บทที่ 1489 ได้มาแต่ไม่ได้กลับ / บทที่ 1490 อะไรนะ? บึกบึนทึนทึก?

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1489 ได้มาแต่ไม่ได้กลับ

แน่นอนว่าถ้าปล่อยตาหลิงฮั่วคนนี้ไป ก็อาจเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาเหมือนที่ผู้อาวุโสสามหลี่ซือว่า แต่เธอไม่ใช่หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย เมื่อไหร่ที่เดธโรสของเธอเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เธอก็จะไปจากพันธมิตรอู๋เว่ย ไม่อยู่เป็นแพะรับบาปของพันธมิตรอู๋เว่ยอีกต่อไป

“หัวหน้า…หัวหน้าหมายความว่า?” สมาชิกระดับสูงของพันธมิตรอู๋เว่ยคนหนึ่งมองเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่า “ปล่อยเขา แล้วก็คนของเขาไปซะ”

เหล่าสมาชิกระดับสูงรวมถึงเป่ยโต่วกับชีซิงทำหน้าประหลาดใจ กว่าจะจับได้ไม่ใช่ง่ายๆ จะปล่อยจริงเหรอ?!

แม้แต่หลิงฮั่วที่อยู่ในคุกก็ยังขมวดคิ้ว เขามองเยี่ยหวันหวั่น หลังจากมองพิจารณาครู่หนึ่งจึงเอ่ยเหมือนลังเลว่า “ไป๋เฟิ่ง…เธอจะปล่อยฉันไปจริงเหรอ?”

เยี่ยหวันหวั่นจ้องหลิงฮั่ว แล้วแค่นยิ้ม “หลิงฮ่ว วันนี้ฉันปล่อยนายแล้วก็ลูกน้องนายไปได้ แต่ฉันขอเตือนนายว่าต่อไปอย่าได้คิดหาเรื่องพันธมิตรอู๋เว่ยอีก ถ้านายมีปัญญามีเรื่องกับพันธมิตรอู๋เว่ยจริง วันนี้คงไม่โดนขังอยู่ที่นี่ นายว่าจริงมั๊ย”

หลิงฮั่วกลับไม่ได้พูดอะไรมาก

เป็นอย่างที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจริงๆ การต่อสู้วันนี้ทำให้หลิงฮั่วตระหนักได้ว่าด้วยความสามารถของตัวเองในตอนนี้ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพันธมิตรอู๋เว่ยเลยแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา เรื่องที่หลิงฮั่วไม่เข้าใจก็คือ หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิ่งคนนี้ ทำไมถึงได้ไว้ชีวิตเขา…

“ไป๋เฟิ่ง ถึงวันนี้เธอจะปล่อยฉันไป ฉันก็ไม่รู้สึกขอบคุณเธอหรอก” ชายหัวเกรียนในห้องขังพูดกับเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นเงียบ

ไม่ต้องให้นายมาขอบคุณหรอก ขอแค่นายไม่เอาแต่จ้องจะหาเรื่องฉัน ฉันก็ขอบคุณจะแย่แล้ว…

“หัวหน้า โปรดพิจารณาอีกครั้งเถอะครับ!” หลี่ซือรีบเอ่ย

“ปล่อยพวกเขา” เยี่ยหวันหวั่นโบกมือ

พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ผู้อาวุโสสามที่ทำท่าจะพูดอะไร ก็ทำได้แค่ถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้คุมเปิดประตูห้องขัง

หลิงฮั่วเดินออกจากห้องขัง แล้วมองเยี่ยหวันหวั่น “ไป๋เฟิ่ง เมื่อกี้เธอบอกว่านอกจากฉัน เธอจะปล่อยคนของฉันด้วย”

“แน่นอน” เยี่ยหวันหวั่นโบกมือ สั่งให้หลี่ซือปล่อยสมาชิกแก๊งหัวเหล็กทั้งหมดออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกแก๊งหัวเหล็กทุกคนเดินออกจากห้องขัง แต่ละคนยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลังชายหัวเกรียน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

