ตอนที่ 1,921 : โต้ตอบคำสาบาน!
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พลังฝึกปรือของข้าในตอนนี้ยังต้อยต่ำ ทำให้สำนึกเทวะของข้าไม่มีพลังอำนาจพอจะสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนอะไรได้…กระทั่งต่อให้ข้าสามารถสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนได้จริง แต่ข้าจะมีสามารถถึงขั้นทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณกู่ชุน โดยที่ตัวมันยังอยู่ดีมีสุขเช่นนี้ได้หรือ?”
“เท่าที่ข้ารู้มา ไม่ใช่ว่ากระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่บรรลุถึงเปลี่ยนที่ 9 เปลี่ยนสู่สวรรค์ ยังไม่กล้าพูดว่าจะสามารถทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนโดยไม่สร้างความเสียหายให้แก่ดวงจิตรึไง!”
ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ยี่หระเปิดปากกล่าววาจาออกมาชัดถ้อยชัดคำเสียงดังให้ได้ยินกันทั่ว!
และทันทีที่กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอให้หลี่อันตอบโต้อะไร ชักสีหน้าคับแค้นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจออกมาว่า “อาวุโสหลี่อัน ข้ารู้ดีว่าเพราะวันนั้นที่ข้าฆ่าหยางหวู่ลูกชายสหายสนิทเจ้าไป จึงสร้างความคับแค้นและไม่พอใจให้…”
“แต่ในเมื่ออาวุโสหลี่อันอยากจะล้างแค้นก็แค่ลงมือฆ่าข้าเสียตรงๆ ทำไมต้องใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีให้ข้าแปดเปื้อนความผิดเหลวไหลเช่นนี้ เพื่อหาโอกาสฆ่าข้าล้างแค้นด้วยเล่า?”
ซู่วว!!
หน้าหลี่อันเปลี่ยนไปมหันต์ทันใด มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะพ่นวาจาเหล่านั้นออกมาท่ามกลางฝูงชนแบบนี้!!
มันยังสัมผัสได้ว่า บัดนี้ทุกสายตาของเหล่าศิษย์ที่มองมายังมัน ล้วนแล้วแต่เป็นสายตาพิกลทั้งสิ้น! มันตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ถูกต้วนหลิงเทียนพลิกกลับ กระแสปวงชนไหลไปเข้าข้างอีกฝ่ายหมดสิ้นแล้ว!
“เจ้า…”
หลี่อันกล่าวออกด้วยสีหน้าอึมครึม
แต่ก่อนที่หลี่อันจะทันได้กล่าวคำใด มันก็ถูกต้วนหลิงเทียนขัดจังหวะอีกครั้ง “แม้ข้าจะไม่รู้ว่ากู่ชุนศิษย์อาวุโสหลี่อันได้สูญเสียพรสวรรค์รากวิญญาณไปแล้วจริงๆหรือไม่…”
“แต่ต่อให้พรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้วจริงๆ อาวุโสหลี่อันสมควรฆ่ามันเสียก่อนที่จะมาใส่ร้ายป้ายสีข้า หากทำแบบนั้นไม่แน่ว่าอาจจะยังพอมีใครเชื่อข้อกล่าวหานี้อยู่บ้าง!”
วาจาประโยคท้ายของต้วนหลิงเทียนฟังแล้วคล้ายชี้แนะทางสว่างให้หลี่อัน แต่อันที่จริงแล้วนับเป็นการเสียดสีจิกแขวะอย่างชัดเจน!
ทันใดนั้นหน้าหลี่อันพลันดำทะมึนลงไปหนักข้อ ลูกตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนดุร้ายปานจะลุกไหม้ขึ้นมาปานเพลิงไฟ!
และหากสายตาของมันฆ่าคนได้ล่ะก็ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะตกตายไปแล้วกี่ครั้ง!
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬทั้งหลายอดพยักหน้าเห็นด้วยเสียไม่ได้!
ใช่!
หากหลี่อันฆ่ากู่ชุนทิ้งไปก่อนที่จะมาหาเรื่องใส่ความต้วนหลิงเทียนล่ะก็ บางทีพวกมันอาจจะพอเชื่อคำพูดกล่าวหานี้ของหลี่อันอยู่บ้าง!
ป้ายสีต้วนหลิงเทียนให้มีมลทินเรื่องทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุน…แต่กู่ชุนยังลอยร่างหน้าสลอนอยู่ตรงนั้น!
นี่สมควรเป็นการหาข้ออ้างล้างแค้นต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ฆ่ากู่ชุนทิ้งก่อนแล้วค่อยใส่ความต้วนหลิงเทียน! ด้วยมีความตายของกู่ชุนเป็นทุนแบบนั้น ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุด!!
อย่างไรก็ตามหลี่อันกลับไม่ได้ใช้วิธีที่ดีที่สุดแบบนั้น แต่เลือกพากู่ชุนมาหาความจากต้วนหลิงเทียนแทน!
นี่ไม่ดูเบาสติปัญญาของพวกมันไปหน่อยรึไง!?
ถึงแม้ว่าพวกมันจะทำได้แค่ยืนชมเรื่องราวอยู่เฉยๆมิอาจสอดมือ แต่พวกมันล้วนแล้วแต่รับประทานข้าวมิได้รับประทานหญ้า! พวกมันสามารถบอกได้ว่าคนไหนพูดจริงคนไหนพูดโกหก!!
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าพล่ามเหลวไหลอะไร!?”
พอเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนได้เบน ‘หัวหอก’ ชักนำความคิดผู้คนให้มองอาจารย์ของมันที่เป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่งเป็นคนต่ำช้าสามานย์ คิดใช้ตัวมันเล่นงานคนเพื่อล้างแค้นได้สำเร็จ! กู่ชุนอดไม่ได้ที่จะอับอายขายหน้าจึงตะโกนออกมาเสียงดังลั่น!!
“เจ้าเป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าไม่ผิดแน่! หากไม่ใช่ฝีมือเจ้า ไหนเลยตอนที่ทุบตีข้าเจ้าจำต้องเปิดใช้เขตแดนประหลาดเพื่อปิดกั้นบดบังสายตาของผู้คนรอบๆด้วย? มิใช่ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้ากลัวมีความผิดติดตัวหรือไร?!”
กู่ชุนที่คำรามออกมาเสียงดัง เริ่มยกอ้างเรื่องราวในวันนั้นขึ้นมา พาลให้เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคนเริ่มฉุกใจคิดขึ้นมาด้วยความสงสัย
และศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเหล่านี้ก็คือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น และเห็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ
พวกมันย่อมจำได้ดี ว่าวันนั้นตอนที่ต้วนหลิงเทียนลงมือ อยู่ๆก็เปิดใช้เขตแดนประหลาด จนบังเกิดแสงทองสว่างจ้าจนแสบตา ทำให้พวกมันไม่อาจแลเห็นสิ่งใดในสนามพลังสว่างนั่นได้เลย
ต้วนหลิงเทียนลงมือทำอะไรไปบ้าง พวกมันก็ไม่อาจทราบได้!
‘หรือพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจะเป็นต้วนหลิงเทียนทำลายไปจริงๆ?’
เหล่าศิษย์แท่นบูชาหลายคนที่เป็นพยานในเหตุการณ์วันนั้นเริ่มบังเกิดความคิดพิลึกขึ้นมา ในใจของพวกมันเริ่มหวั่นไหวไปอีกครั้ง
ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบโต้อะไร กู่ชุนพลันกล่าวออกมาอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้นข้าสามารถสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ว่าตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของข้ากุ่ชุนได้ถูกทำลายไปแล้ว!!”
ระหว่างที่คำรามกล่าววาจาประโยคนี้กู่ชุนก็ยกนิ้วขึ้นกัด ก่อนปรากฏเลือดหยดหนึ่งลอยล่องขึ้นไปยังฟ้าเบื้องบน
ขณะเดียวกันมันก็กล่าวคำสาบานต่อหน้าผู้คน “หากพรสวรรค์รากวิญญาณของข้ากู่ชุนยังไม่ถูกทำลาย ขอให้อัสนีทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าพิฆาตร่างข้าตายตก!!”
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
อัสนีลั่นดัง 9 คำรบ บ่งบอกว่าคำสาบานมีผลบังคับใช้!
หากแต่กู่ชุนกลับยังอยู่ดีไม่ได้ถูกอัสนีฟ้าฟาดผ่าพิฆาตร่างแต่อย่างใด เห็นชัดว่ามันไม่ได้หลอกลวงผู้คน และสิ่งที่มันกล่าวออกมาล้วนเป็นความสัตย์จริง…พรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้วจริงๆ!!
ทันใดนั้นทุกคนในที่เกิดเหตุก็ไม่มีใครสงสัยเรื่องนี้อีกต่อไป
“พรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้วจริงๆ?”
จังหวะนี้เหล่าศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเมื่อทราบแล้วว่ากู่ชุนไม่ได้โกหก นั่นย่อมหมายความว่าข้อกล่าวหาที่อาวุโสหลี่อันกล่าวคาดโทษต้วนหลิงเทียนนั้นก็มีมูลความจริง ไม่ได้เอาความเท็จมากล่าวอ้าง!!
“ตอนนี้ข้าได้สาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์แล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าได้ถูกทำลายไปแล้วจริงๆ…”
หลังจากที่กล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์จบแล้ว สายตากู่ชุนกลับมาตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้า ต้วนหลิงเทียน กล้าที่จะสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์หรือไม่?! ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า! เจ้ากล้าหรือไม่!!”
หลังจากกล่าวจบคำ กู่ชุนก็ก้าวออกมาเบื้องหน้าลอยร่างเคียงข้างอาวุโสหลี่อัน มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น
เจ้ากล้าหรือไม่?!
จังหวะนี้ทุกสายตาของผู้คนพลันหันไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง!
“พวกเจ้าว่าต้วนหลิงเทียนนั่นจะกล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์หรือไม่?”
“ข้าว่าน่าจะกล้า…เพราะอย่างไรเสียด้วยพลังฝึกปรือของผู้แซ่ต้วนยามนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุน”
“แล้วจะเกิดอันใดขึ้นหากต้วนหลิงเทียนไม่กล้าเล่า?”
“นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่ามันกลัวความผิด!”
……
ถึงแม้เหล่าศิษย์แท่นบูชาทมิฬในเหตุการณ์จะยังไม่อาจเชื่อได้ลงคอว่าต้วนหลิงเทียนมีความสามารถในการทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจริงๆ แต่ในใจของพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวโอนเอียง
หากกู่ชุนกล้าเสนอหน้ามาลอยร่างยืนเคียงมันแบบนี้ในโอกาสอื่นๆล่ะก็ หลี่อันย่อมมีโมโหและตำหนิกู่ชุนว่าไม่รู้สภาพตัวเองว่าคู่ควรหรือไม่!
แต่ตอนนี้แทนที่จะตำหนิกู่ชุน หลี่อันลอบชมเชยสติปัญญาของศิษย์ที่มันรังเกียจคนนี้อยู่บ้าง
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ การกระทำของศิษย์ที่มันไม่ค่อยแยแสกลับสามารถพลิกกลับสถานการณ์ ให้มันที่ตกเป็นจำเลยสังคมกลับมาเป็นโจทย์ได้อีกครั้ง!
ความรู้สึกดังกล่าวย่อมทำให้มันรู้สึกสบายใจชื่นมื่นนัก ประหนึ่งหมอกสลัวมัวมืดในใจได้มลายหายไป
จังหวะนี้หลี่อันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าศิษย์คนนี้ก็น่าดูอยู่บ้าง
“ให้ข้ากล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์ว่าข้าไม่ได้เป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้างั้นเหรอ?”
ภายใต้สายตาจับจ้องมองมาของปวงชน ต้วนหลิงเทียนพลันคลี่ยิ้มออกมาบางๆ กล่าวว่า “กู่ชุน เจ้าขอให้ข้าสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์แบบนี้ ข้าเกรงว่ามันจะซ้ำซ้อนเกินจำเป็นอยู่บ้างว่าไหม?”
“ทำไม? เจ้ากลัวแล้วรึ?!”
กู่ชันแสยะยิ้มค่อนแคะ “หากเจ้าไม่กล้าย่อมหมายความว่าเจ้าร้อนตัว! นอกจากนั้น นี่ยังเป็นการยอมรับโดยอ้อมแล้วว่าเจ้าเป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า! การที่เจ้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าแบบนี้ ไม่ต่างอันใดกับทำร้ายข้าจนพิกลพิการ ตัดหนทางบ่มเพาะฝึกตนของข้า!!”
“ต้วนหลิงเทียน ตามกฏของลัทธิบูชาไฟ ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายหรือลงมือหนักถึงขั้นพิกลพิการมีโทษสถานใดเจ้าทราบหรือไม่?”
สิ้นคำกล่าวนี้ของกู่ชุน กลิ่นอายพลังทั่วร่างของหลี่อันพลันปะทุออกมาอย่างน่ากลัว!
กลิ่นอายพลังน่ากลัวขุมนี้เมื่อปะทุออกมา ก็คล้ายจะเพ่งเล็งกดดันไปที่ต้วนหลิงเทียนทันที!!
พร้อมจะพิพากษาลงทัณฑ์มอบโทษประหารให้ต้วนหลิงเทียนได้ทุกเมื่อ!!
“ข้าไม่กล้า? ข้าว่าเป็นเจ้ามากกว่าที่ไม่กล้า…”
อย่างไรก็ตามวาจาต่อมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้กลิ่นอายพลังน่ากลัวของหลี่อันสลายหายไป
หลี่อันหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง ด้วยไม่ทราบว่าไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนกับพูดกับกู่ชุนแบบนี้
“เพ้ย! ข้าไม่กล้า? ข้าไม่กล้าทำอะไร? ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้คิดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องต่อหน้าผู้คนมากมาย!!”
กู่ชุนแค่นคำสบถออกมาด้วยความดูแคลน
“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าเรื่องที่เจ้าให้ข้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ามันเป็นเรื่องซ้ำซ้อน? ไม่ใช่ว่าเจ้าเอาแต่พูดไม่หยุดเรื่องข้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าหรอกเหรอ…เช่นนั้นเจ้าก็กล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์เองเถอะ ว่าหากข้าไม่ใช่คนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า ก็ขอให้เจ้าถูกอัสนีทัณฑ์สวรรค์พิฆาตร่างตายตก…”
“ตราบใดที่เจ้ากล่าวคำสาบานแบบนี้หากเจ้ายังไม่ถูกฟ้าผ่าตาย นั่นก็หมายความว่าข้าเป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจริงๆ แต่ถ้าเจ้าตกตายไปขึ้นมา…นั่นก็มากพอจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าเป็นเจ้าที่ใส่ร้ายข้า แค่นั้น”
ภายใต้สายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนับพันๆคู่ ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่เปลี่ยนสีมีอาการ มองกล่าวกับกู่ชุนด้วยความเฉยเมยไร้แยแส
หากจะกล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะก็…นับว่าวาจานี้ของเขากล่าวได้อย่างไร้ที่ติ!
กู่ชุนขอให้เขาสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ เช่นนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะขอให้กู่ชุนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เช่นกัน!
อีกทั้งเรื่องนี้ผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องราวยังคงได้ข้อสรุปดุจเดียวกัน สามารถบอกได้ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนใช่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจริงหรือไม่! ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือผู้ที่จะกระทำการกล่าวคำสาบานเท่านั้น!
เอ่อ!
หน้ากู่ชุนถึงกลับเปลี่ยนสีไปทันที ด้วยไม่คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะมาไม้นี้ ทั้งๆที่มันพยายามจะผลักไสทุกอย่างให้ต้วนหลิงเทียนแบกรับความเสี่ยงทุกอย่างไปแล้ว…หากแต่ต้วนหลิงเทียนกลับโต้ตอบมาลักษณะนี้!!
ต้วนหลิงเทียนกลับให้มันเป็นฝ่ายกล่าวคำสาบานเสียเอง!
ทว่าถึงแม้ฟังเนื้อความแล้วผลลัพธ์ของการกล่าวคำสาบานจะทำให้ได้ข้อสรุปเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ของต้วนหลิงเทียนกลับทำให้มันถึงตาย!!
เพียงเพราะจนบัดนี้ มันยังไม่มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าใช่ต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันจริงๆหรือไม่!
ถึงแม้ว่ากว่าเก้าสิบเก้าส่วนมันจะคิดว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนกระทำ แต่ยังคงเหลือส่วนหนึ่งที่อาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆ!
เรื่องนี้ไม่อาจนับนิ้วคำนวณออกมาด้วยตัวเลขได้ เพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิต! ต่อให้มีความน่าจะเป็นเพียงหนึ่งในร้อยว่าจะผิดพลาดมันก็ไม่กล้าเอาชีวิตมาเดิมพัน!!
เช่นนั้นการที่ต้วนหลิงเทียนให้มันกล่าวคำสาบานแบบนี้ บอกตามตรง..มันไม่กล้า!!
“ต้วนหลิงเทียนข้าได้กล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว คราวนี้ถึงตาเจ้าเป็นฝ่ายกล่าวบ้าง!!”
ตอนนี้กู่ชุนทำได้แค่ยืนกรานอย่างดื้อรั้นเท่านั้น
“ช่างดีแต่ปากนัก!”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทั้งแสยะยิ้มเย้ยหยันกู่ชุน กล่าวคำปรามาสออกมาด้วยสายตาเหยีดหยาม “กู่ชุนตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเจ้าที่อยากจะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์เอง…เช่นนั้นหากเจ้าอยากหาข้อสรุปเรื่องราวก็ง่ายดายนัก เจ้าก็กล่าวคำสาบานของเจ้าไปเสีย จะกี่รอบต่อกี่รอบมันก็เรื่องของเจ้าเกี่ยวอะไรกับข้า!!”
“หรือเจ้าไม่กล้ากล่าวคำสาบานออกมา เพราะกระทั่งเจ้าเองก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นข้าที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า?”
วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียนยิ่งแฝงความเย้ยหยันหนักข้อ
ตั้งแต่วินาทีแรกที่กู่ชุนเอ่ยถึงการสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเดิมพันครั้งใหญ่
และราคาที่ต้องจ่ายในการเดิมพันครั้งนี้ก็คือชีวิตของเขาเอง!
หากแพ้เขาตาย!
หากชนะเดิมพันเขาก็รอด!!
และสิ่งที่เขาเดิมพันไว้ก็คือ กู่ชุนมันไม่กล้าเสี่ยงชีวิตกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า!!
แน่นอนว่าที่ต้วนหลิงเทียนกล้าเดิมพันครั้งนี้ เพราะเขามั่นใจเต็มสิบส่วน!!
กู่ชุนไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของมันถูกทำลายได้อย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบกู่ชุนสมควรไม่มีหลักฐานใดเป็นชิ้นเป็นอันเลยด้วยซ้ำ!
ให้เขากล่าวคำสาบานแบบนี้ มันก็แค่คิด ‘จับเสือมือเปล่า’ เท่านั้น