สกิลโฮลี่ลไท์สามารถใช้งานได้มากที่สุดสองครั้งภายในหนึ่งนาที ถึงแม้ว่าคทารักษาจะสามารรถช่วยลดคูลเวลาดาวน์ได้หกวินาที ถ้าเป็นแบบนั้นเสี่ยวเฟิงก็ส่งนามบัตรของเขาเพื่อคว้าเวลา

 

แต่การลดลงของ HP ที่เกิดจากสกิล โฮลี่ไลท์ จะถูกคำนวณตามเปอร์เซ็นทีกำหนด โดยทั่วไปแล้ว เวลาห้านาทีนั้นก็พอที่จะเก็บกวาดแหล่งก่อสร้างต่างๆ สำหรับเกมเกมหนึ่ง

 

แต่ในสถานการณ์จริงเมื่อผ่านไปสิบนาที สำหรับคลื่นมอนเสตอร์ในดันเจี้ยนเมืองใต้ดิน แม้พวกที่มี HP เหลืออยู้น้อยที่สุดก็ยังคงเหลือ HP อยู่ครึ่งหนึ่ง

 

ถ้าไม่เหลือโฮลี่ไลท์ให้กับเขาเพื่อการรักษา HP ของเขา เสี่ยวเฟิงก็คงตายไปแล้วในเกม

 

“ซิซิ!”

 

ศรกระดูกสองลูกบินผ่านหูทั้งสองข้างของเสี่ยวเฟิง แต่พวกมันก็ถูกเขาหมุนกลับทันที มีพื้นที่ไม่มากให้เสี่ยวเฟิงหนีเพราะคลื่นมอนสเตอร์กำลังไล่ตามมตัวเขามาข้างหน้าในขณะที่การโจมตีที่หลายหลายก็เข้าปกคุลมตัวเขาอย่างหน่าแน่นจากระยะไกล ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถที่จะหนีออกไปได้โดยไร้รอยขีดขวนได้

 

“วูมม!”

 

“-83!”

 

ลูกบอลไฟวิญญาณโดนหลังของเสี่ยวเฟิง แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะว่ามันมาจากมุมอับ ตัวหนังสือดาเมจลอยขึ้นบรศรีษะของเสี่ยวเฟิงในทันที

 

นั้นคือบอส เนเทอร์แบนชีร์ ที่ไม่สามารถมองเห็นเลเวลของมันได้ แต่เนื่องจากมันเป็นบอสที่โจมตีจากเวทมนตร์ระยะไกล มันจึงเป็นอันตรายอย่างมากกับตัวของเสี่ยวเฟิง

 

เสี่ยวเฟิงเพิ่มจะใช้สกิลโฮลี่ไลท์ให้กับตัวเอง ในขณะที่เขากำลังดื่มมานาโพชั่นไปพร้อมกัน แบบนี้แล้ว เขาก็จะดึงเอา Mana ที่เหลืออยู่ครึ้งหนึ่งกลับมาได้นิดหน่อย

 

ในตอนนี้เสี่ยวเฟิงก็ค้นพบอุปกรณ์ส่วมใส่ที่มีประโยชน์ที่สุดบนร่างของเขา นั้นคือสร้อยคอของเขา ฟันแหลมของหมาป่า แม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ส่วมใส่ธรรมดาระดับสีเชียว การฟื้นตัวของ HP และมานา 1% ก็เป็นหนทางของการฟื้นฝูนอกเหนือจากยาโพชั่น

 

เมื่อใดที่แต้มการฟื้นฟูของยาโพชั่นระดับกลางนั้นต่ำกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ผลการฟื้นฟูของ ฟันแหลมของหมาป่า ก็จะช่วยเสี่ยวเฟิงรับมือกับเหตุฉุกเฉินหลายอย่าง

 

สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิง ต้องการจะอัพเดตอุปกรณ์ส่วมใส่ที่เลเวลต่ำเกินไปสำหรับเขา บนร่างของเขา และมันก็เกือบที่จะจำเป็นต้องนำออกไป

 

แต่ว่า เสี่ยวเฟิงก็มักจะข้ามขั้นเพื่อโจมตีมอนสเตอร์อยู่แพอุปกรณ์ส่วมใส่ที่เขาได้รับก็ยังอยู่ในระดับสูงอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพกพวกมันไปด้วยได้ สืง่นี้ค่อนข้างจะเป็นปัญหาสำหรับเขา

 

ดังนั้นเมื่อเขาคิดอีกครั้งหนึ่ง เสี่ยวเฟิงก็วางแผนที่จะอัพเกรดอูปกรณ์ของเขาเมื่อเขาหมดภาระกับ เฉียนโตวโตว แล้ว

 

เป้าหมายของเขาคือ โซนเลเวล 15 เข้าเกือบจะถึงเลเวล 15 แล้ว โซนเลเวล 15 พอดีจะสามารถผลิตอุปกรณ์ระดับเงินชิ้นหนึ่งและอุปกรณ์ระดับทอง แค่ของระดับหายากก็สามารถแทนที่ของส่วมใส่ของเสี่ยวเฟิงในตอนนี้ได้แล้ว

 

“กิ๊ง! เลเวลของสกิลโฮลี่ไลท์ของคุณ ได้ถูกเลื่อนขั้นเป็นระดับ 2”

 

เดอะ โฮลี่ ไลท์ (ระดับกลาง: 0/500)

 

ผลพิเศษ: เพิ่มแต้ม HP ให้กับสัตว์ประหลาดที่เป็นมิตรในทันที และแต้มการรักษาก็คือ (10 เปอร์เซ็นของ HP สูงสุดของเป้าหมาย + ค่าพลังจิตวิญญาณของตนเอง)

 

ระยะเวลาคูลดาวน์: 30 วินาที

 

แต้ม Mana ที่ต้องใช: 15 แต้ม

 

หลังจากที่ยืดเยื้อยอยู่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เสี่ยวเฟิงก็ได้ยินเสียงปี๊บเตือนของระบบรายงานว่าสกิล โฮลี่ ไลท์ ได้รับการอัพเกรดแล้วในที่สุด ในขณะที่มีชิ้นส่วนของจุดที่เหลือปรากฏขึ้นในคลื่นของมอนสเตอร์

 

สกิลโฮลี่ไลท์ เป็นสกิลแรกของเสี่ยวเฟิงและก็เป็นสกิลที่ถูกใช้มากที่สุดด้วนเช่นกัย มันจึงไม่น่าแปลกใจนักสำหรับเขาที่มันจะเป็นสิ่งแรกที่ได้รับการอัพเกรด แต่เขาก็เชี่ยวชาญในการใช้งานสกิลที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายสกิลอื่นเช่นกัน

 

สกิลโฮลี่ไลท์ที่ได้การอัพเกรดยังมีเเวลาคูลดาวน์เท่าเดิมและแต้มรักษาพื้นฐานเท่าเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเดียงคือ จำนวนเปอร์เซ็นเพิ่มจาก 10% เป็น 15% ซึ่งก็หมายความว่าความเสียหายต้อธาตุมืดก็เพิ่มขึ้นไปเป็น 15% เช่นกัน

 

นี่คือการอัพเกรดที่ดีมาก!

 

เสี่ยวเฟิงหันกลับไปในทันที และใช้สกิลโฮลี่ไลท์ระดับกลางที่เพิ่งหมดเวลาคูลดาวน์ไป แสงสีทองได้เข้าปกคลุมอีกครั้งและแทลงใส่มอนสเตอร์ในสายตา

 

“กิ๊ง! คุณสังหาร มือหอกกระดูก เลเวล 25 และได้รับค่าประสบการณ์ 500 แต้ม”

 

“กิ๊ง! คุณสังหาร มือธนูกระดูก เลเวล 25 และได้รับค่าประสบการณ์ 500 แต้ม”

 

“กิ๊ง! คุณสังหาร เดมอนแบนชี ระดับสูงเลเวล 20…

 

“กิ๊ง!”

