บทที่ 1718 การต่อสู้ที่วุ่นวาย

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1718 การต่อสู้ที่วุ่นวาย

 

สมรภูมิวังสวรรค์

 

การต่อสู้ปะทุขึ้นทั้งบนพื้นและบนท้องฟ้า

 

ประกายไฟแลบลั่น เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้อมตะของภาคเหนือต่อสู้กับผู้อมตะของวังสวรรค์อย่างดุเดือด

 

“บึ้ม!”

 

หมียักษ์สูญเสียไหล่ขวาของมัน เนื้อชิ้นใหญ่หายไปและเผยให้เห็นกระดูกไหล่ที่แตกหัก

 

มันร่วงหล่นลงสู่พื้นและหมดสติไปในที่สุด

 

ผู้อมตะภาคเหนือหัวเราะอยู่บนท้องฟ้า “ท่าไม้ตายอมตะสายฟ้าพลบค่ําของข้านูเอ๋อเปาซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ แม้เจ้าจะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ข้าเคยสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมาแล้วมากมาย ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งสายฟ้า เขาเคยเป็นนักฆ่าที่เหี้ยมโหดของภาคเหนือ เมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเผ่านูเอ๋อ เขาทําให้เผ่านูเอ๋อกลายเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของภาคเหนือทันที

 

แต่เสียงหัวเราะของนูเอ๋อเปาซ่งต้องหยุดลงเมื่อเสียงของผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งดังขึ้น “ถ้อยคําไร้ยางอาย ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หากมีความสามารถก็มาฆ่าข้า!”

“งี่เง่า!” นูเอ๋อเปาซ่งหันหลังกลับ แต่แสงสีแดงกลับระเบิดขึ้นด้านหน้าเขาอย่างกะทันหัน

 

เขาถูกส่งลงจากท้องฟ้า ร่างกายของเขาถูกเผาด้วยเปลวเพลิงสีแดง

 

“ถึงเวลาแล้ว จางเฟยซ่ง!” กู้กลิวรู่ตะโกนและชี้นิ้วออกไป

 

หมียักษ์จางเฟยซึ่งถูกช่วยชีวิต

 

“ฮีม ข้าชอบฆ่าคน ไม่ใช่ถูกช่วย” จางเฟยซ่งคําราม

 

“จางเฟยซ่งค่อนข้างน่าประทับใจ แม้เขาจะหมดสติแต่การเปลี่ยนแปลงของเขาก็ไม่หายไป” ผู้อมตะหญิงบนเส้นทางแห่งไม้ของวังสวรรค์หวังจื่อหงยกย่อง

 

นางยิงแสงสีชมพูไปที่ไหล่ของจางเฟยซึ่งก่อนที่ดอกไม้จะเติบโตขึ้นและเติมเต็มช่องว่างที่หายไป

 

“อืม!” บนท้องฟ้านูเอ๋อเปาซ่งกันเสียงเย็นเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของจางเฟยซึ่งได้รับการรักษา

 

ดวงแสงสีแดงปรากฏขึ้นและโจมตีนู๋เอ๋อเปาซ่งอีกครั้ง

 

เขาสะบัดเปลวเพลิงออกจากร่างและมองศัตรูคนใหม่ “เจ้าคือผู้ใด? ในฐานะสมาชิกวงสวรรค์ เจ้ากลับปกปิดตัวตนงั้นหรือ?”

 

ดวงแสงสีแดงบินไปรอบๆอยู่กลางอากาศและหัวเราะเสียงดัง นูเอ๋อเปาซึ่งทําได้เพียงมองดูมัน และไม่มีโอกาสโจมตี

 

“นั่นคือผู้อาวุโสจูชิวเอ๋อ นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง รูปแบบการต่อสู้ของนางสามารถต่อต้านนี่เอ๋อเปาซ่ง” เทพธิดาจื่อเว่ยมีความสุขเมื่อเห็นสิ่งนี้

 

จูชิวเอ๋อเป็นหนึ่งในผู้อมตะที่ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ

 

“ท่าไม้ตายอมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรทรงพลังเกินไป มันยังเรียกคนออกมาเรื่อยๆ” เทพธิดาจื่อเว่ยมองแท่นบูชาแห่งโชคและรู้สึกกังวล

 

“มันควรจะเป็นท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจบัวแดง ท่านราชันมังกรอาจรู้บางอย่าง” เทพธิดาจื่อเว่ยต้องการช่วยราชันมังกร

 

แต่ราชันมังกรอยู่ใกล้กับแท่นบูชาแห่งโชค หากเทพธิดาจื่อเว่ยต้องการช่วยเขา นางต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาล

 

“ก่อนหน้านี้เทพทั้งสองปรากฏตัวขึ้นในศาลาแห่งความเสียใจ ราชันมังกรถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า แต่ชีวิตของเขาไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย”

 

“ข้ายังมีภารกิจอื่น ข้าจะมอบที่นี่ไว้กับผู้อาวุโสที่ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ ข้าต้องปกป้องผู้อาวุโสเจิ้งหยวน เขาเป็นหนึ่งในกุญแจสําคัญของการต่อสู้ครั้งนี้!”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตัดสินใจ นางต้องดูแลภาพรวมทั้งหมด

 

ผู้อมตะของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาปั้นชายผิวเข้มที่มีดวงตาแหลมคม เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งโลหะของเผ่าเย่หลิว เย่หลิวเกา

 

เย่หลิวเกาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่ม เขามีธรรมชาติที่ดุร้ายและมองการณ์ไกล เขามักมองเห็นองค์ประกอบที่สําคัญที่สุดของการต่อสู้ ในการแข่งขันชิงตําแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ เขาต่อสู้เพียงลําพังและสามารถสังหารผู้นําของฝ่ายตรงข้ามภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย

 

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ เขาปล้นแหล่งทรัพยากรหลายแห่งโดยมุ่งเป้าไปยังจุดอ่อนของศัตรู เสมอ ในฐานะผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายพอๆกับสมาชิกฝ่ายปีศาจ แต่ชื่อเสียงของเขาเปลี่ยนไปหลังจากเขาบรรลุระดับแปด ทุกคนในภาคเหนือต่างหวาดกลัวเขา ข้อกล่าวหาทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นคํายกย่องสรรเสริญ

 

หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เมื่อเผชิญหน้ากับเย่หลิวเกา นางรู้สึกราวกับตนเองเป็นกระต่ายที่ตกเป็นเป้าหมายของเหยี่ยว

 

นางเร่งล่าถอยและหายตัวไปท่ามกลางวิหารมากมาย

 

“บัดซบ! กําแพงปราณ!” เย่หลิวเกาหงุดหงิด

 

เขาสามารถตรวจจับจุดอ่อนของศัตรูและกําหนดเป้าหมายได้อย่างแม่นยํา

 

นี่คือพรสวรรค์ตั้งแต่กําเนิดของเขา

 

แต่แผนการของเขากลับถูกทําลายโดยกําแพงปราณของเทพอมตะแรกกําเนิดที่ทิ้งไว้ในวังสวร

 

กําแพงปราณสามารถแยกแยะมิตรและศัตรู มันไม่ได้ขัดขวางสมาชิกของวังสวรรค์

 

สําหรับผู้อมตะภาคเหนือ พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวอยู่บนเส้นทางของเทพปีศาจไร้ขอบเขตเท่านั้น

 

สถานที่สําคัญหลายแห่งเช่นสุสานอมตะของวังสวรรค์ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาโดยกําแพงปราณ ผู้อมตะภาคเหนือไม่สามารถไปที่นั่น

 

แต่ในสนามรบ ฝ่ายผู้อมตะภาคเหนือยังมีความเหนือกว่า สมาชิกวงสวรรค์ต้องล่าถอยเข้า ไปในกําแพงปราณเป็นครั้งคราว

 

“ผู้อมตะของเราพึ่งตื่นขึ้น พวกเขาขาดวิญญาณอมตะที่เหมาะสม นั่นทําให้พลังการต่อสู้ของ พวกเขาลดลงอย่างมาก” เทพธิดาจื่อเว่ยกังวล

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์จะมอบวิญญาณอมตะของพวกเขาให้วังสวรรค์ก่อนจะเข้าสู่การจําศีล ด้านหนึ่ง วังสวรรค์ต้องการทรัพยากร อีกด้านหนึ่ง วิญญาณอมตะจําเป็นต้องได้รับอาหาร

 

วิญญาณอมตะส่วนใหญ่มักถูกนําไปสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ บางส่วนจะถูกแจกจ่ายไปยังสิบนิกายโบราณ ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาของฟงจิวเก้อ มีวิญญาณอมตะเพียงไม่กี่ดวงที่ถูกเก็บไว้ในคลังสมบัติของวังสวรรค์

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์ล้วนเป็นตัวตนระดับสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับแปด แต่โดยปราศจากวิญญาณอมตะ พวกเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังอํานาจที่แท้จริงออกมา แม้พวกเขาจะมีพลังงานอมตะจํานวนมาก พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์

 

ในทางตรงข้ามถ้ําสวรรค์นิรันดรสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตของเทพปีศาจบัวแดง มันสามารถก้าวข้ามรากฐานที่วังสวรรค์สะสมมานาน

 

ราชันมังกรเต็มไปด้วยความโกรธ

 

ในช่วงเวลาสําคัญ เขากลับไม่สามารถเคลื่อนไหว เขาทําได้เพียงเฝ้ามองการต่อสู้เท่านั้น

 

สิ่งสําคัญที่สุด ผู้ที่ทําให้เกิดสถานการณ์นี้คือศิษย์รักของเขาในอดีต เทพปีศาจบัวแดง!