เฉินตงหวาไม่พอใจเล็กน้อย แอบสงสัยในใจ “รักษาความลับเข้มงวดเสียจริง อีกเดี๋ยวประกาศผลออกมา ทุกคนก็รู้กันแล้วไม่ใช่หรือ”

เฉินกั๋วเหลียงและผู้อาวุโสอีกสองคน หลังจากตรวจดูอย่างละเอียด ก็นำผลประเมินส่งคืนให้แก่เฉินตงซุ่น

เฉินกั๋วเหลียงตอบกลับมาว่า “ประกาศผลเถอะ !”

“ครับ !” เฉินตงซุ่นพยักหน้าและโค้งคำนับ

“เฉินหลี้ ทุนสินทรัพย์สิบล้าน กำไรหนึ่งปี สองร้อยห้าสิบล้าน !”

สิ้นเสียงประกาศของเฉินตงซุ่น เบื้องล่างก็เกิดความวุ่นวายทันที

“เป็นไปไม่ได้ สองร้อยห้าสิบล้าน ! นี่มันตั้งยี่สิบห้าเท่าเชียวนะ ! เฉินหลี้คนนี้เก่งเกินไปแล้ว !” เฉินเข่อเอ๋อร์อ้าปากค้าง พูดออกมาด้วยความตกใจ

มุมปากของเฉินโม่โค้งขึ้นเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้พูดอะไรราวกับว่ามีความดูถูกเล็กน้อย

“เก่งจริง ๆ พี่ฉัน !” เฉินฉีอุทานออกมาอย่างตกตตะลึง

“พี่เหล่ย สองร้อยห้าสิบร้าน พี่ยังสามารถเอาชนะเขาได้อีกหรือเปล่า ?” เฉินฉีสิ้นหวังเล็กน้อย นี่เป็นผลงานที่ไม่ได้เกิดขึ้นในตระกูลเฉินตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้

ด้วยความบังเอิญ ขณะนั้นเอง สายตาของเฉินหลี้ได้เหลือบมองไปยังเฉินเหม่ยอย่างยียวน

เฉินเหล่ยเข้าปะทะอย่างไม่เกรงกลัว ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา “ดูต่อไป”

แววตาของเฉินตงหวาเกิดประกายอิจฉาริษยา ในตอนนั้นกำไรของเขายังได้แค่หนึ่งร้อยล้านเท่านั้น ผลงานของเฉินหลี้ บดขยี้เขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เฉินหลี้จะได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญของตระกูลเฉินในอนาคตอย่างแน่นอน

“พี่ฉงซาน ยินดีด้วย !” เฉินตงหวาเผยรอยยิ้มดีใจ ประสานมือแสดงความยินดีแก่พ่อของเฉินหลี้ เฉินฉงซาน

“ยินดีกับพี่ฉงซานด้วย !” คนที่เหลือเองต่างก็แสดงความยินดีกับเฉินฉงซานด้วยเช่นกัน

เฉินจิงเย่รู้สึกปวดร้าวในใจ ตอนที่เขาเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนั้น เขาได้แชมป์มาครอง แต่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เฉินโม่เข้าร่วมนั้น…….

เฉินจิงเย่ไม่กล้าคิดต่อไป

“ยินดีด้วยจริง ๆ พี่ฉงซาน !” เฉินจิงเย่แสดงความยินดีกับเฉินฉงซานเหมือนกับคนอื่น ๆ

สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าภาพในการทดสอบครั้งนี้ เฉินตงซุ่นที่นานทีจะเอ่ยปากขึ้นก็พูดว่า

“เฉินหลี้ ทำได้ไม่เลว”

เฉินหลี้เป็นคนสายเลือดเดียวกับเฉินกั๋วจง คุณปู่ของเฉินหลี้ เฉินกั๋วจงเองก็เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดี “หลานเฉินหลี้ ยอดเยี่ยมมาก !”

ผู้อาวุโสตระกูลเฉินทั้งสาม ปกติแล้วไม่ค่อยชมคนอื่นบ่อยนัก หากได้รับความชื่นชมมาจากพวกเขา นั่นเป็นการพิสูจน์แล้วว่าผลงานของเขายอดเยี่ยมจริง ๆ

เฉินหลี้โค้งคำนับให้กับเฉิยกั๋วจง “ขอบคุณสำหรับคำชมครับคุณปู่ !”

เฉินหลี้ยืดตัวขึ้นด้วยใบหน้าที่โอหัง ท่าทางราวกับโลกนี้ไม่มีใครทำได้อย่างเขาอีกแล้ว

แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกไม่ชอบใจกับวความโอหังของเฉินหลี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคืออัจฉริยะคนหนึ่ง

เวลาหนึ่งปี สามารถทำเงินได้ถึงยี่สิบห้าเท่า ผลงานระดับนี้สำหรับตระกูลมหาอำนาจทั้งหกในยานจิงถือว่าเป็นอัจฉริยะลำดับต้น ๆ เลยทีเดียว

ดังนั้น เฉินหลี้จึงมีต้นทุนให้กับความจองหอง

“คนต่อไป เฉินเหล่ย” เฉินตงซุ่นตะโกนเรียกคนต่อไป

“พี่เหล่ย สู้ ๆ !” น้องชายคนเล็กของเฉินเหล่ย เฉินฉี ตะโกนเรียกเฉินเหล่ยพลางยกนิ้วโป้งให้

เมื่อเห็นเฉินเหล่ยขึ้นไปด้านบนเวที เฉินตงหวาก็รีบหันไปมองชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างทันที “พี่ชาย เสี่ยวเหล่ยของพี่มีโอกาสได้แชมป์แค่ไหน ?”

พ่อของเฉินเหล่ย เฉินตงเยว่ ใบหน้าเผยความภาคภูมิใจออกมา “การแข่งขันในครั้งนี้ เฉินเหล่ยจะต้องคว้าแชมป์มาครองแน่นอน !”

“นั่นก็ไม่แน่หรอก หรือว่าเขาจะยังสามารถเอาชนะเฉินหลี้ได้อีกหรือ ?” เฉินฉงซานโต้แย้งอย่างเย้อหยัน

เฉินตงเยว่เหลือบมองเฉินฉงซาน จากนั้นพูดเยาะเย้ยออกมาว่า “เฉินหลี้ของนายทำผลงานได้ดีทีเดียว แต่ต้องดูด้วยว่าเขากำลังเทียบกับใคร หากเทียบกับเฉินเหล่ยของฉันล่ะก็ เขายังห่างชั้นอยู่มาก !”

เฉินฉงซานแสยะยิ้ม “แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น !”

เฉินตงเยว่พูด “งั้นพวกเรามาดูด้วยตาตัวเองกันดีกว่า !”

เฉินเข่อเอ๋อร์กระซิบข้างหูเฉินโม่ “เฉินเหล่ยก็เป็นหนึ่งในตัวเต็งผู้ชิงรางวัลครั้งนี้ คนในตระกูลมากมายคาดกันว่าเฉินเหล่ยและเฉินหลี้จะมีหนึ่งคนที่คว้าแชมป์ครั้งนี้ไป”

เฉินโม่ยังคงหลับตาทำสมาธิ และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย พูดอย่างราบเรียบออกมาว่า “รอดูเถอะ”

เมื่อผลการประเมินของเฉินเหล่ยปรากฏ ผู้รับผิดชอบทั้งสองคนก็เกิดอาการตกตะลึง