“ไป๋เฟิ่ง…เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่เสียใจ…ที่ปล่อยพวกฉันไป?” หลิงฮั่วมองเยี่ยหวันหวั่น

“ถ้านายไม่พอใจ จะกลับไปอยู่ข้างในต่อก็ได้นะ” เยี่ยหวันหวั่นชี้ไปที่ห้องขัง

“หึๆ…ก็ได้ ไป๋เฟิ่ง…วันนี้ ฉันกับเหล่าพี่น้องของฉัน ขอบคุณเธอ…แต่บัญชีรอยแผลเป็นนี่ ยังไม่จบแค่นี้…แม้ภูผาไม่เคลื่อน แต่สายธารยังคงไหลริน[1] ซักวันเราต้องได้พบกันอีกแน่” หลิงฮั่วกล่าว

“พูดมาก ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!” ผู้อาวุโสสูงสุดตวาดเกรี้ยว

หลิงฮั่วไม่แยแส เขาโบกมือ จากนั้นก็หมุนตัวเดินนำพรรคพวกแก๊งหัวเหล็กออกไป

หลังจากที่หลิงฮั่วออกไปจาสำนักงานใหญ่พันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดก็หันไปมองเยี่ยหวันหวั่น “หัวหน้าครับ หลิงฮั่วไม่ใช่คนธรรมดา…หากวันนี้ไม่ถอนรากถอนโคนเขา เกรงว่าวันหน้าเขาจะมาแก้แค้นอีก…”

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองผู้อาวุโสสูงสุดแวบหนึ่ง “มีฉันอยู่จะกลัวอะไร”

ผู้อาวุโสสูงสุดคิดดูดีๆ แล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ตอนนี้หัวหน้ากลับมาแล้ว ยังต้องกลัวหลิงฮั่วอีกเหรอ?

หลิงฮั่วไม่มาแก้แค้นพวกเขาก็แล้วไป แต่ถ้ายังกล้ามา ครั้งหน้าเขาไม่รอดกลับไปแน่!

————————————————————————————-

บทที่ 1490 อะไรนะ? บึกบึนทึนทึก?

“หัวหน้า มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ” ผู้อาวุโสสามหลี่ซือเดินมาหยุดข้างเยี่ยหวันหวั่น แล้วถามด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้หัวหน้าต้องปล่อยหลิงฮั่วไปด้วยครับ?”

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองผู้อาวุโสสามหลี่ซือแวบหนึ่ง เธอกับผู้ชายหัวเกรียนคนนั้นไม่เคยมีความแค้นต่อกัน แล้วจะไปเอาชีวิตเขาทำไม?

แน่นอนว่าถึงลึกๆ ในใจจะคิดอย่างงี้ แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับตอบว่า “ฉันปล่อยเขาไปก็ต้องมีจุดประสงค์ของฉันอยู่แล้ว”

ผู้อาวุโสสามทำท่าครุ่นคิด แล้วก็หันไปชูนิ้วโป้งให้เยี่ยหวันหวั่น พูดด้วยความเคารพว่า “ผมว่าแล้ว หัวหน้าไม่ได้ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่…สมกับเป็นหัวหน้า มองการณ์ไกล ล้ำ ล้ำมากจริงๆ ครับ!”

เยี่ยหวันหวั่นมองหลี่ซือด้วยความประหลาดใจ เธอพูดอะไรแล้วงั้นเหรอ? ตาเฒ่าหลี่ซือนี่ประจบซะ…ออกจะเกินไปหน่อยนะ…

อีกอย่าง ทั้งที่เป็นคนโหดเหี้ยมมากแท้ๆ แต่จู่ๆ นิสัยก็เปลี่ยนไป เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายทำตัวสนิทสนมซะจนแทบจะเอาหน้ามาแนบกับเธออยู่แล้ว ไม่ชินเอาซะเลย

คิดถึงหลี่ซือคนเดิมจัง…

หลังออกจากคุก ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นตั้งใจจะถามเป่ยโต่วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอดื่มเหล้า เกิดอะไรขึ้นกับหลิงฮั่วแล้วก็แก๊งหัวเหล็กของเขา

แต่คิดไปคิดมาก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ถามตรงๆ ก็กลัวคนอื่นสงสัย ถามอ้อมๆ ตาเป่ยโต่วก็ฟังไม่เข้าใจอีก ถึงจะฟังเข้าใจก็ยากที่จะล้วงข้อมูลอะไรจากเขาได้

แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับเชื่อมั่นว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างหลังจากเมาจนภาพตัดแน่ๆ พวกผู้อาวุโสสามหลี่ซือกับผู้อาวุโสสูงสุดถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างงั้น ไม่งั้นจู่ๆ พวกเขาไม่มีทางเชื่อว่าเธอคือหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยแน่นอน…

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอเมา แต่ยังไงการที่พวกสมาชิกระดับสูงไม่สงสัยในตัวเธออีกก็ถือเป็นเรื่องดี

แต่ที่เยี่ยหวันหวั่นแปลกใจคือ เธอเมาแล้วทำอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้ตาเฒ่าหลี่ซือที่เคยจ้องจะฆ่าเธอตลอดเวลากลายเป็นคนสงบเสงี่ยมในพริบตาอย่างงี้ หรือว่าเธอคือหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิ่งจริงๆ?

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันคิดอะไรมาก เสียงมือถือก็ดังขึ้น

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองด้วยหางตา เป็นสายโทรฯ เข้าจากเนี่ยอู๋หมิง

“ฮ่าๆ เถ้าแก่โหย่วหมิง พักนี้สบายดีมั๊ย?” เสียงหัวเราะของเนี่ยอู๋หมิงดังมาจากปลายสาย

“ก็ดี ยังไม่ตาย” เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างไม่สบอารมณ์

ตาบ้าเนี่ยอู๋หมิง ถ้าไม่ใช่ว่าเขากินเงินจากทั้งสองฝ่าย เธอคงไม่โดนกู่พิศวาสอย่างงี้หรอก

“เถ้าแก่โหย่วหมิง เธอบึกบึนทึกขนาดนี้ จะตายได้ยังไง!” เนี่ยอู๋หมิงรีบกล่าว

ไงนะ? บึกบึนทึนทึก?!

“น้องสาวโหย่วหมิง ฉันอยู่ที่ที่เราเจอกันคราวที่แล้ว เธอรีบมาเร็ว ฉันจะรอจนกว่าเธอจะมานะ!” พูดจบ เนี่ยอู๋หมิงไม่รอเยี่ยหวันหวั่นพูด รีบวางสายไปก่อน

“รอไปเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมือถือ แล้วเอ่ยเสียงรอดไรฟัน

พูดจบเยี่ยหวันหวั่นก็เรียกเป่ยโต่วเข้ามาเล่นไพ่ต่อกรจ้าวดินแดนด้วยกัน หลังจากเล่นชนะจนเป่ยโต่วหมดตัว เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยมุ่งหน้าไปยังจุดที่นัดกับเนี่ยอู๋หมิงอย่างสบายใจ

หลายชั่วโมงผ่านไป เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยเดินเข้ามาในร้าน มองแวบเดียวก็เห็นเนี่ยอู๋หมิงที่นั่งอยู่ตรงมุมร้าน

พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัว เนี่ยอู๋หมิงก็รีบลุกขึ้นยืน “ให้ตาย…เถ้าแก่โหย่วหมิง เธอทำเกินไปแล้วมั้ง…เพิ่งจะมาเอาป่านนี้ โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ”

เยี่ยหวันหวั่นไม่ตอบ พอนั่งลงก็ยกชาร้อนขึ้นจิบ แล้วจึงค่อยมองเนี่ยอู๋หมิง เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ฉันทำเกินไปแค่ไหน…ยังไงก็ไม่เท่าคุณหรอก”

……………………………………………………….

[1] แม้ภูเขาไม่เคลื่อน แต่สายธารยังคงไหลริน หมายถึง ไม่มีสิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง