บทที่ 20: เงื่อนไข (2)
หลังจากที่ได้ยินข้อเสนอของซูเฉิน ฉู่เจียงอวี๋ก็รู้สึกราวกับว่าถูกใครบางคนบีบขย้ำหัวใจอย่างโหดร้าย
นั่นมันทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา ! ยิ่งไปกว่านั้น เทียนไขชีวิตทั้ง 161 เล่มที่พึ่งจะได้มาจากตระกูลกู่มาก็ถูกเก็บไว้ในนั้นด้วย
แค่ด้วยมูลค่าของสมบัติเหล่า… ก็คงต้องใช้เวลาเก็บสะสมใหม่อีกหลายร้อยปี แล้วเขาจะยอมเสียมันไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ?
ฉู่เจียงอวี๋จ้องมองซูเฉินด้วยความโกรธเกรี้ยว “อย่าแม้แต่จะคิด !”
ซูเฉินแสยะยิ้ม “ฝ่าบาทพูดถึงหินพลังต้นกำเนิดและทรัพย์สมบัตินับพันล้าน แต่ของเล็กน้อยแค่นี้กลับปฏิเสธซะแล้ว ไม่คิดว่ากลืนน้ำลายตัวเองเร็วไปหน่อยหรือไง ?”
ฉู่หยวนหัวเราะในลำคอ “ปัญหาคือท่านซูไม่ได้จะอยู่ที่นี่นานน่ะสิ”
ซูเฉินตอบอย่างใจเย็น “เช่นนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไม่จ่ายค่าปิดปากข้างั้นหรือ ?”
ฉู่หยวนก็ตอบกลับอย่างใจเย็นเช่นกัน “ข้าก็อยากรู้ว่าท่านซูจะรักภรรยาของเขาแค่ไหนกันเชียว”
ทั้งกู่ชิงลั่วและข่าวที่ประกาศในแดนฝันถูกใช้เป็นข้อต่อรองระหว่างซูเฉินและฉู่หยวน
ในสถานการณ์แบบนี้ ฉู่หยวนไม่จำเป็นจะต้องจ่ายค่าปิดปากและยังไม่ต้องกังวลว่าซูเฉินจะปากโป้งอีกด้วย
เว้นเสียแต่ที่ซูเฉินบอกว่ากู่ชิงลั่วคือภรรยาของเขานั้นจะเป็นคำโกหก
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจะต้องสืบหาความจริงเดี๋ยวนี้
ซูเฉินจับถ้วยชาของเขาเบา ๆ “ก็จริง ถ้ามีชิงลั่วอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงว่าข้าจะปากโป้ง แต่ยังไงก็ตาม ข้อตกลงของพวกเราก็เกี่ยวกับความลับแห่งคำสาปทั้ง 3 เท่านั้น จริงไหม ?”
ฉู่หยวนตะลึงงัน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าได้สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับสายเลือดตระกูลกู่มา ทำให้ข้าได้รู้ถึงความลับแห่งคำสาปทั้ง 3 นั้น วันพรุ่งนี้ข้าก็สามารถที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับสายเลือดตระกูลฉู่เพื่อหาความสัมพันธ์กันกับเทพอสูรเขี้ยวพิสุทธิ์ด้วยก็ได้ หรือว่า…”
ซูเฉินไม่ได้พูดต่อว่าเขาอาจทำสิ่งใด แต่ฉู่หยวนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปโดยปริยายจากคำพูดเหล่านั้น
“ซูเฉิน เจ้าใจกล้าดีนี่” ฉู่เจียงอวี๋ตะเบ็งเสียงดังขณะตบฉาดลงที่โต๊ะ
ซูเฉินยักไหล่ “ข้ายังไม่ได้เริ่มค้นหาหรอก”
ใช่แล้ว เขายังไม่ได้เริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนั้น
และด้วยเหตุผลนั้น การใช้มันเป็นเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้จึงไม่ควรจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น นี่คือซูเฉิน !
เขาคืออัจฉริยะผู้พัฒนาวิธีการทะลวงด่านโดยไร้สายเลือดได้ ! ทั้งยังล่วงรู้ถึงความลับแห่งคำสาปทั้ง 3 ภายในวันเดียวเท่านั้น !!
หากเขาจะค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสายเลือดตระกูลฉู่แล้วละก็ เรื่องน่าประหลาดใจแบบไหนกันที่จะถูกเปิดเผยออกมา ?
