ตอนที่ 1844 เขาเป็นลูกศิษย์ของผม

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1844 เขาเป็นลูกศิษย์ของผม

อาการบาดเจ็บของอำมาตย์เฉินหย่งนั้นหนักหนาสาหัสมาก ไม่เพียงแต่รากฐานของร่างกายของเขาจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง แม้แต่จิตวิญญาณก็เริ่มเสื่อมสลายด้วยเพราะผลจากอาการบอบช้ำเกินพิกัดที่ต้องแบกรับไว้

เมื่ออำมาตย์เฉินหย่งตัดสินใจเล่นงานสองอำมาตย์เพื่อล้างแค้น เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อหลังจากจัดการกับสองอำมาตย์นั้น ใครจะไปรู้ว่านายน้อยของเขาจะมอบโอกาสล้ำค่าให้ถึงขนาดนี้

ถ้าก่อนหน้านี้เขายอมรับจางเซวียนเพราะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ในตอนนี้เขาก็ยอมจำนนให้จางเซวียนด้วยหัวใจ

ถึงนายน้อยของเขาจะเชื่อถือไม่ค่อยได้ในบางครั้ง และมักทำอะไรขัดแย้งกับกฎระเบียบและธรรมเนียมเสมอ แต่ก็เป็นบุคคลที่ยืนหยัดในหลักการ ไม่ว่าเรื่องราวต่างๆจะยากเย็นสักแค่ไหน ตราบใดที่เขาไม่ถอดใจ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป

บางที นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่แท้จริงของเขา และอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบรรดาศิษย์สายตรงและอสูรอีกมากมายถึงเต็มใจมอบชีวิตให้

“ท่านอาจารย์…” หลิวหยางกำหมัดแน่น

ถ้าเขาอยู่ในฐานะของจางเซวียน คงไม่มีวันละทิ้งโอกาสที่ได้จากเทพเจ้าเพื่อไปช่วยชีวิตคนอื่นอย่างง่ายๆแบบนั้น ดูเหมือนตัวเขากับท่านอาจารย์จะยังห่างชั้นกันมาก

“เป็นเกียรตินักที่มีนายท่านแบบนี้!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

สิ่งที่น่าสะพรึงที่สุดสำหรับอสูรที่ยอมจำนนก็คือการฝากชีวิตไว้ในมือของผู้ที่ไม่ใส่ใจทุกข์สุขของใครๆ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายท่านของเขาได้แสดงให้เห็นถึงความช่างคิดและเอาใจใส่ผู้อื่น ทั้งยังไม่เคยบังคับให้เขาทำอะไรที่ขัดแย้งกับความต้องการของเขาด้วย เขาพร้อมยอมสละชีวิตเพื่อนายท่าน!

ความคิดแบบเดียวกันผุดขึ้นในหัวใจของนักปราชญ์โบราณโม่หลิง ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างเกิดความคิดของตัวเอง อารมณ์สลับซับซ้อนเต้นระริกอยู่ในดวงตาของพวกเขา

“นายน้อย ไม่จำเป็นต้องช่วยชีวิตผมหรอก อย่าสละโอกาสล้ำค่าของคุณเพื่อผม…” อำมาตย์เฉินหย่งพยายามส่ายหน้า

เขารู้ดีว่าความปรารถนาของนักรบนั้นล้ำค่าแค่ไหน เพียงแค่จางเซวียนเอ่ยปากขอพละกำลัง ก็อาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติได้ทันที มันเป็นความสูญเปล่าที่ใช้โอกาสล้ำค่าครั้งนี้กับคนที่ใกล้ตายอย่างเขา

“ผมตัดสินใจเองได้ว่าอะไรที่คู่ควรหรือไม่!” จางเซวียนพูดก่อนจะหันกลับไปมองร่างสูงตระหง่านที่อยู่กลางอากาศ “ว่าอย่างไรล่ะ? ในเมื่อเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณร้องขอให้คุณช่วยผม ก็แปลว่าคุณคงไม่ปฏิเสธคำขอของผมแน่ ใช่ไหม?”

“เขา…” ร่างนั้นลดสายตาลงมองอำมาตย์เฉินหย่งอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้ว “คุณแน่ใจหรือว่านี่คือคำร้องขอของคุณ?”

“ผมแน่ใจ” จางเซวียนพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้น…”

ร่างนั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “พลังชีวิตของเขาเหือดแห้งไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ในโลกที่พลังงานแร้นแค้นแบบนี้ ทางเลือกเดียวของเขาคือฉันต้องพาเขาไปยังโลกบาดาล แต่ฉันก็จะต้องเผชิญกับแรงตีกลับจากกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้หากฉันพยายามฝ่าปราการแห่งมิติและพาใครสักคนข้ามไป…ฉันจะพาจิตวิญญาณของเขาไปและพยายามเยียวยามัน แต่ส่วนกายเนื้อของเขานั้น ฉันช่วยอะไรไม่ได้!”

