ตอนที่ 1922

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,922 : รากวิญญาณสีน้ำเงิน กู่หลง!

 

“ต้วนหลิงเทียนกล่าวได้ถูกแล้ว!”

 

“ใช่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ!”

 

“ถูกต้อง มิว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนจะกล่าวคำสาบานเรื่องทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณกู่ชุน หรือจะเป็นกู่ชุนกล่าวคำสาบานว่าต้วนหลิงเทียนได้ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันหรือไม่! ก็เพียงพอบอกให้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้ได้ลงมือทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณกู่ชุนหรือมิได้ทำ!”

 

“แต่ดูจากท่าทางของกู่ชุนแล้ว คล้ายมันจะมิกล้ากล่าวคำสาบานดั่งที่ต้วนหลิงเทียนบอกให้มันกระทำ!”

 

“นั่นน่ะสิ!”

 

……

 

พอคำของต้วนหลิงเทียนดังออกมา เสียงกล่าวสนทนารอบๆพลันดังขึ้นระงมและต่างตั้งคำถามกับกู่ชุนทั้งสิ้น

 

พวกมันเห็นกันได้ชัดเจน

 

ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนบอกให้กู่ชุนมันกล่าวคำสาบานของมันเอง กู่ชุนไม่เพียงแต่ลังเล กระทั่งยังพยายามซัดทอดโบ้ยให้ต้วนหลิงเทียนเป็นฝ่ายกล่าวคำสาบานไม่เลิก!

 

ตั้งแต่ต้นจนจบมิใช่มันเองหรอกหรือที่คิดริเริ่มให้ใช้วิธีการกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์?

 

ไฉนพอถึงตอนสำคัญ มันกลับไม่กล้ากล่าวคำเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเล่า? มาเปลี่ยนความคิดอันใดตอนนี้?

 

หรือที่แท้ในใจของมันมีปีศาจอะไรซุกซ่อนอยู่?

 

สำหรับเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนับพันๆที่อยู่ตรงนี้นั้น…

 

ต้วนหลิงเทียนกับกู่ชุน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดกล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์ ความจริงสุดท้ายก็ย่อมปรากฏเหมือนกันทั้งสิ้น!

 

อย่างไรก็ตามวันนี้ผู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือให้ใช้วิธีการกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าก็คือกู่ชุน!

 

เช่นนั้นพวกมันทั้งหลายก็รู้สึกว่าสมควรแล้ว ที่กู่ชุนจะเป็นผู้กล่าวคำสาบานตามคำที่ต้วนหลิงเทียนบอกไว้ด้วยตัวเอง!!

 

ทว่าพอกู่ชุนโวยวายออกมาแบบนี้ ก็ดั่งทำนบทลายจนน้ำท่วม!

(เหมือน น้ำท่วมปาก)

 

เรื่องนี้กู่ชุนเองก็คาดไม่ถึง

 

ตอนนี้มันยังรู้สึกเสมือนทุ่มหินทับเท้าตัวเอง!

 

“กู่ชุน เจ้าไม่ได้ยินพี่น้องรอบๆกล่าวกันหรือ ทุกคนคิดว่าสมควรแล้วที่เจ้าจะเป็นฝ่ายกล่าวคำสาบานทั้งสิ้น…”

 

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันมองกู่ชุนพร้อมแสยะยิ้มบางๆ

 

“ตราบใดที่เจ้ากล่าวคำสาบานออกมา แค่นั้นความจริงก็จะปรากฏ! หากเจ้าไม่ถูกฟ้าผ่าจนตายตก ก็เผยให้เห็นว่าเจ้าไม่ได้โกหก และเป็นข้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจริงๆ…”

 

สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วนี่คือความรู้สึกราวกับใช้หนึ่งทหารต้านทัพ มันช่างรู้สึกสะใจดีจริงๆ!

 

กุ่ชุนมันไม่ใช่อยากวุ่นวายกับการกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์นักหรือไง

 

เอาสิ!

 

จัดไป! กล่าวคำสาบานบัดซบของเจ้าเสีย!!

 

ได้ยินวาจาจากศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนับพันเข้าข้างการกระทำดั่งหนึ่งทหารต้านทัพของต้วนหลิงเทียน หน้ากู่ชุนก็ซีดลงทันใด ในใจบังเกิดความสับสนปั่นป่วนยากจะสงบ

 

ถึงแม้ว่ามันอยากจะให้ต้วนหลิงเทียนตกตายคามือหลี่อันเพียงไร

 

แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่า สุดท้ายมันไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นต้วนหลิงเทียนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันจริงๆ!

 

นั่นเพราะกระทั่งตัวมันเองก็ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ!

 

ใต้หล้ากว้างใหญ่สุดไพศาล เรื่องอัศจรรย์พันลึกสามารถเกิดได้ทุกที่!

 

ใครจะไปรู้บางทีพรสวรรค์รากวิญญาณที่หายไปของมัน อาจเกิดขึ้นโดยบังเอิญเพราะเป็นผลสืบเนื่องอะไรบางอย่าง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียน

 

หากเป็นกรณีนี้ขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่การกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ก็เหมือนเอาคอไปรูดดาบประหารหรือไร?

 

ถึงแม้ตอนนี้มันจะไร้ซึ่งพรสวรรค์รากวิญญาณจนทำให้พลังฝึกปรือของมันหยุดอยู่ที่ด่านพลังนี้ตลอดไป ชั่วชีวิตไร้หนทางก้าวหน้าใดๆอีก…

 

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่รักชีวิตของมันแล้ว!

 

อันที่จริงตอนนี้มันกลับยิ่งรักและถนอมชีวิตของมันมากขึ้นกว่าเก่าไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า!

 

เพราะในเมื่อมันมิอาจบ่มเพาะพลังได้สืบไป เช่นนั้นหนทางสู่ความเป็นอมตะมีชีวิตนิรันดร์จึงจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้ อายุขัยของมันไม่มีหนทางยืดยาวออกไปไม่รู้จบได้อีกแล้ว!!

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้แต่ละวันที่ผันผ่าน ก็เสมือนเวลาชีวิตของมันกำลังลดลงเรื่อยๆ!

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่กล้าที่จะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ตามคำชี้นำของต้วนหลิงเทียน!

 

เพราะมันกลัวตาย!

 

มันไม่กล้าเอาชีวิตมาเดิมพัน!!

 

หากการหายตัวไปของพรสวรรค์รากวิญญาณมัน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับต้วนหลิงเทียนจริงๆเล่า?

 

หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่มันก็ต้องจบชีวิตแล้วหรือ

 

“กู่ชุนดูเหมือนมันจะมิใช่ตัวดีจริงๆ!”

 

“หึๆ…ที่แท้มันก็คิดใส่ร้ายป้ายสีต้วนหลิงเทียนจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนมิได้เป็นผู้ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมัน!!”

 

“ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าเกือบเชื่อมันไปแล้วนะเนี่ย!!”

 

……

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชาทมิฬก็เหมือนเคย ต่างเริ่มซุบซิบสนทนากันระงม หากแต่แววตาของทุกคนยามนี้ล้วนมองกู่ชุนด้วยความรังเกียจทั้งสมเพช พาลให้ร่างกู่ชุนสะท้านแววตาล่อกแล่ก แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ออกมา

 

“มิใช่เจ้าบอกว่ามั่นใจกว่าเก้าสิบเก้าส่วนรึไงว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า ไฉนมาถึงตอนสำคัญเช่นนี้เจ้ากลับลังเลมิกล้ากล่าวคำเสียเล่า?”

 

เห็นกู่ชุนทำให้สถานการณ์ที่กำลังดีๆอยู่พลิกกลับไปอีกครั้ง หน้าหลี่อันก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก มองจี้กล่าวกับกู่ชุนเสียงเข้ม

 

“เจ้ามั่นใจถึงเก้าสิบเก้าส่วน ไฉนยังไม่คุ้มกับการเดิมพัน? บางทีตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมันอาจเสแสร้งทำเป็นสงบให้เจ้ากลัวการกล่าวคำสาบานเล่า? เพียงเจ้าชนะเดิมพัน…ต้วนหลิงเทียนนั่นย่อมจบเห่วันนี้!”

 

หลี่อันกล่าวยั่วยุชี้นำ กระทั่งพยายามโน้มน้าวออกมา

 

อัตตราชนะกว่าเก้าสิบเก้าส่วน!

 

เดิมพันเสีย!

 

เดิมพันว่ามันจะรอด แล้วต้วนหลิงเทียนตาย!!

 

หลังได้ยินคำกล่าวเตือนของหลี่อัน สองตากู่ชุนพลันทอประกายเรืองวูบขึ้นมา มันตัดสินใจได้แล้ว!

 

อย่างไรก็ตาม วินาทีที่กู่ชุนตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้วหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยทีท่าแววตาแน่วแน่เด็ดเดี่ยวว่าจะเสี่ยงกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ตามคำบอกของต้วนหลิงเทียนนั้นเอง…

 

ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายท่าทางเกียจคร้าน “น่าเบื่อจริงๆ…กู่ชุน ถ้าเจ้ามันเรื่องเยอะกลัวว่าจะเสียเปรียบนักหากกล่าวคำสาบานฝ่ายเดียวแบบนี้…”

 

“ถ้างั้นข้าจะกล่าวคำสาบานพร้อมกันกับเจ้าให้จบๆไปอย่างที่เจ้าต้องการ เท่านี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?”

 

เปรี๊ยง!

 

หลังได้ยินคำกระตุ้นจากหลี่อัน กู่ชุนก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเสี่ยง ทว่าตอนนี้พอได้ยินวาจาเบื่อหน่ายเอือมระอาของต้วนหลิงเทียน มันก็รู้สึกเสมือนมีฟ้าร้องสนั่นในช่องหู!

 

มันถึงกับกลืนความกล้าก่อนหน้าลงคอไปทันที!

 

ความมั่นใจที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก อีกทั้งทีท่าเฉยเมยไร้แยแสนั่น ได้ทำลายความเชื่อมั่นสุดท้ายของมันจนพังพินาศในพริบตา!!

 

ในสายตาของมัน หากต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันจริงๆ เช่นนั้นแล้ว…

 

ต้วนหลิงเทียนสมควรไม่พูดเรื่องกล่าวคำสาบานออกมาพร้อมๆกันกับมัน!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเป็นฝ่ายเสนอว่าจะทำแบบนี้ออกมาด้วยตัวเอง!

 

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับเป็นฝ่ายเสนออกมาด้วยตัวเองด้วยสีหน้าท่าทางเช่นนั้น เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่กลัวและแยแสอะไรเลย!

 

ตอนนี้ความเชื่อมั่นที่กู่ชุนมีอยู่ถึงกับแหลกเป็นเสี่ยงๆ…

 

“ฮึ่ม! มันต้องรู้ว่าเจ้ากำลังจะทำการสาบานและยังผลให้มันจบสิ้น มันจึงเลือกที่จะกล่าวออกมาเช่นนี้…อย่าได้กลัวและไขว้เขวอันใด รีบกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีกับมันเสีย!”

 

หลี่อันที่เห็นสถานการณ์ได้อย่างกระจ่าง เร่งเตือนกู่ชุนออกมาในเวลาที่เหมาะสม

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ความมั่นใจสุดท้ายของกู่ชุนได้แหลกเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว ไหนเลยยังจะฟังคำกล่าวของหลี่อันอีก กระทั่งได้ยินคำเตือนนี้ในใจกู่ชุนกลับรู้สึกว่าเป็นการเร่งรัดประการหนึ่ง

 

มันเพียงคิดว่าหลี่อันกำลังจะใช้มันเป็นสิ่งเดิมพัน!

 

หากชนะต้วนหลิงเทียนก็ตาย!

 

หากแพ้มันก็ต้องตาย!!

 

ไม่ต้องสนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทว่าหลี่อันนั้นไม่ได้เสียอะไรแม้แต่น้อย!

 

พอมันคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา…แล้วมันยังจะเห็นด้วยกับคำพูดของหลี่อันได้อย่างไร?

 

“ช่างเถอะ! เจ้ามิได้เป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า เป็นข้าที่อาจทำลายมันลงอย่างไม่ตั้งใจขณะเร่งโหมฝึกปรือ…”

 

กู่ชุนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนออกมา

 

โอ!!

 

และวาจานี้ของกู่ชุน พอดังออกมาก็พาลให้ผู้คนโดยรอบถึงกับฮือฮาขึ้นมาทันที

 

พวกมันไม่คิดเลยว่าในที่สุด ความจริงก็ปรากฏแล้ว!

 

“เหอะๆนั่นไง กู่ชุนมันคิดใส่ร้ายต้วนหลิงเทียนจริงๆด้วย!”

 

“เหอะ! ข้ารู้ตั้งแต่เห็นนิสัยอวดเบ่งกู่ชุนแล้ว…สันดารคบไม่ได้เช่นนี้ มันยังจะเป็นตัวดีอันใด”

 

“คราวนี้นับว่ามันลากอาวุโสหลี่อันลงหลุมอาจมกับมันแล้วจริงๆ…”

 

……

 

ด้วยจำนวนนับพันๆ เสียงกระซิบของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬถึงกับดังอื้ออึงเซ็งแซ่ราวฝูงแมลงบินข้างหู

 

บางคนถึงกับคิดว่าที่กู่ชุนมาใส่ร้ายต้วนหลิงเทียนแบบนี้ เพราะหลี่อันยุยง!

 

แน่นอนว่าพวกมันกล้าพูดก็แค่ในใจเท่านั้น ไม่อาจโพล่งออกมาตรงๆได้

 

ต้วนหลิงเทียนลอบแสยะยิ้มในใจ ครานี้นับว่ากลยุทธ์ ‘ถอยเพื่อก้าวต่อไป’ ของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

 

เหตุผลที่อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาว่าจะกล่าวคำสาบานพร้อมกันกับกู่ชุนนั้น แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะเขาจับจ้องทุกอริยาบทของกู่ชุนอย่างไม่ให้คลาดสายตาแต่แรก

 

เช่นนั้นแล้วเมื่อเห็นสีหน้าแววตาคล้ายตัดสินใจแน่วแน่ได้ของกู่ชุนเมื่อครู่

 

เขาจึงเดาได้ว่ากู่ชุนคิดสละเรือ!

(ประมาณว่าโดดลงจากเรือแล้วเสี่ยงว่ายน้ำไปต่อ…เบื้องหน้าเป็นเช่นไรก็ช่าง คล้ายๆไปตายเอาดาบหน้า)

 

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะชิงลงมือก่อน และทำลายความตั้งใจนั่นของกู่ชุนเสีย!

 

เขาย่อมไม่กล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์พร้อมกับกู่ชุนจริงๆ!

 

นั่นเพราะพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนถูกทำลายด้วยน้ำมือเขา!

 

กล่าวให้ชัด มันถูกกลืนกินโดยเขา!

 

ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของกู่ชุน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเดิมพันถูกข้างและกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย!

 

กลับกันพอได้ยินคำนี้ของกู่ชุน ใบหน้าหลี่อันก็มืดดำคล้ำลงนัก!

 

เพราะทันทีที่กู่ชุนกล่าวคำนี้ออกมา หลี่อันรู้ดีว่าเรื่องราวในวันนี้ได้ข้อสรุปและถึงการยุติแล้ว!

 

มันคิดใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการต้วนหลิงเทียนให้อยู่หมัด หากแต่กู่ชุนกลับเป็น ‘เพื่อนร่วมทีมหมู’ จึงทำให้มันแพ้เกมนี้เสียอย่างนั้น

(เพื่อนร่วมทีมหมู = บ้านเราก็ ศัตรูเก่งไม่กลัว กลัวทีมไก่)

 

“ฮึ่ม!!”

 

หลี่อันแค่นคำสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเหลือบมองกู่ชุนตาขวางครั้งหนึ่งก็เหินร่างจากไปทันที ไม่คิดกล่าวคำใดกับกู่ชุนต่อแม้ครึ่งคำ

 

“กู่ชุน ครั้งหน้าหากเจ้าคิดรวมหัวกับอาจารย์ของเจ้ามาใส่ร้ายป้ายสีข้า ก็หัดหาข้ออ้างให้มันดีๆหน่อย…ครั้งนี้ข้ออ้างของเจ้ามันห่วยแตกเกินไป เต็มไปด้วยช่องโหว่นัก!”

 

ต้วนหลิงเทียนที่กลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายของวันนี้ ก็กล่าววาจาทิ้งท้ายกับกู่ชุนคำหนึ่ง ก่อนที่จะเหินร่างลงจากอากาศกลับเข้าบ้านพักชั้น 3 ไปทันที…

 

เห็นแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายไปต่อหน้าต่อตา ร่างกู่ชุนได้แต่สั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ ลูกตาของมันเผยความอาฆาตล้ำลึกฟันกรามขบแน่นดังกรอดๆ!

 

หมัดของมันยังกำแน่นเสียจนเล็บจิกเข้าเนื้อหลั่งโลหิต! ทว่าแม้เลือดจะไหลจ๊อกออกมาแต่กู่ชุนก็คล้ายยังไม่รู้สึกตัว!!

 

สายตาที่มองมาด้วยความสมเพชนับพันๆคู่ ยิ่งทำให้มันเจียนคลั่ง!

 

‘ต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียน…ตราบใดที่ลูกพี่ลูกน้องของข้ามาถึง เจ้าได้ตายแน่!’

 

เป็นธรรมดาที่เมื่อรู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้ว มันก็ไม่มีโอกาสสู้กับต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป กู่ชุนจึงได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับลูกพี่ลูกน้องของมันแล้ว!

 

ตอนนี้มันยึดถือว่าลูกพี่ลูกน้องของมันก็คือฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย!

 

หลังจากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างสงบเป็นเวลาหนึ่งเดือน

 

หนึ่งเดือนผ่านไป วันนี้ลัทธิบูชาไฟพลันมีร่างหนึ่งมาเยือนอย่างคาดไม่ถึง…

 

เป็นชายวัยกลางคนที่แลดูอิดโรยเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทันทีที่มันปรากฏตัวในเขตพื้นที่ของลัทธิบูชาไฟ ก็ถูกหน่วยลาดตระเวนของลัทธิบูชาไฟที่นำโดยอาวุโสเพลิงทองแดงคนหนึ่งหยุดไว้

 

“เจ้าเป็นผู้ใด ถึงได้หาญกล้าบุกรุกเข้ามาในเขตพื้นที่ของลัทธิบูชาไฟ?”

 

อาวุโสเพลิงทองแดงดังกล่าว ถามออกมาเสียงดัง

 

ชายวัยกลางคนผู้มาเยือนนั้น แลดูหน้าตาธรรมดาๆไร้ใดโดดเด่น เนื้อตัวกำยำล่ำสัน ในมือถือกระบี่ยาวพร้อมฝัก ยามลอยร่างตระหง่านกลางอากาศให้ความรู้สึกคล้ายหอคอยหนึ่ง

 

“ข้าเรียกว่ากู่หลง มานี่เพื่อคิดเข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟ…”

 

แม้จะเผชิญหน้ากับอาวุโสเพลิงทองแดง หากแต่ชายวัยกลางคนยังคงมีสีหน้าสงบ กล่าวตอบออกไปอย่างเฉยเมย

 

หลังจากนั้นไม่นาน อาวุโสเพลิงทองแดงก็หยิบควักลูกแก้ววิญญาณที่สามารถทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณได้ออกมา

 

หลังจากการทดสอบก็พบว่า ที่แท้ชายวัยกลางคนผู้มาเยือนนี้…กลับมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน!!

 

พอได้เห็นกับตาว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นสีน้ำเงิน อาวุโสเพลิงทองแดงก็เผยอาการตื่นเต้นดีใจออกมา สีหน้าท่าทางยังกลายเป็นสุภาพขึ้นหลายส่วน!