 

 

หน้าจอเตือนของระบบจำนวนมากปรากฏขึ้นในพริบตา ถ้ามองไปรอบๆ ภายใต้ตัวเลขดาเมจที่หนาแน่นและเป็นจุดๆ เหมือนกับควันสีแดง HP ของเหล่ามอนสเตอร์ที่ก่อตัวกันเป็นคลื่นที่อยู่จุดที่ต่ำสุดก็ได้หมดลงไปแล้วและร่างทั้งหลายก็เปลี่ยนเป็นโครงกระดูกที่ผุพังและเติมเต็มไปทั้งห้องโถงขนาดใหญ้

 

“กิ๊ง! เลเวลของคุณได้ถูกเลื่อนขึ้นไปสู่เลเวล 14 และคุณได้รับแต้มสถานะฟรี หนึ่งแต้ม”

 

ในเวลาเดียวกัน ค่าประสบการณ์จำนวนมากก็ได้แปลงผลเป็น แสงที่เลื่อนขั้นขึ้นรอบตัวเสี่ยวเฟิง และในที่สุดเขาก็ได้มาถึงเลเวล 14

 

เสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาได้ฆ่ามอนสเตอร์ไปกี่ตัว แต่พวกมันมีอยู่เป็นพันตัวอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลื่อนขั้นได้แบบนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกนี่ก็ไม่ใช้ทั้งหมด แม้ว่ามอนสเตอร์ที่ก่อตัวกันเป็นคลื่นจะถูกทำให้หายไปแล้วสื่งที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่น้อยอยู่ดี

 

ผลพิเศษของสกิลพลังแห่งพระเข้าสามารถทำงานได้เฉพาะกับเป้าหมายที่อยู่ในสายตาเท่านั้น สำหรับมอนสเตอร์เหล่านี้ที่ไม่ได้อยู่ในสายตาในตอนเริ่มเพราะถูกบดบีงไว้ด้วยกำแพงหรือด้วยมอนสเตอร์ตัวอื่น ผลพิเศษของพลังแห่งพระเข้าก็จะไม่สามารถใช้งานได้

 

เพราะฉนั้น เสี่ยวเฟิงก็ไม่สามารถกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดได้ในคราวเดียวกัย มอนสเตอร์ที่ไล่ตามเข้าอยู่และอยู่ในสายตาของเสี่ยวเฟิงเท่านั้นที่จะสามารถถูกำจัดได้เหมือนมอนสเตอร์กลุ่มแรก

 

แต่ว่า แม้ว่าจำนวนของคลื่นมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่นั้นจะมีมากมาย ส่วนน้อยของพวกมันเท่านั้นที่มี HP ไม่มาก และพวกมันส่วนใหญ่ก็มี HP ไม่เต็ม การเก็บกวาดพื้นที่ก่อนหน้านี้ทำให้เสี่ยวเฟิงมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวมากขึ้น และความกดดันก็ลดลงอย่างมากด้วยเช่นกัน จะบอกก็ได้ว่าเขานั้นพ้นจากอันตรายแล้ว

 

ทันใดนั้น เมื่อหันไปรอบๆ เสี่ยวเฟิงก็กลับไปยังซากกระดูกที่ตามมาด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ในห้องโุถง และเริ่มการเก็บกวาดในทันที

 

นี่เหมือนกับการต้อสู้ในห่ากระสุน เหมือนกับการที่จะโขมยอาหารออกมาจากปากเสือ แต่เสี่ยวเฟิงคิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากทำสิ่งนี้ เพราะว่าเพียงหนึ่งนาที ถ้าคลื่นมอนสเอตร์ด้านหลังของเขาพุ่งเข้าหาเขา สถานที่ที่เคยเกิดการระเบิดครั้งใหญ็ขึ้นก็จะหน่าแน่นขึ้นอีกรอบและไม่มีที่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่เสี่ยวเฟิงเข้าไปเก็บอุปกรณ์

 

เสี่ยวเฟิงไม่มั่นใจว่าจะสามารถเก็บกวาดคลื่นมอนสเตอรฺที่เหลืออยู่ก่อนที่อุปกรณ์จะหายไปได้หรือไม่

