บทที่ 1717 อัญเชิญอดีต

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1717 อัญเชิญอดีต

 

“หลี่ฮวง อย่าบอกว่านี่คือพลังทั้งหมดของเจ้า!” ฟางหยวนเย้ยหยันและไล่ล่าหลี่ฮวง

 

หลี่ฮวงล่าถอยและกระตุ้นใช้เสื้อคลุมเพลิงสุริยันซ้ําแล้วซ้ําอีก อย่างไรก็ตามมันยังถูกตัดออกโดยกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง

 

“บัดซบ!” หลี่ฮวงตระหนักถึงบางสิ่ง เขาเร่งเปลี่ยนทิศทาง

 

“ท่านหลี่ฮวง เรามาช่วยแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่หอคอยวายุเข้ามาสนับสนุน

 

ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยัน “ไปให้พ้น”

 

ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อน!

 

พายุหมุนรอบหอคอยวายุหยุดลงทันที มันไม่สามารถต่อต้านท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน

 

หลี่ฮวงทําได้เพียงหลบหนีต่อไป

 

พลังการต่อสู้ที่เพิ่มสูงขึ้นของฟางหยวนทําให้ทุกคนตกตะลึง

 

ในเมืองจักรพรรดิ กลุ่มผู้ใช้วิญญาณอยู่ในการแข่งขันรอบสุดท้าย ผู้อมตะที่ปกป้องเมืองจักรพรรดิแยกเสียงรบกวนจากภายนอกทําให้ผู้เข้าแข่งขันมีสมาธิกับการหลอมรวมวิญญาณ

 

“ผู้ใดจะคิดว่ากระทั่งท่านหลี่ฮวงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน!”

 

“ปีศาจตนนี้น่าอัศจรรย์เกินไป เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพมากมาย พลังของเขาน่ากลัวจริงๆ แต่ไม่จําเป็นต้องกังวล แม้เมืองจักรพรรดิจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ เราก็ยังมีท่า ไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ ท่าไม้ตายนี้จะปกป้องพวกเรา”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางพยายามสร้างขวัญกําลังใจ

 

เมืองจักรพรรดิเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์อันดับหนึ่งของภาคกลาง แม้มันจะถูกย้ายมาหลายสิบครั้ง แต่มันก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มันถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกําเนิด

 

“ฟางหยวน อย่ายโสให้มากนัก รับมือข้า!” ผู้อมตะระดับแปดชิงเย่เข้าสู่การต่อสู้

 

หลี่ฮวงหยุดหลบหนีและต่อสู้เคียงข้างซิงเย่

 

ฟางหยวนไม่สนใจพวกเขาแต่โจมตีเมืองจักรพรรดิโดยตรง

 

หลี่ฮวงและชิงเยู่พยายามปิดกั้น แต่พวกเขากลับถูกบังคับให้ล่าถอย

 

ภาพนี้ทําให้กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกตะลึง

 

“ฟางหยวนดุร้ายมาก!”

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถต่อต้านวังสวรรค์มานานหลายปี”

 

“เราจะอ้อมไป อย่ายั่วยุคนผู้นี้”

 

“ถูกต้อง เป้าหมายของเราคือการทําลายเมืองจักรพรรดิ

 

สมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

 

“อําลาสหาย! มันคืออําลาสหายจริงๆ!” เมื่อเห็นท่าไม้ตายอมตะของหยง กลุ่มผู้อมตะของภาคกลางที่ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายมีต้นกําเนิดที่น่าเหลือเชื่อ มันถูกสร้างขึ้นโดยอัจฉริยะประหลาด

 

อัจฉริยะประหลาดถูกเรียกว่านักพรตใจดํา เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุ แต่เขาได้รับประโยชน์จากการอ่านตํานานมนุษย์คนแรกและสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย

 

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งวายุและเส้นทางมนุษย์ที่ทรงพลังมาก

 

หลังจากสร้างท่าไม้ตายนี้ นักพรตใจดําเริ่มสร้างสายสัมพันธ์ไปทั่ว เขาเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อมิตรสหาย แรกเริ่มผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคยังไม่เข้าใจ พวกเขาผูกมิตรกับนักพรตใจดําที่มักจะมอบของขวัญล้ําค่าให้แก่พวกเขาเสมอ

 

แต่ทั้งหมดเป็นแผนการของนักพรตใจดํา

 

ท่าไม้ตายอมตะของเขาจะตรวจจับเป้าหมายเพื่อการโจมตีที่แม่นยํา มันคล้ายกับท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันที่จะตรวจจับจิตวิญญาณของศัตรู

 

แต่ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายจะตรวจจับมิตรสหายของผู้ใช้งานและโจมตีพวกเขา

 

แม้จะเป็นสหายจอมปลอมหรือสหายเพียงผิวเผินก็ยังตกเป็นเป้าหมาย

 

ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายทําให้ชื่อเสียงของนักพรตใจดําพุ่งทะยานขึ้นและไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุเขา

 

หลังจากผู้คนจํานวนมากถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเริ่มอนุมาน ท่าไม้ตายอําลาสหายและทําให้ความลับของมันถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด

 

ผู้อมตะหลายคนเรียนรู้ความลับนี้และตําหนินักพรตใจดําอย่างดุเดือด สหายของนักพรตใจดําต่างรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจ

 

อย่างไรก็ตามไม่มีท่าไม้ตายอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ในไม่ช้าจุดอ่อนของท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายก็ถูกเปิดเผย เพื่อกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ ผู้ใช้งานต้องสัมผัสร่างกายของเป้าหมายโดยตรง

 

แม้ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายจะแข็งแกร่ง แต่ด้วยเงื่อนไขสองประการนี้ มันจึงกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ

 

แม้นักพรตใจดําจะโด่งดัง แต่เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต ทุกคนหลีกเลี่ยงเขาราวกับเขาเป็นโรคระบาด ในบั้นปลายชีวิต เขาพบจุดจบที่ขมขึ้นเพียงลําพัง

 

การครอบครองท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายของวูหยงทําให้ผู้อมตะทั้งหมดตกใจ

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรท่าไม้ตายของวูหยงก็ประสบความสําเร็จ เฉินอี้กําลังจะตาย ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้

 

เพียทั้งซุ้ยกรีดร้องและพุ่งเข้าโจมตีวูหยง

 

ร่างกายของวูหยงหายไปจากจุดนั้นอย่างกะทันหัน เพ่ยกังซุ้ยคว้าร่างของเฉินอี้เอาไว้ แต่เขา ไม่สามารถขยับเขยื้อนขณะที่ชั้นผิวหนังเริ่มสึกกร่อน

 

วูหยงปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้ากลุ่มผู้อมตะภาคใต้

 

สายตาของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลายเป็นซับซ้อน มีความระแวง ความหวาดกลัว และความเคารพอยู่ในนั้น

 

“วูหยงครอบครองท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย มันเทียบเท่ากับเกราะหวนคืนของฟางหยวน นี่คือไม่ตายสําคัญที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์

 

“วูหยงเป็นสหายกับเฉินอี้ตั้งแต่เมื่อใด?”

 

“มันไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนที่ทําธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองมักเรียกกันว่าสหาย นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ข้าเกรงว่าแผนการของวูหยงจะลึกซึ้งกว่านั้น”

 

วูหยงมองเฉินอี้ที่อยู่ในระยะไกลและยกย่อง “ดังคาด สมกับเป็นสมาชิกวงสวรรค์ อดีตผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เจ้ามีการป้องกันที่น่าทึ่งมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นร่างของเป้าหมายสลายตัวช้าถึงระดับนี้

 

ถ้อยคําของเขาเหมือนยกย่องศัตรู แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาเอง

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“ถูกต้อง ไม่มีผู้ใดรอดจากท่าไม้ตายอําลาสหาย!”

 

“เฉินอี้คือคนที่ตายไปแล้ว”

 

“ต่อหน้าท่านวูหยง สมาชิกวังสวรรค์ก็ไม่ใช่สิ่งใด!”

 

สมรภูมิวังสวรรค์

 

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

 

“หอก!” ผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์เช่อเว่ยตะโกน

 

หอกสีดําขนาดใหญ่พุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์ห้าธาตุ

 

“ลูกศร!” เช่อเว่ยตะโกนอีกครั้ง

 

ลูกศรจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและพุ่งเข้าไปหาปรมาจารย์ห้าธาตุ

 

ปรมาจารย์ห้าธาตุยืนอยู่ที่เดิม แม้เขาจะถูกโจมตี แต่เขายังมีเวลากล่าว “น่าประทับใจ เช่อเว่ย เจ้ากําลังสร้างเส้นทางสายใหม่ ท่าไม้ตายเหล่านี้น่าสนใจจริงๆ อย่างไรก็ตามมันไร้ประโยชน์ เจ้าไม่สามารถทําลายการป้องกันของข้า”

 

“ดาบ!” เช่อเว่ยเพิกเฉยต่อปรมาจารย์ห้าธาตุ เขาถือดาบขนาดใหญ่พุ่งเข้าต่อสู้กับปรมาจารย์ห้าธาตุในระยะประชิด

 

อีกด้านหนึ่ง ปีศาจกระทิงกําลังโจมตีผู้อมตะระดับแปดกงเยี่ยนของวังสวรรค์

 

ปีศาจกระทิงเคลื่อนที่ราวกับภูตผีแต่พลังโจมตีของเขากลับทรงพลังมาก

 

ทุกครั้งที่กงเยี่ยนถูกโจมตี ร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

 

เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฏ มีรอยสักสีน้ําเงินปรากฏอยู่ทั่วร่างของเขา

 

ดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่สามารถผ่านเข้ามาได้” หยวนเชียงตู้ที่กําลังซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

ผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรเลือกการต่อสู้ระยะประชิด พวกเขาจงใจจํากัดการโจมตีเพราะเกรงว่าพวกเขาจะทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

“ดูเหมือนพวกเขาจะต้องการฉกชิงวิญญาณชะตากรรมแต่พวกเขาก็มีข้อกําหนดบางอย่างเกี่ยวกับการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม”

 

หยวนเชียงตู้สามารถวิเคราะห์ความตั้งใจของถ้ําสวรรค์นิรันดรได้อย่างรวดเร็ว

 

“ข้าต้องใจเย็น หากเกิดความผิดพลาดจากมนุษย์ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จก็ไม่สามารถช่วยเหลือ

 

“อดทนไว้

 

“ผู้อมตะหลายคนกําลังตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ ความแข็งแกร่งของวังสวรรค์กําลังเพิ่มขึ้น ถ้ําสวรรค์นิรันดรจะถูกบังคับให้สิ้นหวัง

 

หยวนเชียงคู่กําลังคิดเรื่องนี้ขณะที่ปิงช่ายฉวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงนําแท่นบูชาแห่งโชคออกมา? เพราะมันมีท่าไม้ตายที่น่าอัศจรรย์”

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์กําลังจะโจมตีแท่นบูชาแห่งโชค แต่ในจังหวะนี้มันกลับระเบิดแสงสีทองออกมา

 

ภาพสายธารแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นรอบๆแท่นบูชาแห่งโชค จากนั้นร่างหนึ่งก็เดินออกมา

 

คนที่เดินออกมาตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าหมียักษ์ กินระเบิดสายฟ้าของข้า!”

“เปรี้ยง!”

 

หมียักษ์เจิ้งเฟยซึ่งถูกบังคับให้ล่าถอย ใบหน้าของมันถูกระเบิดและเต็มไปด้วยเลือด

 

“ผู้ใด? บอกชื่อของเจ้า!” ผู้อมตะของวังสวรรค์พุ่งเข้าโจมตีบุคคลลึกลับ

 

เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าไม่รู้จักกระทั่งข้า นูเอ๋อเปาซ่งงั้นหรือ? เช่นนั้นให้ข้าแสดงท่าไม้ตายอมตะระเบิดสายฟ้าของข้าให้เจ้าดู เมื่อข้าระเบิดเจ้า เจ้าจะสามารถจดจําชื่อของข้า”

 

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์ถูกส่งลอยกลับหลังราวกับว่าวสายปานขาดก่อนที่เขาจะร่วงลงบนพื้น และหมดสติทันที

 

“ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะสามารถเดินทางมายังอนาคตและมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งใหญ่ ข้าช่างโชคดีนัก!” ผู้อมตะของภาคเหนือคนที่สองเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาด้วยรอยยิ้ม

 

เขาชี้นิ้วไปที่แท่นบูชาแห่งโชคและปัดเป่าท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่หยุดการเคลื่อนไหวของมันออกไป

 

“เจ้าทําลายท่าไม้ตายอมตะของข้า เจ้าคือผู้ใด?” ดวงตาของกู้หลิวรูกลายเป็นมืดครื้ม

 

ผู้อมตะภาคเหนือเผยรอยยิ้มบางและมองไปที่กู้หลิวรู “ช่างบังเอิญนัก เราต่างบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา สําหรับชื่อของข้า มันค่อนข้างธรรมดา ข้าคือไห่ฟาน”

“โอ้ ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นัก สวรรค์ ข้าควรซ่อนตัวอยู่บางแห่ง” ผู้อมตะคนที่สามของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้น หลังกล่าวจบคํา เขาหายตัวไปทันที

 

ผู้อมตะของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้นทีละคนและเข้าสู่สนามรบ

 

หัวใจของเทพธิดาอเว่ยเต้นแรง “นูเอ๋อเปาซ่ง ไห่ฟาน และหลิวหลิว พวกเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดของตระกูลฮวงจีนในอดีต! ท่าไม้ตายชนิดใดที่สามารถนําผู้คนเหล่านี้เข้าสู่การต่อสู้?”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกราวกับกําลังอยู่ในความฝัน

 

นางสับสน แต่ราชันมังกรไม่

 

ความทรงจําผุดขึ้นในใจของราชันมังกรอีกครั้ง

 

เทพปีศาจบัวแดงกระอักเลือดออกมา

 

“บัวแดง เจ้ายังไม่โจมตีอีกมั้นหรือ? แม้เจ้าจะมีท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคน แต่หลังจากกําเนิดใหม่ เจ้าก็ยังมีการบ่มเพาะระดับแปดเท่านั้น ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตของเจ้าอยู่ในระดับแปด เจ้ายังห่างไกลจากระดับเก้า!” ราชันมังกรแสดงออกอย่างเย็นชา

 

“ถูกต้อง ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตของข้ามีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่กระทั่งมันจะไม่บกพร่อง ข้าก็ไม่สามารถโจมตีท่านอาจารย์” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มขมขื่น

 

“นั่นคือเหตุผลที่เจ้าพยายามหลบเลี่ยงข้าแทนที่จะโจมตีงั้นหรือ?” ราชันมังกรเย้ยหยัน “บัวแดง หากเจ้าเคารพข้าในฐานะอาจารย์จริงๆ เจ้าควรยอมรับชะตากรรมและกลายเป็นเทพอมตะอีกครั้ง เราสามารถลืมอดีตและเริ่มต้นใหม่”

 

“ท่านอาจารย์ ข้าเข้าใจความตั้งใจของท่าน แต่ท่านไม่เข้าใจข้า” เทพปีศาจบัวแดงถอนหายใจ

 

ราชันมังกรยิ่งโกรธมากขึ้น “หากเจ้าไม่โจมตีข้าและไม่เปลี่ยนความคิด เช่นนั้นข้าก็จะฆ่าเจ้า”

 

“ไม่” เทพปีศาจบัวแดงสายศีรษะ “ท่านอาจารย์ หลังจากรับการโจมตีของท่านมานาน ตอนนี้ท่าไม้ตายอมตะของข้าพร้อมใช้งานแล้ว โปรดพิจารณา”

 

หลังกล่าวจบคํา ภาพมายาของสายธารแห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น

 

การแสดงออกของราชันมังกรเปลี่ยนไป “มันคือท่าไม้ตายใด?”

 

“มันเป็นท่าไม้ตายคู่ ข้าเรียกมันว่า อัญเชิญอดีต และสนับสนุนอนาคต ท่าไม้ตายนี้สามารถอัญเชิญผู้อมตะที่มีความใกล้ชิดกับผู้ใช้งานมาจากอดีตเพื่อสนับสนุนการต่อสู้ในอนาคต ตอนนี้ข้ากําลังใช้ท่าที่สอง นั่นคือสนับสนุนอนาคต” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มบาง

 

การแสดงออกของราชันมังกรกลายเป็นน่ากลัว เขาเต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้ากําลังท้าทายสวรรค์! ธรรมชาติปีศาจของเจ้าหยั่งรากลึกเกินไป! แล้วท่าไม้ตายแรกเป็นอย่างไร ใช้มันออกมา!”

 

“ท่าไม้ตายอัญเชิญอดีตจะปรากฏต่อหน้าท่านวันใดวันหนึ่งในอนาคต” เทพปีศาจบัวแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม