวกับอสรพิษ “เฉินโม่ อีกเดี๋ยวฉันจะรอดูว่านายขายหน้าได้อย่างไร !”

เฉินโม่มองเขาอย่างเงียบเชียบ ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ แสดงออกมาทางสีหน้า “กลัวว่านายจะผิดหวังแทนน่ะสิ”

“งั้นรึ ? ฉันจะคอยดู” เฉินควางแสยะยิ้ม เดินเข้าไปยังที่นั่งด้านหลัง

เฉินเยว่มองเฉินโม่พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาสองข้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอรับรู้ได้ถึงลมปราณที่แผ่ออกมาจากตัวเฉินโม่ว่าเขาคือปรมาจารย์แดนแปรภาพ !

ปรมาจารย์บู๊ นับว่าอยู่บนชั้นสูงสุดของโลกฝึกบู๊ ต่อให้ในสำนักเฉินเยว่ จำนวนของผู้ที่เป็นปรมาจารย์บู๊ก็มีไม่ถึงสามคน อีกทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่มีอายุมาก สำหรับเฉินโม่นักบู๊ที่สามารถมาถึงระดับปรมาจารย์ได้นั้น เขาเปรียบได้ดั่งปีศาจเลยทีเดียว !

ถ้าหากเฉินควางไม่งอแงที่จะมาดูเรื่องตลกของเฉินโม่ล่ะก็ เฉินเยว่คงไม่มีทางมาที่นี่แน่ ระดับปรมาจารย์บู๊ จะมาอยู่ในการทดสอบเล็ก ๆ ของตระกูลอย่างนี้ได้อย่างไร ?

อาจจะ นี่คือเหตุผลที่เฉินโม่ปฏิเสธรับเงินทุนของตระกูล

คิดได้ดังนั้น เฉินเยว่ก็มองน้องชายของเขาด้วยความเป็นห่วง “เฉินควาง ฉันจะเตือนนายอีกครั้งนึง พลังของเฉินโม่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น จากนี้นายอย่าไปยั่วโมโหเขาอีกเด็ดขาด !”

“พี่ เรื่องนี้พี่พูดตั้งหลายรอบแล้ว ผมไม่ได้บอกพี่ไปแล้วหรือ ? พวกเรามาดูการทดสอบของตระกูลในครั้งนี้ก็เพื่อจะดูว่าเฉินโม่จะขายหน้าได้แค่ไหน พี่วางใจเถอะ ผมสัญญาว่าจะนั่งดูอยู่เงียบ ๆ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น !”

เฉินเยว่จ้องมองเขา พยักหน้าอย่างจำใจ “ก็ได้ พี่จะลองเชื่อนายดูสักหน่อย”

เมื่อเข็มนาฬิกาตรงกับเลขสิบสองพอดี เฉินกั๋วเหลียงก็กระแอมออกมา ประกาศด้วยเสียงอันก้องกังวานว่า “เอาล่ะ ทุกคนเงียบลงหน่อย !”

ทันทีที่ผู้นำตระกูลเอ่ยปากขึ้น ภายในห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบ

เฉินกั๋วเหลียงพูดต่อไปว่า “พวกเราเหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฉิน เพื่อที่จะไม่ทำให้เหล่าลูกหลานเกียจคร้าน ไม่หลงลืมความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้า จึงได้จัดการทดสอบนี้ขึ้น เหล่าลูกหลานตระกูลเฉินผู้ที่มีอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ ล้วนเคยผ่านการทดสอบอย่างนี้มาแล้วทั้งสิ้น”