มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 674
หลัวซิวไม่รู้เลยว่าที่กลางอากาศนั้นได้มีคนเกิดความสนใจในตนเองขึ้นมาเป็นอย่างมาก ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย เขาก็ได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปยังค่ายกลเรืองแสง

วินาทีที่เดินเข้าสู่ค่ายกล หลัวซิวพลันรู้สึกดั่งกระสวยที่วกไปวนมาในอากาศ กระแสพลังที่เต็มไปด้วยความกดดันได้ทับถมเข้ามา เขาได้ปรากฏตัวขึ้นในปริภูมิที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง

ที่ด้านหน้าของเขา คือถนนที่ปูไปด้วยหินสีเงิน สองข้างทาง ตั้งไปด้วยเสาหินสีดำรายเรียงกัน กระแสพลังที่เต็มไปด้วยความกดดันนั่น ได้กระจายออกมาจากเสาหินสีดำเหล่านี้นั่นเอง

และกระแสพลังพวกนี้ ผสานไปด้วยพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์

“ตัวสำนึกระดับมกุฎยุทธ์ขั้นเก้า”

เมื่อหลัวซิวได้สัมผัสกับกระแสพลังวิญญาณที่แผ่ซ่านออกมาจากเสาหินสีดำเหล่านั้นที่โจมตีตัวหยั่งรู้ของตน ก็คาดเดาระดับของกระแสพลังวิญญาณเหล่านี้ได้ทันที

การโจมตีและกดดันจากตัวสำนึกระดับมกุฎยุทธ์ขั้นเก้า เพียงพอที่จะทำให้คนจำนวนมากในบรรดายี่สิบคนนี้ยากที่จะก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียว

ในตอนนี้เอง ข้อมูลบางอย่างก็ได้ถูกส่งเข้ามาในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว เป็นข้อมูลเกี่ยวกับว่าจะสามารถทะลวงผ่านการทดสอบของหอคอยเทพจิตไปได้อย่างไร

วิธีที่จะผ่านชั้นแรกของหอคอยเทพจิตไปได้นั้นมีอยู่สองวิธี วิธีแรกก็คือทนการโจมตีและกดดันของตัวสำนึกระดับมกุฎยุทธ์ขั้นเก้าได้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป อีกวิธีหนึ่งก็คือเดินไปจนถึงปลายทางของถนนที่อยู่ตรงหน้าสายนี้ ก็จะสามารถผ่านชั้นที่หนึ่งไปได้

อดทนเป็นระยะเวลาหนึ่งก้านธูป สามารถฝึกตนในตำหนักเต๋าได้สามวัน หากเดินไปจนถึงปลายทางของถนนสีเงินสายนี้ จะสามารถฝึกตนในตำหนักเต๋าได้หกวัน!

มีช่องจิตปลอมที่คอยให้พลังวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าหลัวซิวจะไม่มีวรยุทธ์และเคล็ดวิชาระดับสูงสุดของทางด้านกลั่นวิญญาณ ทว่าตัวสำนึกวิญญาณ กลับเป็นข้อได้เปรียบที่ทรงพลังที่สุดของเขา

ตัวสำนึกวิญญาณของเขาในตอนนี้ ได้บรรลุถึงแดนมหายุทธ์ขั้นสี่เป็นที่เรียบร้อย!

ด้วยเหตุนี้การโจมตีและกดดันจากตัวสำนึกระดับมกุฎยุทธ์ขั้นเก้าในชั้นแรกของหอคอยเทพจิต จึงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับเขาเลยสักนิด

“วิธีที่สองนั้นจะได้รับเวลาในการฝึกตนในตำหนักเต๋านานกว่าวิธีแรกเป็นสองเท่า”

หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย และเลือกวิธีที่สองโดยไม่ลังเล

เขาก้าวเดินออกมาด้านหน้า เพิ่งจะเหยียบลงไปบนเส้นทางที่ส่องแสงสีเงินแวววาว เสาหินสีดำที่อยู่สองข้างทางได้กระจายพลังวิญญาณอันมหาศาลถาโถมเข้ามาใส่เขา

ระดับของพลังวิญญาณเหล่านี้ก้อนนี้ ได้เหนือล้ำกว่ามกุฎยุทธ์ขั้นเก้าไปแล้ว เข้าใกล้ระดับมหายุทธ์อย่างไร้ที่สิ้นสุด

เป็นที่ประจักษ์ โอกาสในการเข้าฝึกตนในตำหนักเต๋าเป็นเวลาหกวันนั้น ไม่อาจได้รับมาง่าย ๆ

อย่างน้อยในสายตาของหลัวซิว แม้ว่าเหล่าอัจฉริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์จะปกปิดความสามารถที่แท้จริงของตนมากน้อยเพียงใด แต่ตัวสำนึกวิญญาณสามารถบรรลุถึงระดับมหายุทธ์นั้น มีไม่เกินห้าคนอย่างแน่นอน!

ตึก! ตึก! ตึก! ……

ฝีเท้าของหลัวซิวไม่หยุดชะงักเลยสักนิด ไม่นานก็ได้เดินเข้าสู่ส่วนลึกของถนนสีเงินสายนี้

……

ในขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกหอคอยเทพจิต เวลาได้ผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว

ผู้ที่มาทดสอบทะลวงหอคอยเทพจิต ต่างก็รู้ว่าหากทนอยู่ด้านในชั้นที่หนึ่งเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปก็จะสามารถผ่านด่านไปได้

สำหรับเรื่องที่หลัวซิวสามารถทำถึงขึ้นนี้ได้นั้น ไม่มีใครมีแววประหลาดใจใด ๆ เลย ในทางกลับกันกลับคิดว่าสมเหตุสมผล

ส่วนสิ่งที่ทุกคนใส่ใจที่สุดนั้น คือหลัวซิวจะสามารถทนอยู่ด้านในหอคอยเทพจิตได้นานเพียงใด จะสามารถผ่านชั้นที่สองไปได้หรือไม่กันแน่?

“คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ชั้นแรกของหอคอยเทพจิต ก็จะต้องมีระดับตัวสำนึกใกล้เคียงกับมหายุทธ์ถึงจะสามารถผ่านไปได้”

เส้นทางแห่งวิญญาณสีเงินในชั้นแรกนั้น เพียงไม่นานหลัวซิวก็ได้เดินมาจนสุดทาง และไม่รู้สึกถึงความกดดันอะไรมากนัก

จากจุดเริ่มต้นมาจนถึงจุดสิ้นสุด การโจมตีตัวสำนึกที่ปรากฏขึ้นมาในเส้นเส้นทางแห่งวิญญาณนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากมกุฎยุทธ์ขั้นเก้า เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเกือบถึงระดับมหายุทธ์ จนใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด การโจมตีตัวสำนึกก็ได้เพิ่มขึ้นจนถึงระดับมหายุทธ์!

ใกล้เคียงกับระดับมหายุทธ์และระดับมหายุทธ์ที่แท้จริงนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง