เมื่อได้ดูเสี่ยวเฟิงผู้ซึ่งมีศรีษะอีกครึ้งหนึ่งอยู่ข้างนอก หญิงสาวสวยก็ดูเหมือนจะละอายใจและไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไง
ทันใดนั้น เธอก็มองไปทางอื่นเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นแล้วลุกขึ้นและจากไปอย่างเงียบๆ
“นี่มันแปลกมาก จะมีผู้เล่นอยู่ที่นี้ได้อย่างไรกัน? มันต้องเป็นเพราะฉันเห็นภาพลวงตาแน่ๆ ใช้ไหม? เสี่ยวหั๋วะ เราไปที่อื่นกันเถอะ”
ปากของเสี่ยวเฟิงถูกฝั่งอยู่ในบึงไปหมดแล้วดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้เลย ไม่อย่างนั้น เขาก็จะต้องกลืนโคลนที่เต็มไปด้วยดินและมีกลิ่นเหม็นพวกนี้เข้าไปในปากของเขา สิ่งที่เขาสามารทำได้คือ จ้องไปที่หลังของผู้เล่นสาวสวยด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวและแก้ไขข้อความด้วยความไม่พอใจ
“อีบ้า! อย่างให้ฉันเจอหาเธอเจอนะ!”
ด้วยเงามีเสน่ห์ ผู้เล่นสาวสวยก็เดินเร็วขึ้น เธอไม่บ่นจนกระทั้งเธออยู่ห่างออกไป
“สมน้ำหน้า ใครอนุญาติให้นายมาดึงความนิยมของฉัน?”
“และนายก็ตัวหนักเกินไปจริงๆ ดังนั้นมันไม่ใช้เรื่องของฉันุหากนายถูกช่วยขึ้นมาไม่ได้”
“และนอกจากนั้น ไม่ใช้ว่านายแข็งแกร่งมากขนาดนั้นหอร? มันไร้ประโยชน์จริงๆ ที่นายติดอยู่ในบึงแบบนั้น”
ผู้เล่นสาวสวยคนนี้ ก็คือ เทพธิดาของประเทศคนหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า ชูเมิ๋งหยิง แต่เสี่ยวเฟิงเคยเห็นเธอใน ทีวี แค่ครั้งเดียวตอนที่เขาดูทีวีกับเสี่ยวหลิง ดังนั้นเขาจึงจำเธอไม่ได้เมื่อเขาเห็นเธอในตอนแรก
เสี่ยวเฟิง เอาหน้ากากออกก่อนที่เขาจะอยู่ด้านนอกเมืองเตียนหลง แต่ต่อมาเขาก็ลืมที่จะใส่มัน ดังนั้น ชูเมิ๋งหยิง ที่เห็นการใช้ชีวิตปกติของเสี่ยวเฟิงในเกม จึงจำเสี่ยวเฟิงได้ทันที
ในวงแหวนเคลื่อนย้ายของเมืองเตียนหลง เสี่ยวเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นในแสงวาบสีขาว ในโลกเสมือนจริงอันนี้ ไม่มีการคลิกเพื่อใช้ถ้าคุณต้องการใช้คัมภีร์ย้อนกลับ แต่ต้องทำการขย้ำตัมภีร์นั้นเท่านั้น มันใช้เวลานานสำหรับเสี่ยวเฟิงก่อนที่เขาจะทำการกระทำนั้นสำเร็จในบึ้ง
“เห้ย! อะไรเนี่ย! เหม็นจังวุ้ย!”
เมื่อเสี่ยวเฟิง ปรากฏตัวขึ้น ผู้เล่นที่อยู่ใกล้กับวงแหวนเคลื่อนย้ายก็รีบออกห่างจากตัวเขา ทุกคุณปิดจมูกของพวกเขาออกห่างจากเสี่ยวเฟิงด้วยสายตาอันรังเกียจ
ในตอนนี้ จมูกของเสี่ยวเฟิง ก็เต็มไปด้วยโคลนดำที่มีกลิ่นเหม็น ขนาดเขาเองยังทนไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ
ด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว เสี่ยวเฟิงดูเหมือนจะมืดกว่าโคลนดำบนร่างกายของเขาเสี่ยอีก เขาเดินดุ่มๆ ไปยังโรงแรม ในขณะที่ผู้เล่นที่อยู่ตามทางต้องออกห่างจากทางเดินและหวาดกลัวเมื่อมองเห็นเขาเดินมา
“หืม?”
โดยบังเอิญ ไนท์คูเออร์ ก็อยู่ในเมืองเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงบังเอิญเจอกับเสี่ยวเฟิง เธอจำเขาไม่ได้ในตอนแรกที่เธอเห็นเขา จนเธอมองเขาเป็นครั้งที่สองเธอจึงสะดุ้งตกใจ
“มองอะไร? เธอไม่เคยเห็นคนหล่อๆ รึไง? เฮ้!” เสี่ยวเฟิงไม่ได้รับอากาศที่ดี แต่ในทันทีที่เขาเปิดปากของเขา เขาก็กลื้นโคลนสีดำลงไปอย่างไม่ตั้งใจซึ่งทำให้เขาพ่นมันออกมาอยู่ครู่หนึ่ง
ปล่อย ไนท์คูเออร์ ที่ดูท่าทางแปลกไป เสี่ยวเฟิงก็เดินเข้าไปใน โรงแรมของ NPC เพื่อที่จะเช็คอินและเริ่มอาบน้ำ
“ไม่ นายมาทำอะไรที่นี่?” หลังจากเวลาสองนาทีผ่านไป เสี่ยวเฟิงก็ได้รับสายโทรเขาจาก ไนท์คูเออร์ และเขาก็สามารถมองเห็นรอยยิ้มอันน่าหดหู่ของเขาเอง
“ไม่ต้องมายุ่ง” เสี่ยวเฟิงไม่คุยกับเธอ และล้างโคลนสีดำด้วยน้ำด้วยแรงของผู้ชาย
“นายเคยดูน่าเกรงขามหลังจากที่นายโกง ดูมส์เดย์ลีค ไม่ใช้หรอ?นายได้สิ่งนี่มาได้ไง? โดนล้างแค้นงั้นหรอ?” ไนท์คูเออร์ ได้จุดประกายความปรารถนาที่จะได้ยินข่าวซุบซิบ และคอยถามคำถามเขา แน่นอน เธอไม่เว้นเสียงหัวเราะของเธอ”
“ไปให้พ้น! ฉันเกลียดผู้หญิงแล้วนะตอนนี้!”
เสี่ยวเฟิงวางสายทันที แล้วถอดอุปกรณ์ส่วมใส่ของเขาออกแล้วล้างมันต่อ แม้ว่าโคลนดำจะถูกล้างออกไปแล้ว เขาก็ยังรู้สึกเหม็นร่างกายของเขาอยู่
“นายได้มันมาจากผู้หญิงคนหนึ่งหรอ? ใครมันจะแข็งแกร่งขนาดนั้นกัน?”
ไนท์คูเออร์ ยังคงโทรหาเขาครั้งแล้วครั้งเหล่าด้วยหินประหลาด
“อย่ามายุ่งสิ! เธออยากได้ยินเสียงอ่างอาบน้ำของฉันหรอ? ฉันจะเอามันให้เธอดูก็ได้นะถ้าเธออยาดดู! เธออยากดูไหมละ?”
“ไอคนระยำ!”
