ตอนที่ 412 นางมิใช่เผ่ามนุษย์ทั่วๆไป

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

โลหิตของตู๋กูซิงหลันไหลผ่านคมดาบเข้าสู่ใจกลางของตัวดาบกระดูกมังกร

 

 

พอได้รับโลหิตของนาง ดาบเล่มนี้ก็เหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา พลังของโลหิตปลุกจิตของดาบกระดูกมังกรให้เปล่งประกายดาบออกไป

 

 

เพียงพริบตาเดียวประกายดาบนั้นก็ทะลวงผ่านร่างของลู่กว่างออกไป จิตดาบทะลุลงไปถึงพื้นดิน

 

 

เกิดเป็นฝุ่นธุลีระเบิดขึ้นไปถึงท้องฟ้า

 

 

“โฮ่ว~” ลู่กว่างส่งเสียงโหยหวนดังกึกก้อง ปากมังกรกระอักเลือดออกมาคำโต

 

 

เขาปิดร่างเป็นเกลียว คิดจะดิ้นรน

 

 

ลู่เวยที่ถูกลูกดอกซัดเข้าใส่ก็ตื่นตะลึงแล้ว หลายปีมานี้มิว่าทำอย่างไรนางก็ไม่อาจปลุกจิตของดาบกระดูกมังกรขึ้นมาได้…..แต่เผ่ามนุษย์ผู้นี้ใช้เพียงแค่โลหิตไม่กี่หยดก็สามารถปลุกมันได้แล้ว?

 

 

ศัสตราวุธประเภทดาบและกระบี่นี้ ถือเอาจิตดาบและจิตกระบี่เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ขอเพียงปลุกจิตของดาบขึ้นมาได้ เช่นนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ

 

 

เพียงแต่ว่าเดิมดาบกระดูกมังกรเองก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ต่อให้ไม่อาจปลุกจิตของดาบ ก็เพียงพอจะให้นางกำราบเผ่ามังกรทั้งหมดเอาไว้ในมือ

 

 

เดิมทีนางคิดว่า ชั่วชีวิตนี้คงจะไม่อาจปลุกจิตของดาบได้แล้ว

 

 

แต่ว่าตอนนี้…….

 

 

ลู่เวยอ้าปากที่มีแต่เลือดขึ้นมา นางไม่กล้าจะเชื่อสายตาของตนเอง

 

 

หลิ่วฮุ่ยเองก็ตาค้างไปแล้ว พอเงยหน้ามองไปก็เห็นว่าตู๋กูซิงหลันมิได้เปิดโอกาสให้กับลู่กว่างได้ดิ้นรนเลยแม้แต่น้อย

 

 

สีหน้าของนางเย็นยะเยือก สองมือกุมดาบเอาไว้ กรีดยาวลงไปตามปากแผลของลู่กว่างอีกครั้ง จิตดาบวาดคมออกมาตัดเหล็กเสมือนเฉือนโคลน!

 

 

คราวนี้ต่อให้ลู่กว่างมีเกล็ดเป็นแผ่นเหล็กกล้าก็ยังกั้นไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว

 

 

แผลนี้พอลากยาวลงไป ก็ลึกถึงครึ่งเมตร กรีดจนเนื้อหนังชั้นนอกของมังกรอย่างลู่กว่างปลิ้นออกมา

 

 

จนสามารถมองเห็กระดูกที่อยู่ในกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจน กระดูกแต่ละท่อนเรียงต่อกันไปกับเนื้อและเส้นเอ็น

 

 

เลือดมังกรไหลทะลักออกมาจากแผล เจิ่งนองไปทั่วทั้งแผ่นพื้นกระจก ทั่วทั้งตำหนักหลังใหญ่มีแต่กลิ่นคาวคละคลุ้งของเลือดเต็มไปหมด

 

 

เขาส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน แต่ภรรยาและลูกของเขากลับเอาแต่มองดูอยู่อย่างนั้น

 

 

หลิ่วฮุ่ยถึงกับเกิดความคิดจะหลบหนีขึ้นมาแล้ว

 

 

เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้…..ชัดเจนเลยว่าพวกนางไม่อาจต่อกรได้อีกต่อไป

 

 

นางติดตามลู่กว่างมานานหลายปี ที่ทุ่มกำลังไปก็มากเกินพอแล้ว…..

 

 

ทั้งที่นางยังอ่อนเยาว์ก็ยอมเป็นอนุลับๆของเขา ยอมถูกสายตาดูหมิ่นเหยียดหยามมานานหลายปี ทั้งยังคลอดบุตรสาวที่โดดเด่นเก่งกล้าให้กับเขาขนาดนี้ เขาสมควรต้องซาบซึ้งใจต่อนางแล้ว

 

 

นางอยากจะหลบหนี แต่ว่าก็ไม่มีโอกาส

 

 

บนหลังมังกร ตู๋กูซิงหลันใช้ดาบเดียวกรีดลงไปจากกระดูกสันหลังข้อแรกไปจนถึงกระดูกปลายหางมังกร

 

 

ลู่กว่างเจ็บปวดสุดทนทาน เขาเกลือกกลิ้งร่างกายอันใหญ่โตลงไปบนพื้น เจ็บจนหอบหายใจ

 

 

ตู๋กูซิงหลันชักดาบออกมาจากปลายหางมังกร มือของนางโชกชุ่มไปด้วยเลือดของลู่กว่าง ดวงตาดอกท้อเปี่ยมด้วยละอองเลือดที่สาดกระเซ็น

 

 

ขณะที่ฝูงชนกำลังจับจ้องมองอยู่นั้น นางก็ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง เสือกลงไประหว่างเนื้อหนังของลู่กว่าง จับปลายกระดูกท่อนสุดท้ายตรงหางมังกรเอาไว้

 

 

พอใช้กำลังกระชากขึ้นมา ก็เห็นเป็นกระดูกมังกรที่มีเนื้อติดถูกกระชากขึ้นมาจากร่างของลู่กว่างทีละนิ้วๆ

 

 

ฝีมือนั้น ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ คล่องแคล่วอย่างที่สุด!

 

 

นางเหมือนกับจอมมารที่สังหารมังกรมาแล้วนับร้อยนับพันตัว เพียงลงมือแค่ครั้งเดียวก็ถอดออกมาได้ทั้งเส้น!

 

 

นั่นคือกระดูกมังกร!

 

 

แต่กลับถูกนางดึงออกมาเหมือนกับขี้กุ้งบนแผ่นหลัง!

 

 

ถอดออกมาทั้งเส้น ไม่เหลือเศษเสี้ยวเอาไว้แม้แต่น้อยนิด!

 

 

ที่จริงแล้ว ……การจะถอดกระดูกมังกรออกจากร่างของเผ่ามังกรเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็น

 

 

ตอนนั้นลู่กว่างถอดกระดูกมังกรของชือหลี ……เขาต้องสิ้นเปลืองพลังไปอย่างมากมาย ใช้เวลาถึงสามวันเต็มๆถึงจะถอดออกมาได้

 

 

แต่ว่าตู๋กูซิงหลันเล่า? ลงมือเพียงครู่เดียว?!

 

 

ที่สุดแล้วนางมีพลังมากมายถึงเพียงไหนกันแน่? ผู้คนทั้งหลายต่างก็ไม่มีใครคาดเดาออก

 

 

ชือหลีเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ตู๋กูซิงหลัน ยังแข็งแกร่งกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มากมายนัก

 

 

ตามสถานการณ์แล้ว กระดูกมังกรมิว่าเอาไว้ทำเป็นอะไร ……มีแต่เผ่ามังกรเท่านั้นที่จะใช้งานได้

 

 

แต่ว่านางไม่เพียงสามารถใช้มันได้ ยังถึงกับ ‘ปลุกจิต’ ของมันขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ…..

 

 

แล้วนางจะเป็นเผ่ามนุษย์ธรรมดาไปได้อย่างไร?

 

 

……..

 

 

อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันโยนกระดูกมังกรท่อนนั้นทิ้งลงไปบนพื้น

 

 

ลู่กว่างที่ถูกถอดกระดูกมังกรออกไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดังตัวหนอนที่ตายไปแล้วตัวหนึ่ง

 

 

ผ่านไปอีกครึ่งวันร่างของเขาถึงได้กลับกลายเป็นร่างมนุษย์ได้

 

 

ร่างของเขาแดงเถือกไปทั่วตัว นอนคว่ำแผ่อยู่บนพื้น แม้แต่เศษผ้าจะปิดกายสักชิ้นก็ยังไม่มี

 

 

บริเวณตั้งแต่ต้นคอตรงกระดูกสันหลังไปจนถึงปลายกระดูกก้นกบ เป็นปากแผลยาวที่มีเลือดไหลอาบ เมื่อไม่มีกระดูกสันหลังแล้ว เขาก็ได้แต่นอนพังพาบอยู่บนพื้น แม้แต่จะพลิกตัวก็ยังทำไม่ได้

 

 

เป็นถึงราชามังกร แต่ว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสวะที่แม้แต่จะลุกขึ้นยืนก็ยังทำไม่ได้!

 

 

ชือหลีมองดูเขา……ตอนนั้นเมื่อนางและน้องสาวถูกถอดกระดูกมังกรไปแล้ว ก็ถูกขับไล่ออกไปจากทะเลตะวันตกในคืนนั้นเลย

 

 

ในคืนที่ฝนฟ้ากระหน่ำพายุลงมา นางเกือบจะตายอยู่ในลำรางระบายน้ำแล้ว

 

 

หลังจากนั้นตลอดเกือบร้อยปี นางก็ไม่เคยยืนขึ้นได้อีกเลย จนกระทั่งร่างเนื้องอกกระดูกใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

แต่ว่ามันก็ไม่ใช่กระดูกมังกรอีกแล้ว ……อย่างมากก็เป็นเพียงแค่กระดูกงูเท่านั้น

 

 

พอเห็นท่าทางของลู่กว่าง นางจึงมิได้รู้สึกสงสารเลยสักนิด…..หากเทียบกับสิ่งที่นางได้รับไปในตอนนั้นแล้ว ลู่กว่างในตอนนี้นับเป็นอะไรได้?

 

 

………………….

 

 

อีกด้านหนึ่ง ดาบในมือของตู๋กูซิงหลันอาบไปด้วยเลือด พอได้อาบเลือดของมังกรเข้าไปแล้ว ก็กลายเป็นยิ่งคมกริบและแข็งแกร่งขึ้นมากว่าเดิม

 

 

ยามที่ถือดาบเล่มนี้เอาไว้ในมือยังรู้สึกได้ถึงเสียงของหัวใจที่กำลังเต้นอยู่

 

 

พอนางตวัดมือครั้งหนึ่ง ดาบกระดูกมังกรในมือก็บินออกไป กลับไปอยู่ข้างกายชือหลีในทันที ซ้ำยัง ปักลึกลงไปบนพื้นข้างตัวนาง

 

 

ตู๋กูซิงหลันเอ่ยกับนางว่า “ใช้กระดูกของเจ้าเลาะกระดูกของเขาออกมา ในเมื่อใช้เสร็จแล้ว ก็ขอคืนให้กับเจ้า”

 

 

นี่คือกระดูกของชือหลี นางย่อมต้องคืนให้กับชือหลีอยู่แล้ว

 

 

เพียงแต่ว่านางเองก็ออกจะประหลาดใจอยู่เหมือนกัน โลหิตเพียงแค่สองหยดของตนเองก็สามารถจะ ‘ปลุกจิต’ ของดาบกระดูกมังกรขึ้นมาได้แล้วหรือ……..

 

 

พอคิดไปถึงว่าตอนนั้นหลังมือของพี่รองอยู่ๆก็มีเกล็ดปรากฏขึ้นมา ในใจของตู๋กูซิงหลันก็เกิดความคาดเดาบางประการ

 

 

ตัวดาบกำลังสั่นน้อยๆ ส่งเสียงเวิงๆออกมาเบาๆ

 

 

มือของชือหลีสั่นสะท้าน นางลังเลอยู่เป็นนานถึงได้ดึงมันขึ้นมา

 

 

ทันทีที่มือสัมผัสลงไป ก็รู้สึกได้ถึงกระแสอุ่นร้อนสายหนึ่งกำลังพุ่งเข้าไปในร่างกาย

 

 

นั่นคือ…….สิ่งที่สมควรเป็นของนางแต่แรก ได้กลับคืนมาแล้ว

 

 

ลู่เวยเห็นแล้วก็ร้อนรนขึ้นมา นางไม่สนใจรอยบาดแผลที่อยู่บนร่างอีกต่อไป “ชือหลี เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ? คิดจะดูดกลืนดาบกระดูกมังกรของข้าหรือยังไง? เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่สวะที่ไร้ค่า เจ้ามันไม่คู่ควร!”

 

 

“เดิมทีมันก็เป็นกระดูกของข้าอยู่แล้ว หากข้าไม่คู่ควร แล้วเจ้าคู่ควรหรืออย่างไร?” ชือหลีส่งสายตาเย็นชาไปให้นาง

 

 

“มารดาที่ร้ายกาจของเจ้าทำผิดอย่างร้ายแรง ถึงได้ทำให้เจ้าต้องถูกถอดกระดูก นับตั้งแต่ที่มันถูกถอดออกมาก็ไม่ใช่ของเจ้าอีกแล้ว!” ลู่เวยยังคงหาเรื่องมาแย้ง ดาบกระดูกมังกรเป็นสิ่งที่มีจิตใจ มันพึ่งจะถูกปลุกขึ้นมา กำลังจะยอมรับเจ้านาย

 

 

หากว่ามันยอมรับชือหลีเป็นนาย วันข้างหน้าคิดจะแย่งชิงกับมาก็เป็นเรื่องยากแล้ว

 

 

น้ำเสียงของนางแหลมสูง ไม่เหมือนกับยามปกติที่ไพเราะราวไข่มุกบนจานหยกอีกแล้ว

 

 

ใบหน้าของนางก็บูดเบี้ยวอย่างที่สุด

 

 

ดาบกระดูกมังกรคือชีวิตของนาง! เรื่องอะไรจะยอมเสียไป?

 

 

“ข้าคือองค์หญิงทะเลตะวันตก เกิดมาก็เป็นมังกรทองแต่แรกแล้ว มีแต่ติดตามการนำพาของข้า ทะเลตะวันตกจึงจะสามารถลุกขึ้นมาผงาดใหม่ได้อีกครั้ง!” ลู่เว่ยตะโกนร้องต่อไป “เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่เศษสวะ ต่อให้ได้ดาบกระดูกมังกรไปก็สูญเปล่า! อย่าว่าแต่มันเป็นของข้ามาแต่แรกแล้ว! เจ้าเป็นชาวมังกรตะวันตกผู้หนึ่ง แต่ไม่เคยทำคุณประโยชน์อันใดให้กับทะเลตะวันตก แล้วยังจะชักนำจิ้งจอกเข้าบ้านมาเลาะกระดูกเสด็จพ่อ วันนี้สิ่งของของข้าก็ยังแย่งชิง! เจ้าไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่าใส่บ้างหรือไง?”

 

 

เนื่องเพราะตู๋กูซิงหลันมัวแต่กำลังขบคิดถึงปัญหา ถึงได้กลายเป็นโอกาสให้นางพล่ามวาจาไร้สาระออกมา

 

 

ลู่กว่างแม้จะลุกขึ้นมาไม่ได้ แต่ว่าสติยังคงครบถ้วนอยู่

 

 

เขากัดฟัน ฝืนความเจ็บปวด พูดออกไปว่า “ชือหลี หากเจ้าคืนมันให้กับเวยเอ๋อร์ แล้วข้าจะยังถือว่าเดรัจฉานอย่างเจ้าเป็นบุตรีอยู่!”

 

 

 

 

 

 

…………………………………….

 

 

ไรท์ : มีความสะใจ เอากระดูกลู่กว่างไปทำอะไรดี? เล้งต้มแซ่บดีไหม? ไหนๆ เล้งก็แปลว่า มังกรอยู่แล้ว ไรท์มีพริกมีตะไคร้ปลูกติดบ้านอยู่พอดี

 

 

ตอนต่อไป “เจ้าสาวอยู่ที่ไหน?”