 

เขาเพียงให้ความสนใจกับการเก็บอุปรณ์ที่มีระดับสูงกว่าระดับเงิน เมื้อได้มองไปยังแสงสีเงินและสีทองในไอเทมที่กองกันเป็นภูเขา เขาก็เลิกเก็บเหรียญทองซะด้วยซ้ำ

 

ถว่า เสี่ยวเฟิงก็มีเวลาน้อยกว่าสามนาทีในการกำจัดเหล่ามอยสเตอร์พวกนี้ให้ราบคาบ หลังจากที่หยืบอุปกรณ์บางชิ้นขึ้นมาด้วยความเร่งรีบ เขาก็ถูกคลื่นมอนสเอตร์ไล่ลาตามหลังเขาทันที เสี่ยวเฟิงไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะหันหลังและวิ่งอีกครั้ง

 

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยความแค้นกับคลื่นมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ ทะเลสีทองก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน และเอาเมฆเข้มสีแดงออกไป

 

พื้นที่ในทุกๆ ชั้นของ ดันเจี้ยนเมืองใต้ดิก สามารถอธิบายได้ว่ามีขนาดใหญ่ เสี่ยวเฟิงอยู่ที่นี่เป็นเวลามากถึงสามชั่วโมงเพื่อกำจัดมอนสเตอร์ที่หนาแน่นและกระจายออกในสถานที่แห่งนี้ และเหลือมอนสเตอร์ที่รอดไปได้เพียงไม่กี่ตัว

 

แต่เขาก็มีการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน อย่างแรก กระเป้าเป้ที่มี 100 ช่องของเสี่ยวเฟิงก็ได้บรรจุไว้ด้วยอุปกรณ์ส่วมใส่ เหล่านั้นเป็นอุปรณ์ระดับเงินอยู่กว่า 80 ชิ้น และ เป็นอุปกรณ์ระดับทองอยู่เกิน 10 ชิ้น ที่ไม่มีความสามารถที่ห่วยแตกเลย ถ้าอุปกรณ์พวกนี้ถูกปล่อยออกไป มันก็คงจะเกิดแผนดินไหวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

 

แล้วค่าประสบการณ์ของเสี่ยวเฟิงก็เพิ่มขึ้นไปเป็น 85% ของเลวลเ 14 ไม่ห่างจากการเลื่อนขั้นครั้งต่อไปนัก

 

โขคไม่ดีที่ไม่มีบอสที่สูงกว่าระดับทองอยู่ที่นี้มีเพียงแต่บอสทั่วไปที่เขาไม่ได้รับอุปกรณ์จากมันในชั้นแรกของดันเจี้ยน สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวิฟงผิดหวังเล็กน้อบ ก็เพราะว่าเมื่อมอนสเตอร์ระดับสูงเหล่านี้มอบอุปกรณ์ให้กับเขา สิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้นพอสำหรับอุปกรณ์ระดับอิมมอเทล อุปกรณ์ส่วมใส่สามารถส่วมใส่แบบข้ามเลวลได้

 

“หืม? นี้มัน…”

 

ในขณะนี้ เสี่ยวเฟิงกำลังคุ้ยหาไปทั่วร่างของบอสตัวหนึ่ง เนเทอร์แบนชีที่เคยเป็นสิ่งอันตรายที่สำหรับเขาก่อนหน้านี้นั้นเอง มันถูกประเมินไว้ว่าเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นแรกของดันเจี้ยนนี้ และมันก็เป็นตัวสุดท้ายที่เสี่ยวเฟิงกำจัด

 

เนเทอร์แบนชี ทำให้เขาได้อุปกรณ์ระดับ 35 เท่านั้น เป็นข้อบ่งชี้ว่า เนเทอร์แบนชี นั้นเป็นบอสที่มีระดับ 35 โชคไม่ดีที่ อุปกรณ์สีทองชิ้นนี้เป็นอุปกณ์ชั้นสูงที่สุดที่ เนเทอร์แบนชี สามารถมอบให้เขาได้

 