ท่าทางของฉู่หยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็จึงคว้ามือของลูกชายไว้
“ท่านพ่อ !” ฉู่เจียงอวี๋ร้องตะโกนด้วยความตกใจ
“นั่นมันก็แค่เทียนไขชีวิตไม่กี่เล่ม ตราบใดที่สถานะของตระกูลฉู่ยังไม่เปลี่ยนไป พวกเรายังมีโอกาสหามาใหม่ได้” ฉู่หยวนกล่าวขณะที่โยนแหวนต้นกำเนิดไปให้กับซูเฉิน “ทุกอย่างในนั้นเป็นของเจ้าแล้ว แต่เจ้าต้องสาบานเดี๋ยวนี้ว่าจะไม่ค้นคว้าข้อมูลลับของสายเลือดตระกูลฉู่”
“ได้เลย !” ซูเฉินตอบตกลง
ด้วยสายเลือดเทพอสูรบรรพกาลมังกรสุริยะ ซูเฉินไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสายเลือดเขี้ยวพิสุทธิ์มากนัก ดังนั้นแล้วการนำมันมาแลกเปลี่ยนกับการต่อรองครั้งนี้จึงถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับเขา
อย่างน้อยที่สุด มันคงจะทดแทนทรัพย์สินที่เขาเสียไปกว่าจะได้ตำแหน่งราชาแห่งฝันมาครอบครอง
แน่นอนว่าซูเฉินนั้นไม่รู้เกี่ยวกับเทียนไขชีวิตที่อยู่ในแหวนต้นกำเนิดของฉู่เจียงอวี๋ แต่เขาได้ใช้งานไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดเพื่อทำนายว่าแหวนต้นกำเนิดบนนิ้วของฉู่เจียงอวี๋นั้นมีมูลค่ามหาศาลยิ่งนัก
“อีกอย่าง ข้าต้องการวิชาลับที่สามารถปลุกคำสาปทั้ง 3 ขึ้นมาได้” ฉู่หยวนกล่าวขึ้น
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ฉู่หยวนสนใจยิ่ง ด้วยหากเขาได้ครอบครองมันแล้วละก็ เขาก็คงจะสามารถควบคุมตระกูลกู่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ในอนาคต
“ก็ได้” ซูเฉินตอบ
นี่ถือเป็นการแลกเปลี่ยนเช่นกัน เทียนไขชีวิตนั้นมีไว้เพื่อพัฒนารูปแบบของคำสาปทั้ง 3 นั่นเอง !
หลังจากการแลกเปลี่ยนได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ซูเฉินที่ได้รับแหวนต้นกำเนิดมาก็เริ่มตรวจสอบของข้างใน และแม้แต่เขาก็ยังต้องตกตะลึง “ข้างในนี้มีเทียนไขชีวิตอยู่มากมายขนาดนี้เลยหรือ ?”
“161 เล่ม !” ฉู่หยวนพูดอธิบายพร้อมขบฟันแน่น “แต่ละเล่มมีมูลค่าเทียบเท่ากับหินพลังต้นกำเนิดหลายสิบล้านก้อน แค่เทียนนั่นเล่มเดียวก็เพียงพอที่จะต่อชีวิตของคนใกล้ตายได้อีกนานโข และเทียนเหล่านี้ยังสามารถมอบพลังให้กับคนที่อ่อนแอทำให้พวกเขาสามารถปลดปล่อยทักษะต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งออกมาได้ด้วย”
“ขอบใจเจ้ามากนะ” ซูเฉินหัวเราะเบา ๆ
เทียนไขชีวิตเหล่านี้มีพลังบางอย่างที่จะเป็นประโยชน์กับซูเฉินซ่อนอยู่ด้วย เพื่อเป็นการสังเวยให้กับไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิด
นอกจากเทียนไขชีวิตมากมายแล้ว แหวนต้นกำเนิดนั่นยังมีอุปกรณ์และวัสดุสำหรับฝึกฝนอีกจำนวนมาก ในฐานะองค์รัชทายาทแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่ในพริบตาเดียวพวกมันก็ตกอยู่ในกำมือของซูเฉินเสียแล้ว
ข้อตกลงเป็นไปได้สำเร็จลุล่วงแล้ว หมายความว่าบรรพชนทั้งสามแห่งตระกูลกู่ได้กลับมาแล้วในตอนนี้
“ชิงลั่ว นี่น่ะหรือชายที่เจ้าเลือกมาเป็นสามี เยี่ยมเลย เยี่ยมมาก !” กู่ซินหรงพูดเสียงต่ำผ่านทางจมูกของนาง
ไม่มีใครรู้ว่านางพูดเช่นนั้นเพื่อชื่นชมซูเฉินจริง ๆ หรือนางยังคงโกรธที่ซูเฉินใช้คำสาปมังกรเพื่อควบคุมนางกันแน่
“สวัสดี ท่านยายสี่ ท่านปู่เจ็ด และท่านปู่แปด” ซูเฉินกล่าวโดยไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือยโสโอหังมากเกินไป
กู่ฉิงหยางหัวเราะเบา ๆ “ดี ดีมากเลย เจ้านี่มีพรสวรรค์นะ ไม่แปลกเลยที่ชิงลั่วคนนี้จะหลงรักเจ้า นางมีสายตาที่เฉียบคมทีเดียว”
จู่ ๆ กู่ฉิงหยางก็กล่าวชมซูเฉินออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ที่จริงแล้วนี่ยังไม่ใช่การหักมุมที่แปลกนักหรอก
ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสกำลังเจรจากันอยู่นั้น ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นบางอย่าง หากซูเฉินสามารถค้นพบความลับแห่งคำสาปทั้ง 3 และวิธีการใช้งานมันได้อย่างรวดเร็วแล้วละก็ สักวันหนึ่งเขาอาจเจอวิธีลบล้างคำสาปทั้ง 3 ด้วยก็เป็นได้
ทั้งฉู่หยวนและกู่ซินหรง รวมถึงคนอื่น ๆ ต่างก็คาดเดากันไปต่าง ๆ นานา
ซูเฉินได้กล่าวเรื่องนี้ไว้แล้วตอนที่เขาพูดว่า “หรือว่า…” ที่เปี่ยมไปด้วยความคลุมเครือเมื่อก่อนหน้านี้
ถึงอย่างนั้น ซูเฉินก็ยังไม่เคยพูดออกมาอย่างชัดเจน
เพราะหากเขาพูดเช่นนั้นไป มันจะต้องนำไปสู่ประเด็นถกเถียงกันแน่นอน ซูเฉินไม่ต้องการทำแบบนั้นเพราะเขายังต้องการอำนาจในการควบคุมอยู่ ไม่ว่าเขาจะสืบหาข้อมูลเรื่องนี้ในอนาคตหรือไม่ก็ตาม
ทางด้านฉู่หยวนเองก็ไม่ได้ถามออกไปตรง ๆ เช่นกัน สำหรับเขาแล้ว ในสถานการณ์ที่ใครบางคนสามารถปลุกคำสาปทั้ง 3 และลบล้างพวกมันได้นั้นไม่ได้ต่างกันมากนัก เขาจึงไม่ต้องการจะพูดถึงมันเพื่อไม่ให้ซูเฉินเอาเรื่องนี้มาข่มขู่เขาอีก อย่างไรก็ตามซูเฉินก็เป็นคนฉลาดเฉลียวนัก ชายหนุ่มคงจะนึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน หากสมดุลถูกรบกวนเข้า ตระกูลฉู่ก็คงจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายดายถึงเพียงนี้
โชคดีที่ทั้งสองฝั่งนั้นต่างเห็นตรงกันที่จะคงสมดุลที่เปราะบางนี้ไว้เสมอ
แต่บรรพชนทั้งสามแห่งตระกูลกู่ดูจะไม่คิดเช่นนั้น
สำหรับพวกเขา ทั้งสองมีความแตกต่างที่ชัดเจน อย่างไรแล้ว ฝ่ายหนึ่งก็คิดว่าพวกตนเองเป็นนายผู้ปกครอง ส่วนอีกฝ่ายคิดว่าไม่มีใครเป็นนายของตนทั้งสิ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากที่อาการตกใจและความโกรธเริ่มจางลงแล้ว ทุกคนจึงรู้ว่าปราชญ์ผู้ชาญโลกท่านนี้มีพลังที่มหาศาลนัก ไม่แน่ว่าโอกาสที่ตระกูลกู่ตามหามาชั่วกัปชั่วกัลป์จะอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ดังนั้นความคิดของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปในทันที
แม้ว่ากู่ซินหรงจะเป็นคนอารมณ์ร้อน พูดจาห้วนและพยายามรักษาภาพลักษณ์ของนางอย่างจริงจัง แต่กู่ฉิงซ่งและกู่ฉิงหยางนั้นต่างก็แทบจะพันแขนรอบตัวซูเฉินแล้วเรียกเขาว่าพี่ชายแล้วด้วยซ้ำ
ยังไงเสียพวกเขาก็อยู่ในด่านมหาราชันย์… ทว่าด้วยคำสาปทั้ง 3 พวกเขาจึงจำต้องอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่นและปฏิบัติตามใจคนอื่น ๆ อยู่เสมอ
ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไร คนพวกนั้นก็คงยอมให้มีสถานะที่สูงขึ้นเพื่อความสะดวกสบาย แต่หากพวกเขาต้องการที่จะเรียกใช้งาน ก็จะถูกขู่ด้วยไม้เท้ามังกรและหยกฝันบรรพกาลในกรณีที่ไม่เชื่อฟังและปฏิบัติตาม
ดังนั้นแล้วหากใครสักคนที่มีพรสวรรค์พอจะปลดปล่อยพวกเขาจากคำสาปทั้ง 3 ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับความหวังของทุกคน แล้วบรรพชนทั้งสองจะไม่ต้อนรับเขาด้วยความเคารพสูงสุดและประจบประแจงเขาสักหน่อยได้อย่างไรกัน ?!
พวกเขาต้องการจะให้ท้ายซูเฉินมากกว่าแค่กล่าวชื่นชมเพียงไม่กี่ประโยค ถึงแม้ชายหนุ่มจะขอให้คนเหล่านั้นขุดหลุมฝังตัวเอง พวกเขาก็คงจะทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย
โชคไม่ดีนักที่ฉู่หยวน ชายแก่หน้าหนาหน้าทนผู้นี้ ไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้นแม้ว่าเขาไม่อยากที่จะถกเถียงเรื่องนี้ก็ตาม ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่ตระกูลกู่จะสามารถเจรจาต่อรองกับซูเฉินพร้อมกับหลบเลี่ยงจากฉู่หยวนในเวลาเดียวกัน
ส่วนฝ่ายซูเฉินเองก็เช่นกัน
เขาต้องการพลังในการลบล้างคำสาปทั้ง 3 เพื่อกู่ชิงลั่ว ไม่ใช่เพื่อปลดปล่อยตระกูลกู่ทั้งหมด
ชายหนุ่มในตอนนี้ไม่ใช่เด็กน้อยผู้เมินเฉยอีกแล้วและเข้าใจสมดุลของโลกใบนี้อย่างชัดเจน ตระกูลกู่นั้นมีสถานะที่สูงส่งยิ่งนักภายในอาณาจักรทั้งเจ็ด ด้วยหากไม่มีเทียนไขชีวิตที่มีค่ามหาศาลเหล่านั้น กับทหารยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์ ทั้งเจ็ดอาณาจักรอาจไม่สามารถต้านทานศัตรูที่แข็งแกร่งที่รอคอยพวกเขาอยู่ตามขอบชายแดนมาได้นานขนาดนี้
หากตระกูลกู่ได้รับอิสรภาพก่อนที่มวลมนุษยชาติจะมีกำลังมากพอที่จะป้องกันชายแดนของพวกเขาได้ละก็ มันจะต้องกลายเป็นหายนะอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วซูเฉินจึงไม่ต้องการมันให้เกิดขึ้นแน่ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น หากวันหนึ่งเทคนิคการฝึกโดยไร้สายเลือดแข็งแกร่งมากพอที่จะแทนที่การฝึกแบบมีสายเลือดได้ และสถานะของตระกูลกู่นั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรแล้ว ซูเฉินก็อาจจะปล่อยตระกูลกู่ให้เป็นอิสระได้
แต่สำหรับตอนนี้นั้น เลิกคิดเรื่องนี้ไปก่อนเสียจะดีกว่า
โชคยังดีที่การปรากฏตัวของฉู่หยวนทำให้เขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย และซูเฉินก็ยังไม่ต้องเล่นบทผู้ร้ายอีกด้วย จึงทำให้เขาพอจะหว่านล้อมผู้อาวุโสทั้งสามคนได้ทั้งที่ไม่จริงใจนัก
หลังจากตกลงกันเสร็จสรรพ ทั้งสามฝ่ายก็ถือว่าเป็น ‘เพื่อน’ กัน ส่วนเรื่องยิบย่อยอื่น ๆ ต่างก็ล้วนถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หยวนไม่ได้พยายามหรือดึงดันให้ซูเฉินเข้าใจเรื่องนี้เดี๋ยวนี้ กลับกัน เขาเชิญชวนซูเฉินให้ไปยังพระราชวังแทน
เขาจำเป็นต้องแสดงออกมาถึงความจริงใจ
บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยแค่การข่มขู่หรือแรงจูงใจ การสร้างสัมพันธไมตรีในจังหวะที่เหมาะสมบางครั้งอาจคุ้มค่ายิ่งกว่าเสียอีก
วันนั้น พระราชวังฉู่จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่สำหรับซูเฉินโดยเฉพาะ
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดถึงคำสาปทั้ง 3 อย่างเปิดเผย จุดประสงค์หลักของงานนี้ถูกป่าวประกาศออกไปว่า งานเลี้ยงนี้คือการต้อนรับเจ้านิกายจากนิกายไร้ขอบเขต ซูเฉิน