ครั้งนี้ ไนท์คูเออร์ เป็นฝ่ายวางสายไปก่อน และเลิกยุ่งกับเสี่ยวเฟิงไปในที่สุด
เสี่ยวเฟิงล้างตัวเองอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะออกมาจากห้องน้ำ โชคดีที่เขากลับมาสะอาดอีกครั้ง เพราะว่าเขาได้ถอดอุปกรณ์ของเขาออกและนำไปใส่ไว้ในช่องว่างในกระเป้าของเขาไปแล้วก่อนหน้านี้ มันถูกทำให้เหมือนใหม่อีกครั้งเมื่อมันถูกนำออกมาอีกครั้งหนึ่ง เขาต้องทำเพียงล้างกลิ่นพวกนี้ออกจากตัวเขา
เขาทำต่อและเดินทางกลับไปที่ เกร เพลน เขาก็เลี้ยวเป็นวงกลมอย่างดุร้าย โชคไม่ดีที่เขาไม่พบผู้เล่นสาวคนนั้น ไม่อย่างนั้นหล่อนก็คงจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
ในท้ายที่สุด เสี่ยวเฟิงก็กลับไปยังสถานที่ที่เขาได้ล่นลงไปในบึง เขามองไปยังสถานที่ที่เขาเคยจมลงไปก่อนหน้านี่และมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง และในที่สุดเขาก็พบกับทางเข้าไปยังหนองน้ำ
จากนั้น เสี่ยวเฟิงก็เจอกับบอสออร์ตที่ กัปตันโบลตัน พูดถึง แต่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นหดหู่อีกครั้งหลังจากที่เขาเจอมัน
ออร์คบึง
ระดับ: 25
ธาตุ: ธรรมชาติ
เกรด: บอสระดับสูง
HP: 19000/19000
ค่าพลังโจมตี: 285-305
ค่าความฉลาด: 99-110
ค่าพลังป้องกัน: 108-120
ค่าพลังป้องกันเวทมนตร์: 80-85
ทักษะ
ทุบพื้นดิน เท้ากระทืบสงคราม รักษาช้า เสียงกรีดร้องแห่งความคลั่ง คลั่งระดับสูง ฆ่ากระหนำ
คำอธิบาย: สัตว์ประหลาดทรงพลังเกิดในบึงสีเทา จะแข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมแบบนั้น
ความพิเศษ: บอสระดับสูง พลังโจมตีและพลังป้องกันอันมหาศาล เสริมด้วยการโจมตีทั้งทางทางกายภาพและเวทย์มนตร์ พลังป้องกันที่ดีขึ้นต่อความเสียหายทางมานา
มันคือบอสแน่นอน แต่ธาตุของมันไม่เป็นธาตุมืดแต่เป็นธาตุธรรมชาติ เสี่ยวเฟิงแช่ง กัปตันโบลตัน ในใจของเขาแล้วเขาก็หันและเดินจากไป
มันไม่ใช้เพราะว่าเขาไม่สู้กับบอสตัวนี้ไม่ไหว แม้ว่าเลเวลมันจะสูงถึง 25 ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะโดนฆ่าอยู่ดี สำหรับเสี่ยวเฟิงในตอนี้ เขาสามารถทำให้มันเหนื่อยและฆ่ามันได้ตราบเท่าที่เขาสามารถขัดจังหวะของบอสได้
แต่ปัญหานั้นอยู่ในกระบวนการการต่อสู่ที่กินระยะเวลานาน ด้วยความสามารถในการต่อตัวคนเดียวกับบอสตัวนี้ เขาก็ไม่อยากจะเสียเวลา มันจะใช้เวลานานมากเกินไป สำหรับเขาที่ม่ใช่อาชีพ DPS
