บทที่ 2010 – แกล้งเสแสร้งกระอักเลือดก่อนถูกโยนลงจากลานประลอง
“ข้ามีนามว่าโม่หยูหลง เชิญท่านเริ่มก่อนเลย ข้าไม่อยากรังแกท่าน”โม่หยูหลงยิ้มขณะกล่าว
ชิงสุ่ยจ้องมองโม่หยูหลงด้วยรอยยิ้ม “ท่านแน่ใจหรือ?”
“ข้าแน่ใจ”
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาไปปรากฏตัวด้านหน้าโม่หยูหลง การเคลื่อนไหวพริบตาทำให้โม่หยูหลงประหลาดใจอย่างหนัก เขารีบหลบหลีกด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
ชิงสุ่ยสะบัดแขน!!
ฝ่ามือกระชากมังกร!!
ระหว่างที่ชิงสุ่ยปลดปล่อยกระบวนท่าฝ่ามือกระชากมังกร โม่หยูหลงก็พยายามหลีกเลี่ยงอีกครั้ง ร่างกายของโม่หยูหลงเหมือนถูกพันธนาการอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาสามารถหลบหลีกได้ แต่ร่างกายของเขากลับรู้สึกถึงความมึนงง จนไม่อาจรักษากำลังได้มากพอ ก่อนจะถูกชิงสุ่ยต่อยโดนตรง
ชิงสุ่ยทุบตีเขาด้วยพลังแค่เพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอจะทำให้โม่หยูหลงถึงขั้นหายใจลำบาก หากว่าชิงสุ่ยปรารถนาจะสังหารเขาสักร้อยครั้ง เขาก็คงต้องตายเป็นร้อยครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนี้โม่หยูหลงเหมือนกระสอบทรายที่ถูกชิงสุ่ยต่อย แม้แต่ตอนที่เขากระเด็นลงจากฐานลานประลอง เขายังรู้สึกมึนงงหัวสมองมีแต่เพียงความว่างเปล่า เมื่อความรู้สึกฟื้นคืนกลับ เขาก็รีบหันมามองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่กำลังมองดูสัตว์ประหลาดแสนน่ากลัว
“ข้าเคยบอกท่านแล้วว่า ท่านจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก ท่านเข้าใจแล้วหรือยัง?”ชิงสุ่ยหัวเราะ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เผชิญหน้ากับทักษะประหลาดเช่นนี้ ขอบคุณที่หยั้งมือ”โม่หยูหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่มีโอกาสได้โต้ตอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตัวของเขาเองรู้ดีว่าพลังของเขานั้นอยู่ในระดับใด ถึงจะไม่ได้จัดอยู่ในลำดับต้นๆของเขตแดนหิมะอุดร แต่ก็ถือว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย
ความพ่ายแพ้ที่ได้รับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นอกจากจะต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กที่ดูอ่อนเยาว์กว่า เขายังรู้สึกเจ็บปวดที่กลางอกเหมือนเพิ่งเผชิญหน้ากับความตาย
“คุณชาย ท่านมีทักษะการต่อสู้ที่ลึกลับมาก ข้าขอทดสอบมันด้วยตัวของเขาเองหน่อยเถิด”ในขณะเดียวกัน ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนฐานลานประลอง
ชิงสุ่ยมองดูคู่ต่อสู้แค่แวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเธอมาจากพระราชวังจิ้งจอกอมตะ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยอยู่รอบกายของเธอคล้ายคลึงกับหญิงสาวที่เคยเผชิญหน้ากับเป่ยหมิงเสวี่ยไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่หญิงสาวผู้นี้ดูมีอายุมากกว่าหญิงสาวคนนั้น
“อิสระอยู่ในมือของท่าน”
หญิงสาวปลดปล่อยกลิ่นอายที่แสนดึงดูดใจออกมาทันที พลังหยินจางระเบิดออกพร้อมกับการเคลื่อนไหวของพลังหยินที่อยู่ยั่วยวนจิตใจมนุษย์เพศชาย
ฝ่ามือจิ้งจอกจันทรา
ย่างก้าวจิ้งจอกยั่วยวน
การเคลื่อนไหวของหญิงสาวเต็มไปด้วยความซับซ้อน แต่ละช่วงถ้าให้ความรู้สึกงดงามจนน่าทึ่งและเป็นเอกลักษณ์ ผันแปรจิตใจมนุษย์เพศชายให้ต้องตะลึงงานไปกับการเคลื่อนไหวแทนที่จะตั้งตัวรับมือการโจมตี
ทันใดนั้นหญิงสาวผู้ต่อสู้ก็โจมตีชิงสุ่ยด้วยนิ้วมือที่อัดแน่นไปด้วยพลังหยินบริสุทธิ์เข้มข้น ดวงตาที่สดใสของเธอดูมีเสน่ห์ผสมผสานไปกับรอยยิ้มจางๆที่พร้อมจะกระชากจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้ให้ยอมศิโรราบพ่ายแพ้ ชิงสุ่ยสายหน้า ถ้าหากผู้ที่ใช้กระบวนท่านี้เป็นชิงห่านอี้ เขาก็อาจจะถูกสะกดจิตใจไปชั่วขณะ แต่ช่างน่าเสียดายที่หญิงสาวคนที่อยู่ตรงหน้านั้นอ่อนแอกว่ามาก
ดวงตาของชิงสุ่ยยังคงชัดเจน ทันทีที่ดวงตาของเธอและเขาสัมผัสกัน เธอรู้ตัวได้ทันทีว่าจะต้องหลบหลีก เธอจึงทำการก้าวถอยหลังกลับเพื่อหนี ฝ่ามือกระชากมังกรที่ชิงสุ่ยปลดปล่อยตรงเข้ามาหาเธอ
ในขณะเดียวกัน เขาก็กระทืบพื้น
เมื่อกระบวนท่าฝ่ามือกระชากมังกรสลายหายไป คลื่นกระแทกที่เกิดจากทักษะก้าวพสุธาเอราวัณก็สั่นสะท้านกระแทกร่างของเธอให้ปลิวลอยออกไป เธอสูญเสียการควบคุมร่างกายเป็นอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเธอจะพยายามรวบรวมสมดุลร่างกายกลับก็ต้องใช้เวลา มันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ชิงสุ่ยกระโดดลอยขึ้นฟ้า
ฝ่ามือเมฆา!!
ฝ่ามือร่องรอยของชิงสุ่ยเคลื่อนที่อย่างว่องไวจนสายตาของผู้ที่อยู่เบื้องล่างมองแทบไม่ทัน ก่อนจะผลักให้ผู้หญิงที่เป็นผู้ท้าประลองตกเวทีทันที
การต่อสู้ยังคงจบลงอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยปิดฉากการประลองเหมือนกับพริกฝ่ามือ เขาแทบไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนท่ามากมาย และดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องใช้พลังที่แท้จริงก็สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้
ผู้คนส่วนหนึ่งต่างก็แสดงความเคารพในตัวชิงสุ่ย ในขณะที่อีกส่วนก็เต็มไปด้วยข้อครหาเคลือบแคลงใจว่าชายที่อยู่บนลานประลอง เป็นหมอจริงๆหรือเปล่า
“เจ้าหนูน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะเอาแต่เล่นสนุกอยู่ฝ่ายเดียว มาสู้กับข้าดีกว่า”ชายหนุ่มคนนึงค่อยเดินขึ้นมาบนฐานลานประลองด้วยความสง่างาม
เขาไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย ชายผู้นี้ก็คือ ซือเฉิงเย่หยาง!!
“ข้าก็เพียงแค่อยากจะมาเปิดเผยเล่ห์กลที่เจ้าหนูคนนี้ใช้ ตระกูลซือเฉิงของข้าก็ได้ครอบครองฐานลานประลองไปแล้ว เมื่อข้าชนะข้าจะเป็นฝ่ายลงจากลานประลองไปเอง”ซือเฉิงเย่หยางกล่าวด้วยความมั่นใจขณะมองดูผู้คนที่เฝ้าจับตามองการประลอง
กลุ่มตระกูลซือเฉิงเองก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่ยึดครองฐานลานประลองโดยไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย แน่นอนว่าตระกูลซือเฉิงย่องเป็นตระกูลที่แข็งแรง แต่ตอนนี้บนลานประลองของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยได้แสดงความสามารถที่เก่งกาจจนซือเฉิงเย่หยางรู้สึกทนไม่ไหว แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจถึงพลังในตัวชิงสุ่ย แต่เขามั่นใจในพลังของตัวเอง น่าเสียดายพี่มียอดยุทธแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าในตัวของชิงสุ่ยครอบครองพลังที่น่ากลัวเพียงใด
“สนใจอยากจะมาเข้าร่วมการแสดงของข้าอย่างนั้นเหรอ? เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะให้บทท่าน แกล้งเสแสร้งกระอักเลือดก่อนถูกโยนลงจากลานประลอง”ชิงสุ่ยยิ้มมุมปาก
“ถ้าหากว่าเจ้าแข็งแกร่งพอก็ลองดู”ซือเฉิงเย่หยางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ชิงสุ่ยถึงขั้นสายหน้าเมื่อเห็นซือเฉิงเย่หยางแสดงสีหน้ามั่นใจราวกับคนที่กำลังโอ้อวดแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“ไม่ต้องกังวล ท่านกำลังจะได้เป็นนักแสดงที่สมบทบาท”
ชิงสุ่ยก้าวเดินออกไปทันที ซือเฉิงเย่หยางรู้ดีว่าศัตรูของเขาคงไม่มีทางยอมง่ายๆ เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวเป็นรูปสามเหลี่ยม ก่อนจะเหวี่ยงกระบี่ยาวที่อยู่ในมือออกไปเป็นแนวตัดขวาง กลายเป็นสามเหลี่ยมล้อมรอบตัวชิงสุ่ย
ทักษะกระบี่สะบั้นจันทราตระกูลซือเฉิง!!
เมื่อทักษะกระบี่สะบั้นจันทราถูกปลดปล่อยออกไปกลายเป็นวงล้อม ลำแสงที่เหมือนแสงแห่งจันทราก็พุ่งตรงมาจากท้องฟ้า สร้างคลื่นทะลุทะลวงกลายเป็นพายุผันผวนเชือดเฉือนชั้นผิวหนัง แต่ละลมพายุ เชือดเฉือนเป้าหมายด้วยปรานกระบี่ที่แข็งแกร่ง หากศัตรูตกอยู่ภายใต้วงล้อมพายุจันทราศัตรูจะต้องถูกโจมตีจนค่อยๆสลายกลายเป็นฝุ่น อวัยวะภายในจะถูกทำลายแทบทันที