บทที่ 761 คนไม่กลายเป็นเซียนสุดท้ายก็เป็นขี้เถ้า

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 761 คนไม่กลายเป็นเซียนสุดท้ายก็เป็นขี้เถ้า
ในขณะเดียวกันที่เย่เซิ่งเทียนตัดสินใจไปบ้านตระกูลฉินเพื่อเก็บดอกเบี้ยก่อน ฐานวิจัยลับสรวงสวรรค์ กำลังวิเคราะห์แหล่งที่มาของอนุภาคจิตวิญญาณของเลือดเทพหมิงยู่

ไม่มีใครรู้สรวงสวรรค์อยู่ที่ไหน แม้แต่ผู้คนในตระกูลลี้ลับ ก็ไม่ทราบตำแหน่ง

ชายชราสวมเสื้อคลุมสีดำสองสามคน กำลังพูดคุยกัน

“อนุภาคจิตวิญญาณเกิดขึ้นได้ยังไงกันแน่? อนุภาคจิตวิญญาณในเลือดของมนุษย์คนแรกปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรกันแน่?”

“เรื่องที่แปลกก็คือ ในเลือดของคนของเผ่าซวนหยวนและตระกูลเย่ ต่างก็นำมาซึ่งอนุภาคจิตวิญญาณ แต่คนที่ตื่นภวังค์ได้กลับมีน้อยมากๆ”

“ข้อสรุปพื้นฐานบางส่วนที่เรามีในตอนนี้ยังต้องการการตรวจสอบ เพียงแค่ผู้ทดลองยังน้อยเกินไป ผู้คนเหล่านั้นในเผ่าซวนหยวนตายกันไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่หมิงยู่ ทางฝั่งตระกูลเย่พวกเราปล่อยให้พวกเขาไปพัฒนาด้วยตัวเอง แม้ว่าเย่หลงและเย่เซิ่งเทียนได้ตื่นภวังค์เลือดของตระกูลเย่ แต่พวกเรายังคงไม่มีวิธีรู้ชัด เงื่อนไขรายละเอียดเลือดเทพตื่นภวังค์คืออะไร”

“ปริมาณอนุภาคเลือดเทพอาจจะเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่สุด จากการทดสอบหินลับสวรรค์ ก่อนที่เย่หลงปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน อนุภาคจิตวิญญาณในร่างกายมีอยู่ 50 และในเลือดของคนอื่นในตระกูลเย่อยู่ที่ต่ำกว่า 30 หลังจากที่เย่หลงตื่นภวังค์ อนุภาคจิตวิญญาณในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปจนถึงหลายพัน

“เนื่องจากเย่เซิ่งเทียนเป็นการผสมเลือดเทพสองชนิด ดังนั้นก่อนที่จะตื่นภวังค์ อนุภาคจิตวิญญาณในร่างกายมาถึงประมาณ 200 สิ่งที่เขาตื่นภวังค์ก่อนก็คือเลือดเทพของตระกูลเย่ อนุภาคจิตวิญญาณภายในร่างกายก็ถึงหนึ่งหมื่นกว่าๆ และเลือดเทพในร่างกายของเผ่าซวนหยวนกลับยังคงไม่ได้ตื่นภวังค์

“และเราได้ศึกษาเลือดเทพของเผ่าซวนหยวนมาหลายปีแล้ว อนุภาคจิตวิญญาณภายในร่างกายที่มากที่สุดของคนบางส่วนในเผ่าซวนหยวนมีมากถึง 300 กว่า แต่ยังคงไม่สามารถตื่นภวังค์ได้ นี่หมายความว่า เลือดเทพตระกูลเย่ตื่นภวังค์ได้ง่ายกว่าเลือดเทพเผ่าซวนหยวนหรือไม่? หรือว่า เงื่อนไขในการตื่นภวังค์ของอานุภาคจิตวิญญาณเลือดเทพของเผ่าซวนหยวนจะต้องโหดทารุณยิ่งกว่า?”

ชายชราสองสามคนกำลังคุยกัน และในน้ำเสียงของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย

พวกเขาได้ศึกษาเลือดเทพของตระกูลเย่และเผ่าซวนหยวนมาเป็นเวลา 2000 ปี ในที่สุดก็พบอนุภาคจิตวิญญาณในเลือดเทพแล้ว แต่ตอนนี้กลับติดอยู่ที่การปลุกและแหล่งที่มาของอานุภาคจิตวิญญาณ

กว่าเวลาสองพันปี ตระกูลเย่และเผ่าซวนหยวน ได้ทวีคูณเป็นหมื่นคน แต่เผ่าซวนหยวนมีมากกว่าหมื่นคน ตอนนี้เหลือเพียงแค่หมิงยู่คนเดียวที่กำลังถูกวิจัยอยู่

ทางฝั่งตระกูลเย่นอกจากคนที่มาจากสายเลือดหลักของตระกูลเย่พวกเขาเก็บไว้เพื่อสังเกตและเปรียบเทียบต่อไป ส่วนคนที่เหลือนับหมื่นคน ก็ถูกวิจัยทั้งหมดเหมือนกัน

ผู้ทดลองที่ประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้ มีเพียงแค่เย่หลงและเย่เซิ่งเทียนสองคนเท่านั้น อานุภาคจิตวิญญาณในร่างกายของหมิงยู่ก็มาถึง 200 กว่า แต่ยังคงไม่สามารถปลุกได้ นับได้ว่าเป็นผู้ทดลองที่ล้มเหลว

ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างจำใจว่า “อารมณ์มีผลต่อการตื่นภวังค์เลือดเทพหรือไม่? ตอนนั้นเราออกแบบ เพื่อให้เย่หลงได้เห็นความตายอันน่าอนาถของทั้งครอบครัวกับตาตัวเอง เย่หลงก็เลยได้ตื่นภวังค์มันขึ้นภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น แต่ตอนนั้นผู้ทดลองอีกคนของเรา กับเขาเราใช้มาตรการเดียวกันกับเย่หลง แต่กลับไม่สามารถตื่นภวังค์ได้

“แต่ทางฝั่งเย่เซิ่งเทียน วิธีที่ใช้คือการกระตุ้นทางอารมณ์เช่นกัน แต่ก็สำเร็จแล้ว แต่ทว่าพวกเราใช้วิธีเดียวกัน ให้กับผู้ทดลองอีกอย่างหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าล้มเหลว ตอนนี้ฉันสับสนเล็กน้อย ว่าสรุปว่าอารมณ์จะเป็นสาเหตุหลักหรือเปล่า?”

ชายชราอีกคนกล่าวว่า “อารมณ์จะต้องเป็นปัจจัยหนึ่งในการปลุก แต่ฉันคิดว่า สิ่งสำคัญยังคงเกี่ยวกับธรรมชาติในตัวทดลองเอง

เราได้เห็นจากผู้ทดลองที่ล้มเหลว ขณะที่อารมณ์ของพวกเขามาถึงขีดสุด อนุภาคจิตวิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังล้มเหลว ฉันเดาว่าผู้ทดลองที่ล้มเหลวเหล่านั้น คือไม่สามารถต้านทานการกระชากของอนุภาคจิตวิญญาณได้

“และก็พูดได้ว่า สาเหตุที่เย่หลงกับเย่เซิ่งเทียนประสบความสำเร็จ คือเป็นเพราะพวกเขามีความยืดหยุ่นมากกว่าคนเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับความสิ้นหวัง แต่มีความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดอยู่เสมอ ก็เลยสามารถประสบความสำเร็จ”

ชายชราสองสามคนก็ยังคงพูดคุยต่อ

แต่ทว่าผู้ทดลองในคำพูดของพวกเขา ผู้แพ้ กลับเป็นคนที่มีชีวิตอยู่

เพื่อที่จะกระตุ้นการปลุกของผู้ทดลองเหล่านี้ พวกเขาได้สร้างโศกนาฏกรรมนับไม่ถ้วน

บางคนกล่าวว่า “ทางฝั่งหมิงยู่ฉันแนะนำให้หยุดการวิจัยชั่วคราว ท้ายที่สุดเธอคือเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าซวนหยวนคนสุดท้าย ถ้าเธอตายไปจะส่งผลกระทบต่อพวกเราอย่างมาก”

คนข้างๆกล่าวว่า “เหอะ เศษขยะพวกนี้ของเผ่าซวนหยวน ทนแบกรับต่อการวิจัยไม่ไหว อนุภาคจิตวิญญาณที่ว่างเปล่า แม้แต่การตื่นภวังค์ก็ไม่สามารถทำได้สักคน ขยะไร้ค่า”

บางคนก็บอกว่า “อนุภาคจิตวิญญาณลึกลับเกินไป ทางฝั่งฉันจะนำอนุภาคจิตวิญญาณย้ายไปในร่างของคนอื่น ไม่มีใครสามารถตื่นภวังค์ได้ และอนุภาคจิตวิญญาณก็ยังคงครอบงำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความพิเศษเฉพาะตัว ผู้ทดลองคนล่าสุดได้เสียชีวิตเมื่อเช้านี้”

ชายชราคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ปริปากพูดอยู่นานกล่าวว่า “บางทีเย่เซิ่งเทียนก็สังเกตถึงบางสิ่ง เขาเริ่มลงมือกับเจ็ดตระกูลเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่แล้ว”

ชายชราที่นั่งตรงตำแหน่งประธานพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ก็แค่กลุ่มขยะกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจ แค่ใช้พวกเขาทดสอบเย่เซิ่งเทียน ดูว่าเย่เซิ่งเทียนสามารถตื่นภวังค์เลือดเทพของเผ่าซวนหยวนได้หรือไม่ ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีเป็นเพียงแค่สุนัขที่ตระกูลโบราณเลี้ยงไว้ แค่ให้กระดูกนิดหน่อยก็พอ ไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป”

“แม้ว่าจะเป็นตระกูลโบราณ มันก็เป็นเพียงบันไดก้าวหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จสำหรับพวกเราเท่านั้น ขอเพียงแค่เรากลายเป็นเซียน มีชีวิตอมตะ ทั้งโลกก็ย่อมเป็นของเรา นอกจากนี้ ปล่อยข่าวออกไปบ้าง ให้เย่เซิ่งเทียนรู้เรื่องของหมิงยู่ กระตุ้นเขาอีกหน่อย จับตามองดูภรรยาและลูกสาวของเย่เซิ่งเทียนอย่างใกล้ชิด ถ้าหากเย่เซิ่งเทียนยังไม่สามารถรับเลือดของเผ่าซวนหยวนได้ งั้นก็ฆ่าภรรยาและลูกสาวของเขา เพิ่มไฟให้เขาซะ”

เขาก็พูดอีกว่า “ภายใต้แดนเทพล้วนเป็นคนต้อยต่ำทั้งนั้น คนไม่กลายเป็นเซียนสุดท้ายก็เป็นขี้เถ้า สุภาพบุรุษทั้งหลาย เรามาทำไปด้วยกัน”