โดนล้อมรอบไปด้วยภูมิภาพที่เต็มไปด้วยหนองน้ำและบึง เสี่ยวเฟิงนั้นกลัวนิดหน่อย สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิงเข้าใจถึงเหตุผลบางข้อที่ทำไมบอส ออร์ค ถึงทรงพลังขึ้นในภูมิประเทศนี้
ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวเฟิงจุงสามารถพึ่งอะไรไม่ได้นอกจากผลพิเศษของสกิล พลังแห่งพระเจ้า ในการล่าสังหารบอสมีธาตุมืด เพื่อที่เขาจะมั่นใจในประสิทธิภาพที่เขาต้องการ ก่อนจะถึงวันพรุ้งนี้ เขาต้องสังหารอีกไม่กี่ครั้งเพื่อหาอุปกรณ์ระดับสูงเพิ่มสองสามชิ้น
แต่เสี่ยวเฟิงรู้อย่างแน่นอนว่า บอสผีดิบระดับสูงนั้นอยู่ที่ไหน มันอยู่ในดันเจี้ยนใต้ดินที่อยู่ใต้ภูเขาโครงกระดูก ในสุสานใต้ที่แสงส่องเข้ามาถึงแค่ชั้นแรก เสี่ยวเฟิงมองเห็นการมีอยู่ของบอสหลายตัวเมื่อตอนที่เขาไปเยือนที่นั้นครั้งล่าสุด แต่เหมือนเดิม ความซับซ้อนของแผนที่นั้นยิ่งใหญ่มากจนเสี่ยวเฟิงไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบซี้ซั้ว
แต่ตอนนี้ มีแผนที่ที่นั้นเท่านั้นที่มีบอสผีดิบอยู่จำนวนมาก และนั้นก็ตรงกับความต้องการของเสี่ยวเฟิง
เสี่ยวเฟิงไม่รู้อะไร แต่ก็กลับมายังเมืองเตียนหลง หนึ่งครั้ง หลังจากที่เขาซื้อกระเป๋ายาต่างๆ เขาก็รีบไปที่เมืองใต้ดินทันทีและพร้อมที่จะฆ่ามอสเตอร์จำนวนมากกว่าเดิมในที่นั้น ด้วยความสามารถของเขา เขาจะไม่ถูกฆ่าอย่างง่ายได้ในทันที่ที่เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง นอกจากนั้นแล้ว ทักษะช่วยชีวิตของเสี่ยวเฟิงก็ยังคงแข็งแกร่ง และส่วมใส่ไว้ด้วย ต่างหูระดับ อิมมอเทล และวงแหวนแห่งชีวิต
เริ่มแรกเขาก็ใช้วงแหวนเคลื่อนย้ายและมาถึงเมืองที่อยู่ใกล้เขาภูเขาโครงกระดูกมากที่สุด แล้วเขาก็ขี่ม้าจูจูเบย์ ไปยังภูเขาโครงกระดูก
ถว่า เมื่อมองไปที่ จูจูเบย์ เสี่ยวเฟิงก็รู้สึกหว่าวุ่นเล็กน้อย เมื่อเขาได้นึกถึง ซื๋ออี้ ที่มีม้าเหงื่อโลหิตที่มีระดับสูงกว่าม้าของเขา ดังนั้นเขาจีงต้องการม้าที่ดีกว่านี้
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋ก็กันเขาไว้จากการใช้งานสัตว์เลี้ยง ฉนั้น อย่างน้อยเขาก็จำเป็นที่จะต้องหาสัตว์ขี่ที่ดีกว่านี้ให้ได้ ถ้าให้พูดถึงรายชื่อปัจจุบันของเขต Huaxia จะมีก็แต่รายชื่อสัตว์ขี่เท่านั้นที่ไม่ได้บันทึกชื่อของเขา
รายชื่อสัตว์ขี่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยใครบ้างคงมานานแล้ว แต่เมื่อเสี่ยวเฟิงเปิดรายชื่อนั้นขึ้นมามั่วๆ ก็มีสัตว์ที่เยี่ยมยอดเพียงสามตัวเท่านั้นที่อยู่อันดบต้นๆ หนึ่งในนั้นคือ หมูป่า
สัตว์ขี่สามารถเพิ่มค่าสถานะหลักให้กับผู้เล่น และสัตว์ขี่บางตัวก็ยังมีสกิลอีกด้วย แม่ว่าพวกมันจะไม่ดีเหมือนกับสัตว์เลี้ยงปกติที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับผู้เล่น ค่าสถานะหลักนั้นก็มีประโยชน์กว่าในหลายๆ ครั้ง
ดังนั้นเสี่ยวเฟิงจึงคิดเกี่ยวกับมัน ใหหมู่สัตว์ขี่ที่เขาเคยเห็น มีเพียงม้ายูนิคอนร์ศักดิ์สิทธิ์ของ กัปตันโบลตัน ที่มีปีกและดูเหมือนจะบินได้เท่านั้นที่ดูเท่ที่สุดซึ่งนั้นทำให้เสี่ยวเฟิงมีความคิดบ้างอย่าง เขาวางแผนที่จะกลับไปและถาม กัปตันโบลตัน ว่าเข้าได้ม้ายูนิคอนร์ศักดิ์นั้นมาจากที่ไหน ถึงอย่างไรเขาก็เป็น อาร์ชบิอปแห่งแสง มันดูไม่สมเหตุสมผลที่จะบอกว่า วิหารแห่งแสง ไม่ได้จัดหาสัตว์ขี่ให้กับเขา
ทหารโครงกระดูกในหุบเขาโครงกระดูกจำนวนมากกว่าเดิมถูกฆ่า แต่ยังมีทหารโครงกระดูกอยู่อีกเป็นร้อยตัว เสี่ยวเฟิงจะไม่ปล่อยให้ ค่าประสบการณ์พวกนี้ หลุดมือไปและเขาก็ได้รับมันมาอย่างไม่ยาก และจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสุสานเมืองใต้ดิน
“เฮ้! คุณได้เข้าสู่สุสานเมืองใต้ดิน”
เมื่อกลับมาที่สุสานเมืองใต้ดิน เขาก็มองเห็นดันเจี้ยนเมืองใต้ดินที่โอ่อ่า แต่เมืองมองไปรอบๆ เขาก็เห็นมอนสเตอร์ผีดิบหลายชนิดที่มีเลเวลตำสุดอยู่ที่ เลเวล 20 พวกมันส่วนใหญ่เป็นเครื่องหมายคำถาม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นเลเวลของพวกมันได้และเขาก็มองเห็นบอสอยู่เต็มไปหมดทุกที่
แต่สิ่งนี้ก็ยังหมายถึงอุปกรณ์ส่วมใส่ระดับสูงและค่าประสบการณ์จำนวนมาก อย่างที่เขาพูดกันว่า ในความเสี่ยงมีโอกาสอยู่เสมอ
เสี่ยวเฟิงตรวจสอบสเบียงในกระเป๋าเป่ของเขา จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ และเปลี่ยนไปใช้คทารักษาและสกิลโฮลี่ไลท์ เมื่อเขาเล็งเป้าหมาย ไปยังเหล่า มอนสเตอร์ผีดิบที่สามารถมองเห็นด้วยตา ทั้งหมดในชั้นแรกของดันเจี้ยนเมืองใต้ดินเสร็จ อุปกรณ์ทั้งสองชิ้นก็ปล่อยพลังออกมา เหมือนกับทะเลสีทองที่กวาด ลงมา
“โฮกก!”
ภายในพริบตา วิญญาณผีดิบเป็นพันๆ ตัวที่เคยอยู่อย่างเงียบเฉียบ ก็ก่อความอลหมานขึ้นและหันไปหน้าทางเข้าของดันเจี้ยนเมืองใต้ดินพร้อมๆ กัน ลูกไฟวิญญาณจำนวนนับไม่ท้วนมีสีเขียววาว กำลังจ้องไปที่เสี่ยวเฟิง
“-1023!”
“-892!”
“-2071!”
“-4087!”
“-697!”
“-984!”
…
ฝูงตัวหนังสือดาเมจลอบขึ้นมาราวกับเมฆสีแดง ในขณะที่มอนสเตอร์หลายตัวก็วิ่งเข้าหาเสี่ยวเฟิงเช่นเดียวกันน ถว่า ก่อนหน้านี้ ยังเหลือการโจมตีจากระยะไกลอยู่บนทองฟ้ามากมาย
ฮึมม!”
