บทที่ 760 ความลับของเย่ว์อิ่นหลง

Mars เจ้าสงครามครองโลก

“งั้นพวกเราไปตระกูลไหนก่อน?”

เย่ว์อิ่นหลงถามอย่างสงสัย

“ตระกูลฉิน”

เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างนิ่งๆว่า “ตระกูลฉินและตระกูลเซียวเป็นดองกัน ทั้งสองตระกูลนี้เป็นผู้นำของตระกูลลึกลับ คิดอยากจะจัดการตระกูลเก่าแก่ที่เหลือ จะต้องจัดการสองตระกูลนี้ก่อน ตระกูลเจี่ยงอยากจะแทนที่ตระกูลฉิน ตระกูลซุนและตระกูลฉินมีความแค้นกัน ตามตระกูลฉินตลอด ตระกูลเว่ยมีความแค้นกับตระกูลเจี่ยง ทำได้เพียงยืมใช้พละกำลังของตระกูลฉินมาต่อสู้กับตระกูลเจี่ยง ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อน นายพบเห็นอะไรบ้างไหม?”

เย่ว์อิ่นหลงยิ้มอย่างปีศาจร้าย “เมื่อเป็นเช่นนี้ดูเหมือนว่า ตระกูลซุนและตระกูลเจี่ยงมีบทบาทที่สำคัญในการจัดการตระกูลฉิน เหอะๆ ระหว่างตระกูลซุนและตระกูลเจี่ยง ถ้าหากสุ่มไฟเข้าไปอีก จุดไฟความแค้นระหว่างพวกเขา จะต้องต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขอเพียงแค่ตระกูลฉินเกิดความโกลาหล ตระกูลเจี่ยงจะต้องฉวยโอกาสตอนที่พละกำลังอ่อนแรงบุกเข้าไป และในเวลานั้น ก็ช่วงชิงตระกูลหานที่เป็นนกสองหัวมาได้ง่ายดายแล้ว ส่วนตระกูลกู่ ตอนนี้ยืนอยู่ฝั่งพวกเรา เมื่อมานับๆดูแล้ว เพิ่มตระกูลเจี่ยง ทางฝั่งเราก็ลากมาเป็นพวกได้สี่ตระกูล”

เย่เซิ่งเทียนก็ยิ้มและพูดว่า “ห้าตระกูล นายอย่าลืมตระกูลมู่แห่งหรดีในบรรดาห้าตระกูลสูงศักดิ์ จริงๆแล้วพละกำลังของตระกูลมู่แห่งหรดี สามารถเทียบเทียมกับตระกูลเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดได้”

เย่ว์อิ่นหลงคิดๆแล้วก็พูดถามว่า “งั้นตระกูลเว่ยล่ะ?”

เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างนิ่งๆว่า “ตระกูลเว่ยมีทางเลือกเหรอ?ตอนนี้ตระกูลเซียวถูกฉันบีบังคับให้อดทน แม้ว่าเป็นความตั้งใจของเหล่าเฒ่าประหลาดโบราณของตระกูลเซียว แต่นี่ก็เป็นสัญญาณที่ไม่ดี ระหว่างพวกเขา เป็นเพียงแค่การพัวพันทางผลประโยชน์ก็เท่านั้น ขอเพียงแค่ให้ผลประโยชน์ทั่วถึง ไม่กลัวว่าตระกูลเว่ยจะไม่มา ตระกูลเจี่ยงไม่ใช่ของดีอะไรเลย ยังทำเรื่องที่โหดร้ายผิดธรรมชาติของมนุษย์น้อยไปอีกเหรอ?ถึงตอนนั้นเราสามารถสัญญากับตระกูลเว่ยได้ว่า กำจัดตระกูลเจี่ยงเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลเว่ย”

เย่ว์อิ่นหลงพูดด้วยสายตาที่แหลมคมว่า “พี่ เรื่องนี้ฉันไปทำเองนะ ฉันไปติดต่อกับตระกูลเว่ย”

เย่เซิ่งเทียนส่ายๆหน้า ยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมพูดว่า “ฉันรู้ว่านายเป็นกังวลอะไร กลัวชื่อเสียงฉันเสียหาย เหอะ ชีวิตก็จะรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว ฉันยังจะสนใจเรื่องชื่อเสียงเหรอ?ถ้าหากนายไประดับความเชื่อมั่นยังมากพอ ฉันไปดีกว่า”

และในเวลานี้ เสียงของปู่หอคอยก็ลอยออกมาแล้ว พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พวกนายจะวางแผนจัดการใคร?พาฉันไปด้วยพาฉันไปด้วย”

เย่ว์อิ่นหลงตกใจยกใหญ่ พูดตะโกนว่า “ใคร?รนหาที่ตายเหรอ?”

เขาเพิ่งจะพูดจบ ถูกคนตบท้ายทอยไปฉาดหนึ่งแล้ว “ไอ้เด็กเปตร แกเป็นใครกัน?”

เงาร่างของปู่หอคอยปรากฏออกมา ใส่ชุดคลุมเต๋ม เหมือนเป็นตัวแทนของศาสนาถือคทา ลักษณะท่าทางที่ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกพูดว่า “ไอ้เด็กเปตร เจอปู่หอคอยอย่างฉันไม่คุกเข่าโขลกศีรษะก็ถือว่าช่างมันเถอะ ยังมากล้าท้าทายฉัน ไม่มีคนอบรมสั่งสอน ”

เย่ว์อิ่นหลงโมโหแล้ว คิดอยากจะลงมือ แต่ถูกปู่หอคอยตบบนโต๊ะฉาดหนึ่ง

ปู่หอคอยพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ไอ้เด็กเปตร แม้แต่พี่ใหญ่ของนายยังต้องเรียกฉันว่าปู่หอคอย นายกล้าดีมาลงมือกับฉัน เชื่อไหมว่าฉันจะบดขยี้นาย?”

ไอ้แก่นี้แข็งแกร่งมาก พี่เทียนมีผู้ช่วยอันดับหนึ่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?

แล้วก็ เมื่อกี้เขาปรากฏตัวได้อย่างไร?

เย่เซิ่งเทียนพูดระงับว่า “พอแล้ว หยุดทะเลาะกันได้แล้ว พวกเรากำลังปรึกษาเรื่องสำคัญ”

ปู่หอคอยไม่พอใจแล้ว พูดว่า “เรียกว่าทะเลาะได้อย่างไร?เมื่อกี้ฉันฟังมาตั้งนานแล้ว พวกนายจะหลอกลวงคนเหรอ พาฉันไปด้วย ฉันชอบหลอกลวงคนที่สุด ตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกันแล้ว เรื่องฉ้อโกงเช่นนี้จะขาดปู่หอคอยอย่างฉันไปได้อย่างไร?”

พูดแล้ว ปู่หอคอยก็จับไปยังเป้ากางเกง คว้าหอกหักสัมฤทธิ์แท่งนั้นออกมา โยนใส่เย่ว์อิ่นหลงพร้อมพูดว่า “ของสิ่งนี้น่าจะเหมาะกับนายยิ่งกว่า ฉันมักจะรู้สึกว่านายใช้หอกน่าจะดีกว่าหน่อย ”

เย่เซิ่งเทียนไม่ได้ห้ามปราม ก่อนหน้านี้ปู่หอคอยเคยพูดว่ามีความรู้สึกคุ้นเคยกับเย่ว์อิ่นหลง บอกว่าน่าจะเป็นการกลับชาติมาเกิดของใครบางคน แต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว

ตอนนี้ปู่หอคอยพูดแบบนี้อีก ดูเหมือนว่าทำได้เพียงรอหลังจากที่หาร่างกายส่วนที่เหลืออีกหกชั้นอื่นๆของปู่หอคอยได้ครบ ถึงจะรู้สถานการณ์ที่แท้จริง

เย่ว์อิ่นหลงทำปากยื่นอย่างรังเกียจ “ของเน่าๆนี้มีอะไรดีกันเชียว?ขึ้นสนิมจะแทบหักแล้ว”

ปู่หอคอยตบเย่ว์อิ่นหลงบนโต๊ะอีกฉาดหนึ่ง พูดด่าทันทีว่า “ไอ้เด็กเปตร นายพูดว่าอะไรนะ?นี่มันหอกสลายฟ้าเลยนะ!หืม?หอกสลายฟ้า?ฉันพูดชื่อเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน?แล้วก็ ทำไมเมื่อฉันเจอนาย ก็อยากจะตบฉันลงพื้นฉาดหนึ่ง?รู้สึกสบายใจ”

พูดจบ ปู่หอคอยเองก็ตกตะลึงแล้ว

ในใจของเย่เซิ่งเทียนตกใจ หรือว่าอาเย่ว์เป็นการกลับชาติมาเกิดของคนบางใครจริงๆ?

ไม่เช่นนั้นปู่หอคอยจะพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง?

เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำภายใต้จิตสำนึก นี่ก็แสดงให้เห็นจะต้องมีความลับบางอย่างเก็บไว้ที่ตัวของอาเย่ว์ เพียงแต่แม้แต่อาเย่ว์เองก็ยังไม่รู้