“เท่านั้นผมก็พอใจแล้ว” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

ในฐานะผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ เขารู้ดีว่ารากฐานของชีวิตอยู่ที่จิตวิญญาณ ตราบใดที่จิตวิญญาณยังอยู่ การจะสร้างร่างที่เหมาะสมขึ้นใหม่ก็ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”

ร่างนั้นลดมือลงและกำมันเบาๆ

พริบตาต่อมา ศีรษะของอำมาตย์เฉินหย่งก็เอียงพับไปด้านหนึ่งขณะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย แต่จิตวิญญาณของเขายังคงอยู่ในกำมือของร่างนั้นก่อนจะถูกห่อหุ้มไว้อย่างรวดเร็วด้วยกระแสพลังงานบางอย่าง

ฟึ่บ!

หลังจากเสร็จสิ้น ร่างนั้นก็กลับสู่รอยแยกของมิติขณะที่ค่อยๆเลือนหายไป เทพเจ้ากำลังจะฝ่าปราการแห่งมิติและกลับสู่โลกของเธอ

แต่แล้วเธอก็หยุดอย่างปุบปับและพูดว่า “ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณถึงมีความผูกพันกับคุณอย่างล้ำลึก แต่การเดินทางของคุณเพื่อแสวงหาเจตจำนงของเธอนั้นจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย ฉันหวังว่าคุณจะต้านทานไหว ไม่ว่าจะต้องลำบากลำบนสักแค่ไหนก็ตาม…”

หลังจากพูดจบ ร่างนั้นก็หายไป หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับจิตวิญญาณของอำมาตย์เฉินหย่ง

“ผมจะ…” เห็นลำแสงที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในพื้นที่นั้น จางเซวียนกำหมัดแน่น

ฟึ่บ!

ลำแสงลำสุดท้ายกระจายตัวออกไป บ่งบอกถึงการเสร็จสิ้นพิธีกรรม

จางเซวียนยืนนิ่ง เงียบงันด้วยความรู้สึกหม่นหมอง

แม้เขาจะไม่ได้ข่าวคราวของหลัวลั่วชิง แต่ก็เข้าใจแล้วว่าการเดินทางที่เขาต้องเดินไปกับเธอนั้นมีความยากลำบากรออยู่มากมาย…และบททดสอบแรกของเขาก็คือการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติให้ได้!

ด้วยการสำเร็จวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติเท่านั้นที่จะทำให้เขามีโอกาสก้าวสู่มิติเบื้องบนเพื่อตามหาคนรักของเขา

“นายท่าน!”

“ท่านประธาน!”

นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงกับนักปราชญ์โบราณโม่หลิงรีบเข้ามาส่งเสียงเรียก

จางเซวียนหันกลับไปมองทั้งคู่

“สามอำมาตย์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นถูกกำจัดหมดสิ้นแล้ว ทำให้ตอนนี้พวกเขาปราศจากผู้นำ แม้หยางหลิวจะเป็นผู้สืบทอดของอำมาตย์เฉินหย่ง แต่ในแง่ของประสบการณ์และวรยุทธ เขายังคงอ่อนด้อยอยู่ ทำไมเราถึงไม่…” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงเสนอแนะ เจตนาสังหารฉายวาบในดวงตาของเขา

หลายชั่วคนมาแล้วที่สมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณต้องพำนักอยู่ในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจ ต้องทนทุกข์กับความยากลำบากและการดูถูกเหยียดหยามที่ว่าพวกเขาอาจถูกกวาดล้างจนราบคาบสักวันหนึ่ง ตอนนี้โอกาสมาถึงมือแล้ว ด้วยความสามารถของท่านประธาน เขาน่าจะเล่นงานหยางหลิวและเข้าสวมตำแหน่งของอีกฝ่ายได้!

ได้ยินคำพูดของทั้งคู่ จางเซวียนส่ายหน้าและหัวเราะหึๆก่อนจะส่งเสียงเรียก “หลิวหยาง!”

หลิวหยางรีบเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าจางเซวียน “ศิษย์สายตรงหลิวหยางคารวะท่านอาจารย์จาง!”

“ศิษย์สายตรง? ท่านอาจารย์จาง?”

นักปราชญ์โบราณทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงงัน ต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จางเซวียนรับอำมาตย์เฉินหย่งคนใหม่เป็นศิษย์สายตรงตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ผมคือศิษย์สายตรงของอาจารย์จาง ผมอยู่ภายใต้การชี้แนะของเขามาหนึ่งปีแล้ว…” หลิวหยางอธิบายยิ้มๆขณะขับเคลื่อนเทคนิควรยุทธเพื่อกลับคืนสู่ภาวะปกติ

ไม่ช้า เจตนาสังหารในตัวเขาก็หายไป ความสูงของเขาลดลง หลิวหยางกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม

“คะ-คุณ…คุณเป็นมนุษย์หรือ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตาโตอย่างแทบไม่อยากเชื่อ

“ใช่แล้ว” หลิวหยางพยักหน้า

ตอนนี้ไม่มีคนนอก เขาจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังความจริง

นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกับนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงงุนงงอย่างหนักกับเหตุการณ์ที่พลิกผัน

อำมาตย์เฉินหย่งเป็นคนขี้ระแวงและไม่เคยปล่อยให้มีสายลับอยู่ข้างกาย เชื้อสายของตระกูลผู้พยากรณ์จิตวิญญาณสามารถแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลของอีกสองอำมาตย์มาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยมีใครได้เข้าใกล้อำมาตย์เฉินหย่ง ใครจะไปรู้ว่าผู้สืบทอดที่อำมาตย์เฉินหย่งเพิ่งพบไม่นานจะเป็นศิษย์สายตรงของจางเซวียน?

นั่นจะไม่หมายความว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นตกอยู่ใต้การควบคุมของเขาแล้วหรือ?

“ใช่ ผมเชื่อว่าพวกคุณคงไม่มีข้อคัดค้านนะ หลิวหยางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอำมาตย์เฉินหย่งคนใหม่ ดังนั้นก็ย่อมมีหลายเสียงต่อต้าน ผมจึงอยากให้คุณทั้งสองช่วยสนับสนุนเขาในเวลานี้ กำจัดเสียงฝ่ายตรงข้ามหลิวหยางให้ได้ภายใน 1 เดือนและรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจให้เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ เขาจะเป็นผู้นำเพียงคนเดียวของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!” จางเซวียนสั่งการอย่างหนักแน่น

ถึงอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงจะถูกสังหารไปแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังมีบริวารอยู่ใต้บังคับบัญชาอีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาขุนน้ำขุนนางของเผ่าพันธุ์ปีศาจก็มีอำนาจไม่น้อย ในเมื่อหลิวหยางเพิ่งได้รับมรดกตกทอดของอำมาตย์เฉินหย่งและยังตั้งตัวไม่ติด เขาก็ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดทั้งสองเพื่อสั่งสมเกียรติยศและชื่อเสียง

ด้วยความช่วยเหลือของทั้งคู่ จะไม่มีใครในเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สามารถยืนหยัดต้านทานหลิวหยางได้ ไม่ช้าหลิวหยางก็จะกลายเป็นอำมาตย์เพียงคนเดียวและหนึ่งเดียวของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!

“วางใจเถอะ พวกเราจะสนับสนุนนายน้อยหลิวหยางอย่างเต็มที่ในการรวบรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจให้เป็นหนึ่งเดียว” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกับนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงพยักหน้ารับ

“เอาล่ะ ไปได้แล้ว ผมอยากปลีกวิเวกสักครู่ มาพบผมหลังจากที่พวกคุณควบคุมสถานการณ์ได้และรวบรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจให้เป็นหนึ่งเดียวแล้วก็แล้วกัน!” จางเซวียนพูดพร้อมกับโบกมือ

ทุกคนพยักหน้ารับ

การรวบรวมกลุ่มก๊วนต่างๆของทั้งสามอำมาตย์ไม่ใช่งานง่าย แต่ในเมื่อพวกเขาสังหารเทพเจ้าได้สำเร็จ อีกทั้งยังมีเจตจำนงของอำมาตย์เฉินหย่งที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ถือว่าพวกเขามีความชอบธรรม คงไม่ยากเกินไปที่หลิวหยางจะได้การยอมรับจากมหาชน

จางเซวียนเฝ้ามองฝูงชนจากไป เขาทรุดตัวลงนั่งเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าสู่รังนางพญามด

เมื่อในที่สุดเขาก็พอมีเวลาเป็นของตัวเอง ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้พยายามขัดเกลาศพของเทพเจ้าให้กลายเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณ

พร้อมกับนั้น เขาจะได้นำท่อนขาและเท้าของไอ้โหดที่เพิ่งได้จากอำมาตย์เฉินชิงมาให้ไอ้โหดทำการซึมซับด้วย บางทีการฟื้นคืนชีพของไอ้โหดอาจทำให้เขามีหนทางฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติได้สำเร็จ