เสี่ยวเฟิงผิดหวังเล็กน้อย ทันใดนั้นเองเขาก็สบตาเข้ากับป้ายไม่สีดำที่อยู่บนพิ้น

 

โทเค็นไม้สีดำมีขนาดเท่าฝ่ามือ และสลักไว้ด้วยคำว่า “โทเต็น”

 

“นี้มัน…”

 

ภายในอึกใจเดียว เสี่ยวเฟิงก็พอจะเดาได้ ดังนั้นเขาจึงหยิบโมเค็นไม้ดำขึ้นมา

 

กิลด์โทเค็น

 

คุณภาพ: พิเศษ

 

คุณสมบัติ: สร้างใบรับรองให้กับกิลด์

 

เรืองจริงหรือนี้!

 

เสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าจะพูเอะไร เขาไม่คาดว่าเขาจะอะไรแบบนี้ เนเทอร์แบนชี ทำให้เขาได้รับกิลด์โทเค็น มาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความตกใจครั้งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิงไม่รู้จำทำหน้าแบบไหน

แม้ว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่แน่ใจในมูลค่าของกิลด์โทเค็น เขาก็สามารถคาดการณ์อย่างคราวๆ ได้ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่จะทำให้กิลด์การค้าทั้งหมดในเขต Huaxia บ้าคลั่งได้อย่างแน่นอนในตอนนี้

 

เมื่อได้ทิ้งอุปกรณ์สีเงินชิ้นหนึ่งออกไป แล้วนำกิลด์โทเค็นไปใส่ไว้มนกระเป้าของเขา เสี่ยวเฟิงก็ได้ใช้เวลาทั้งกลางวันนี้ไปอย่างมีมีความหมาย บอกได้ว่าเลยเขาได้เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่

 

เสี่ยวเฟิงไม่สนใจมอนสเตอร์ที่อยู่กระจัดกระจายออกไป เขาอยากที่เห็นดันเจี้ยนเมืองใต้ดินชั้นที่สองเหมือนกัน เมื่อมองไปที่กระเป๋าเป่ที่อัดเต็มไปด้วยไอเทม เขาก็ทำได้เพียงยับยั้งความคิดนั้นไว้ก่อนและเลือกที่จะเดินทางกลับไปยังเมืองหลัก

 

เมื่อได้ส่งข้อความไปหา เฉียนโตวโตว และบอกเธอหาให้รอเขาที่เขตโกดังย่านถนนการค้าของเมืองเตียนหลง เสี่ยวเฟิงก็เดินทางไปที่นั้น

 

แต่เขาไม่คาดว่า เฉียนโตวโตว จะมาถึงก่อนเขา ถึงอย่างไร เธอก็พักอยู่แถวถนนการค้าอยู่แล้ว และได้รอคอยอยู่ด้านนอกของเขตโกดัง

 

“พี่ เสี่ยว! พี่ได้อะไรมาบ้าง? มันคืออะไรหรอ?”

 

ในทันที่ที่เธอมองเห็นเสี่ยวเฟิงเดินเข้ามา เฉียนโตวโตว ก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีด้วยดวงตาที่ กลมโต งดงาม และมีชีวติชีวาของเธอ เธอรู้ว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่โทรหาเธอถ้าไม่มีเรื่องใดๆ และสถานที่เขานัดพบกันก็อยู่ในเขตโกดัง ดังนั้นจึงต้อมีบ้างสิ่งให้กับเธอแน่ๆ

 

“ฉันจะแลกเปลี่ยนกับเธอ เธอเอาของพวกนี้ไปเก็บไว้ในโกดังก่อน”

 

เสี่ยวเฟิงพูด “การเก็บของไว้ในดขตโกดังแห่งนี้ ถูกป้องกันไว้โดยระบบ แม้ว่าเธอจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึง แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก”

 

“อ้า! อุปกณ์สีเงิน! ทั้งหมดมี 10 ชิ้นเชียว! พี่เสี่ยว พี่ได้ของพวกนี้มาจากไหน? คุณภาพของมันสูงจัง มันยังเอาไปขายไม่ได้ตอนนี้ แต่มันก็พอสำหรับพวกเราที่จะเอาไปไว้ใน บ้านสมบัติ เพื่อเป็นสิ่งของที่เอาไว้แสดง!”

 

ในการแแลกเปลี่ยนระหว่างตัวผู้เล่นด้วยกัน พวกเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนได้มากที่สิบช่องเท่านั้นในแต่ละครั้ง เสี่ยวเฟิงโยนอุปกรณ์สีเงินสิบชิ้นให้กับ เฉียนโตวโตว ทำให้เธอกรี๊ดเสียงหลง จากนั้นเธอก็เอามันไปเก็บอย่างมีความสุข

 

“มีอีกหรอ? สิบชิ้นอีกแล้ว?”

 

แต่ในทันทีทันใด เสี่ยวเฟิงก็เปิดกล่องแลกเปลี่ยนอีกครั้งและโยนไอเทมเข้าไปสิบชิ้น

 

ไม่น่าเชื่อ เฉียนโตวโตว ยังคงตื่นเต้นที่ได้รับพวกมัน

 

จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็โยนไอเทมมาอีกสิบชิ้น

 

“พี่เสี่ยว พี่…”

 

เฉียนโตวโตว พูดตะกุกตะกัก เพียงแค่เธอมองไปที่เสี่ยวเฟิงเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาแล้ว

 

ในระหว่างที่รักษาความเงียบเอาไว้ เสี่ยวเฟิงก็ได้เปิดกล่องขึ้นมาและโยนไอเทมระดับเงินอีกสิบชิ้นขึ้นไปอีกครั้ง

 

“…”

 

เฉียนโตวโตว รู้สึกมึนงงเล็กน้อย และด้วยการเคลื่อนไหวที่ดูอันแข็งถื่อ เธอก็เอาไอเทมระดับเงิน 80 ชิ้นมาจากมือของเสี่ยวเฟิง เมื่อเธอคิดว่ามันหมดแล้ว เสี่ยวเฟิงก็เปิดกล่องแลกเปลี่ยนขึ้นอีกและโยนไอเทม ระดับทองขึ้นไปในครั้งนี้

 

“พี่เสี่ยว…พี่คงไม่ได้ไปโขมยสมบัติใครมาหรอกนะ? ฉันกลัวนิดหน่อย…”

 

สิ่งที่ เฉียนโตวโตว แสดงให้เห็นอยู่บนใบหน้าของเธอเปลี่ยนจากความตื่นเต้นไปเป็นความกังวลใจ อุปกรณ์ใดๆก็ตามที่เสี่ยวเฟิงหยิบออกมานั้นพอที่จะทำให้ผู้เล่นทั่วๆไป ทำการปล้นจี้แย่งชิงกันเองได้เลย แต่่เสี่ยวเฟิง โยนพวกมันขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

 

โดยไม่ตอบอะไร เสี่ยวเฟิงก็เปิดกล่องแลกเปลี่ยนขึ้นมาอีกครั้งที่มีแค่ไอเทมชิ้นเดียงในครั้งนี้ สิ่งนั้นคือโทเค็นไม้ดำ หรือก็คือกิลด์โทเค็นนั้นเอง!

 

ด้วยใบหน้าที่แสดงออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย เฉียนโตวโตว ก็ขยี้ตาของเธอเพราะคิดว่าเธอนั้นเห็นภาพล่วงตา แล้วในที่สุดเธอก็จ้องไปยังป้ายไม้ดำนั้น หลังจากที่ยื่นยันว่ามันแล้ว เธอก็กระโดดดีใจในทันที

 

“อ้า! พี่เสี่ยวเฟิง ฉันรักพี่จังเลย!”

 

ไม่ปล่อยให้เสี่ยวเฟิงได้พูดสิ่งใดออกมา ตัวของ เฉียนโตวโตว นั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ไปแล้ว เธอกอดเขาและจูบเขาแล้วเลียใบหน้าของเขาไปทั่ว สาวสวยคนนี้กลายเป็นบ้าไปอย่างสมบรูณ์แล้วในตอนนี้