การที่ผู้เป็นจักรพรรดิจัดงานเลี้ยงเพื่อความบันเทิงของหัวหน้าสำนักหรือองค์กรบางอย่างนั้นถือว่าเป็นข้อยกเว้นให้ทำได้ แม้ว่ามันจะดูฟุ่มเฟือยกว่าปกติ แต่คนส่วนมากไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
จักรพรรดิฉู่นั้นเป็นคนที่ชอบการต้อนรับขับสู้แขกยิ่งนัก และฝ่ายองค์รัชทายาทก็ปฏิบัติตัวสมบทบาทของเขาเป็นอย่างดี
แม้กระทั่งกู่ชิงลั่วก็ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และเพราะซูเฉินนั่นเอง ที่ทำให้นางกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ไม่สามารถละลาบละล้วงในภูผาสูญได้
“เมื่อวานนี้พวกเรายังถูกไล่ราวกับสุนัขจรจัด แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ภายในพริบตาเดียวพวกเราก็กลายเป็นแขกของจักรพรรดิฉู่เสียแล้ว” กู่ชิงลั่วถอนหายใจ
“เจ้าเป็นคนแรกเลยนะที่อธิบายสภาพของตัวเองว่าเหมือนกับสุนัขจรจัด” ซูเฉินหัวเราะเล็กน้อย “..จะว่าไป แล้วกู่เฟยหงเล่า ? เป็นอย่างไรบ้าง”
“เขาถูกส่งตัวไปยังคุกของตระกูลกู่ในทันที ตอนนี้เขาไม่มีพลังอำนาจอะไรอีกแล้ว” กู่ชิงลั่วตอบคำถามขณะดึงแหวนต้นกำเนิดอีกวงออกมา “เอ้า นี่เป็นของขวัญที่เหล่าบรรพชนต้องการให้ข้านำมามอบให้เจ้า”
“ขอบใจเจ้ามากนะ” ซูเฉินพูดพร้อมรับแหวนวงนั้นมา
“พี่ซู !” ฉู่เจียงอวี๋พูดด้วยท่าทางดูรำคาญ
ซูเฉินหัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องห่วงหรอก ข้ารู้ดีว่าข้าทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้”
เขาตรวจสอบดูแหวนต้นกำเนิดที่พึ่งจะได้มาอย่างว่องไว
แน่นอนว่า นอกจากหินพลังต้นกำเนิดจำนวนมาก วัตถุดิบมีค่า และเครื่องมือต้นกำเนิดระดับสูง สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดในแหวนวงนั้นคือขวดบรรจุเลือดจำนวน 3 ขวด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขวดเล็ก ๆ เหล่านี้มีเลือดของบรรพชนตระกูลกู่ทั้ง 3 คนอยู่นั่นเอง
ตัวทดลองที่บริสุทธิ์ที่สุดของสายเลือดมังกรสุริยะ
ไม่จำเป็นต้องมีการสื่อสารหรือแลกเปลี่ยนสิ่งใดทั้งนั้นเพราะตระกูลฉู่ก็อยู่ที่นั่นด้วย ทุกสิ่งอย่างถูกจัดการเรียบร้อยโดยไม่ต้องมีคำพูดแม้แต่คำเดียว
ตระกูลกู่ได้ส่งทรัพยากรมากมายและตัวอย่างของสายเลือดอันทรงคุณค่ามาให้โดยไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากเพื่อให้ซูเฉินตรวจสอบพวกมันอย่างถี่ถ้วน
โดยไร้ซึ่งการขออนุญาต ข้อตกลง หรือสัญญา ทุกอย่างเป็นไปตามที่ซูเฉินต้องการ
ตระกูลกู่เพียงแค่คาดหวังว่าต้นกล้าที่พวกเขาลงทุนลงแรงไปนั้นจะเจริญเติบโตและเบ่งบานในสักวันหนึ่ง
แม้ว่าจะมีโอกาสเพียงหนึ่งในล้านก็ตามที !
แม้โอกาสที่จะทำสำเร็จจะมีเพียงน้อยนิด แต่มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง
นั่นคือเหตุผลของตระกูลกู่
ฉู่เจียงอวี๋เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะห้ามมันได้อย่างไร
เขาจึงพูดได้เพียงแค่ว่า “ข้าเชื่อในการตัดสินใจของพี่ซู”
ซูเฉินหัวเราะในลำคอและดื่มเครื่องดื่มของเขาจนหมด
ทุกอย่างจบลงโดยไม่มีใครพูดสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย