เฉินตงหรานเป็นคุณปู่สายเลือดเดียวของเฉินโม่ เป็นคนจริงใจ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ไม่พอใจแล้วอย่างไร ? ลูกตนเองไม่มุมานะ จะโทษใครกันล่ะ ?”

เฉินตงหวาหัวเราะฮ่าฮ่า “วางใจเถอะ ยังไงก็ทำได้ตั้งแปดล้าน ถือว่ายังได้กำไร ดีกว่าสละสิทธิ์เสียอีก !”

คำพูดเดียว สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังเฉินจิงเย่เพียงจุดเดียว

คำพูดสละสิทธิ์ของเฉินตงหวาเมื่อสักครู่ นอกจากเฉินโม่แล้วยังจะมีใครได้อีก ?

ขณะนั้นเอง เฉินตงซุ่นก็ตะโกนเสียงดังออกมาว่า “เอาล่ะ ต่อไป เฉินลู่”

ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินขึ้นไป นำหลักฐานทรัพย์สินไปมอบให้

หลังจากนั้นไม่นาน เฉินตงซุ่นก็ประกาศออกมาเสียงดัง “เฉินลู่ ทุนเริ่มต้นสิบล้าน กำไรหนึ่งปีสามสิบล้าน”

ด้านล่าง ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินลู่ส่งเสียงปรบมือให้กับเขา

“เฉินลู่สุดยอดจริง ๆ ปีนึงกำไรตั้งสามสิบล้าน แค่นี้ก็เยี่ยมยอดแล้ว”

แม้แต่เฉินตงซุ่นและเหล่าทายาทรุ่นที่สองยังอดที่จะพยักหน้าให้ไม่ได้ ผลงานระดับนี้ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว

เฉินหลี้ที่นั่งอยู่ แสยะยิ้มอย่างดูถูก “กำไรแค่สามสิบล้าน มีอะไรน่าดีใจตรงไหน”

พูดจบ เขาก็มองไปยังเฉินเหล่ย สายตาเขาเจ็มไปด้วยยั่วยุ

พอดีที่เฉินเหล่ยก็มองไปเขา สายตาของทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

หลังจากที่เฉินลู่ลงจากสนาม เฉินตงซุ่นก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง “คนต่อไป เฉินหลี้ !”

เฉินหลี้ละลายตากลับมา เดินขึ้นไปด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง

ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ เฉินหลี้ ต่างพากันชูนิ้วโป้งให้แก่เฉินหลี้ “พี่เฉินหลี้ สู้ ๆ รางวัลต้องเป็นของพี่แน่นอน”

เฉินฉีที่อยู่ข้างเฉินเหล่ยพูดอย่างแผ่วเบาว่า “พี่เฉินเหล่ย เฉินหลี้มันจะโอหังเกินไปแล้ว พี่ต้องบดขยี้ความเย่อหยิ่งของมันให้ได้นะ”

เฉิยเหล่ยยิ้มเบา ๆ “วางใจเถอะ ฉันจะระบายความแค้นให้กับนายเอง !”

เฉินเข่อเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเฉินโม่กระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “พี่เฉินโม่ เฉินหลี้คนนี้คือหนึ่งในผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับรางวัล แม้ว่าเขาจะทำตัวโอหัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสามารถในการทำธุรกิจของเขาไม่ธรรมดา”

เฉินโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หลับตาทำสมาธิ เมื่อได้ยินดังนั้น แม้แต่ตาก็ไม่เปิดออก ตอบคำถามของเฉินเข่อเอ๋อร์อย่างราบเรียบว่า “งั้นให้เขาทำตัวโอหังไปก่อนเถอะ”

การประเมินของเฉินหลี้เสร็จอย่างรวดเร็ว แต่ว่า ผู้รับผิดชอบทั้งสองคนกลับแสดงอาการตกใจออกมา

ขณะที่พวกเขานำผลการประเมินไปมอบให้เฉินตงซุ่น แม้แต่เฉินตงซุ่นเองยังอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเฉินหลี้ด้วยสีหน้าจริงจัง

ในที่สุด เฉินตงซุ่นก็นำผลการประเมินส่งให้กับเฉินกั๋วเหลียงและผู้อาวุโสอีกสองคนดู

“เป็นไปไม่ได้ ผลลัพธ์ของเฉินหลี้ทำให้สามผุ้อาวุโสถึงกับตกตะลึง เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว” ทายาทรุ่นหลังคนหนึ่งอุทานออกมา

“ฉันเดาว่ากำไรของเฉินหลี้น่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน ! ไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสทั้งสามคงไม่มีทางตกใจแน่”

“หนึ่งร้อยล้าน ! นั่นมันตั้งสิบเท่าเชียวนะ ! คนแบบนี้เรียกว่าเป็นอัจฉริยะได้เลย !”

เฉินฉีมองเฉินเหล่ยด้วยความกังวล “พี่เฉินเหล่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? หรือว่าเฉินหลี้จะเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ ?”

เฉินเหล่ยเกิดความกระวนกระวายในใจ แต่ว่าเขาก็มีความมั่นใจอยู่

“ไม่เป็นไร ดูต่อไปเถอะ”

เหล่าทายาทรุ่นที่สองรวมถึงเฉินตงหวาและเฉินจิงเย่ต่างก็เกิดความสงสัย

สายตาของเฉินตงหวามองไปยังชายวัยกลางคนที่มีอาการได้ใจ ถามออกไปว่า “พี่ฉงซาน เฉินหลี้เป็นลูกของคุณ ครั้งนี้เขาเพิ่มเงินทุนไปแล้วกี่เท่ากัน ?”

คนส่วนใหญ่ก็อยากรู้ สายตาต่างค่อย ๆ จับจ้องมาที่เฉินฉงซาน

เฉินฉงซานหัวเราะฮ่าฮ่า “ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เชิญทุกท่านดูต่อไปเถอะ”

พูดจบ สีหน้าของเขาก็แสดงความพึงพอใจออกมา