เมื่อได้หายใจเข้าลึกๆ และตัวพองเหมือนกับปลาแล้ว เสี่ยวเฟิงพุ่งทยาน ทะลุผ่าน ระลอกของเหล่ามอนสเตอร์
“-36!”
“-27!”
“-48!”
ถว่าภายในพริบตา ตัวหนังสือดาเมจสามตัวก็เด้งขึ้นบนศรีษะของเสี่ยวเฟิง และเลือดของเขาลดลงเกือบถึงครึ้งในทันที
สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิงต้องคมวดคิ้ว เขาสามารถหลบการโจมตีของ โบน เฟรทเชอร์ ได้ด้วยสภาพภูมิประเทศของที่นี้ แต่การโจมตีของวิญญาญผู้หญิงนั้นคล้ายๆ กับการโจมตีของลูกไฟวิญญาณที่ละเว้นสภาพของ๓ุมิประเทศ การโจมตีนั้นไม่สามารถทะลุผ่านมอนสเตอร์ตัวอื่นได้ แต่มันทะลุผ่านกำแพงได้ ซึ่งทำให้มันเป็นอันตรายอย่างมากกับตัวเขาที่ไม่ทันระวังตัว
หลังจากที่ได้เงยศรีษะของเขาเพื่อกระดกดื่ม เฮ็ลท์โพชั่นระดับกลางและมานาโพชั่นระดับกลางในเวลาเดียวกันแล้ว เสี่ยวเฟิงก็มองไปรอบๆ และเอาตัวเขาออกห่างจากการโจมตีของมือหอกแมงป่องสองคนอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ เสี่ยวเฟิงไม่อยากจะเพิ่ม พรอาวุธให้กับตัวเขาเอง เพราะว่าสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ไม่ใช้การโจมตี แต่คือการเอาตัวรอดจาก คลื่นมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นเขาก็จะต้องรอเวลาคูลน์ดาวน์ของสกิล โฮลี่ไลท์ เพื่อที่จะใช้ผลพิเศษของสกิล พลังแห่งพระเจ้า เพื่อการต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้
ชั้นของคลื่นมอนสเตอร์พุ่งขึ้นในชั้นใต้ดินของดันเจี้ยนใต้เมืองซึ่งเมืองกับจุดหนาสีดำที่ดูคล้ายกับฝูงมด แต่บนหยอดของคลื่นนั้นคทอเสี่ยวเฟิงที่วิ่งด้วยความบ้าคลั่ง มีมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในทุกชั้นของดันเจี้ยนเมืองใต้ดินและพวกมันทั้งหมดก็ถูกเสี่ยวเฟิงทำให้เดือดดาล
แต่ว่า HP ของเสี่ยวเฟิงนั้นก็ลดลงเป็นครั้งคราวเช่นกัน มีการโจมตีเกิดขึ้นและคลื่นของเหล่ามอนสเตอร์มากเกินไป ถึงแม้เสี่ยวเฟิงจะใช้ภูมิประเทศของดันเจี้ยนในการหลยการโจมตีมากมาย เขาก็ยังโดนการโจมตีพวกนั้นอยู่ในบ้างครั้ง เสี่ยวเฟิงจะกินยาบ้างส่วนหากเขา HP ของเขาลดลง เมื่อเขาโดนโจมตีพร้อมกันหลายครั้งหรือเขาถูกบอสสัมผัสเท่านั้น เสี่ยวเฟิงถึงจะจงใจเพิ่มสกิลโฮลี่ไลท์ให้กับตัวเอง และสกิลโฮลี่ไลท์หลายอันก็ถูกใช้ไปในการโจมตี เมื่อใดก็ตามที่เวลาคูลดาวน์หมดลง ก็จะมีบ้างส่วนของเมฆสีแดงลอยขึ้นมาในคลื่นที่แปลกประหลาดอันนี้