บทที่ 2573 ตัวการ 2 / บทที่ 2574

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2573 ตัวการ 2

เขาคนนี้เสมือนดวงตะวัน ไม่ว่าจะเหยียบย่างไปที่ใด ต่อให้ไม่ทำอะไร ก็ยังเป็นคนหนึ่งที่สะดุดตายิ่ง ทำให้สายตาของผู้คนวนเวียนอยู่รอบตัวเขาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้

กู้ซีจิ่วไม่อยากละสายตาไปจากเขาเลยแม้แต่ครู่เดียว

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนนี้ได้เห็นเขาตัวเป็นๆ ยืนอยู่ตรงนั้น หัวใจปั่นป่วนรุนแรงนัก อยากจะโผเข้าใส่อ้อมกอดเขาอย่างยิ่ง จากนั้นทั้งสองจะอยู่ด้วยกันในสถานที่ไร้ผู้คนมารบกวน กกกอดกันอย่างดี แต่ตอนนี้ชัดเจนว่ายังไม่ถึงเวลา ยังมีเรื่องอวิ๋นเยียนหลีที่ต้องสะสาง

ตี้ฝูอีคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ ชาติก่อนเขาเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์เกือบหมื่นปี การจัดการกิจการบ้านเมืองกลายเป็นนิสัยที่ฝังอยู่ในกระดูกของเขาแล้ว

ตอนนี้เขาฟื้นฟูความทรงจำในชาติก่อนแล้ว ซ้ำยังอยู่ในแดนอสุราที่ถูกผู้อื่นทำให้วุ่นวายเละเทะ เขาต้องใช้ความสามารถอันสะท้านสะเทือนของเขามาจัดการแก้ไขแน่นอน ทำให้แดนอสุรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เธอสูดหายใจเบาๆ ถึงแม้เธอจะมาอยู่ที่แดนอสุราแห่งนี้เพียงปีกว่า แต่อาจเป็นเพราะเคยตกทุกข์ได้ยากอยู่ที่นี่ เธอจึงเห็นที่นี่เป็นบ้านไปครึ่งหนึ่งแล้ว

เธอย่อมคาดหวังให้ชาวเผ่าเหล่านั้นของตนได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ…

หลายวันมานี้เธอขบคิดอยู่ตลอดว่าจะฟื้นฟูกฎระเบียบของที่นี่ด้วยกำลังของตนอย่างไรดี หาวิธีไม่เจอชั่วขณะ

ตอนนี้ดีแล้ว!

ตี้ฝูอีกลับมาอยู่ข้างกายเธออีกครั้งแล้ว เขาจัดการทุกอย่างได้แน่!

กู้ซีจิ่วสันโดษยิ่งนักเสมอมา แต่ขอเพียงตี้ฝูอีอยู่ข้างกายเธอ เธอก็หาที่พึ่งพิงพบแล้ว…

สองคนต่อสู้กันอยู่ภายในเขตแดนอย่างมืดฟ้ามัวดิน ไร้แสงเดือนแสงตะวัน

ในที่สุดสายตาของกู้ซีจิ่วก็เหลือบไปหาอวิ๋นเยียนหลีสองสามคราแล้ว

วรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีสูงยิ่ง! แถมกระบวนท่ายังพิสดารพันลึก ทำให้ยากจะป้องกันได้

เพียงแต่ตามที่กู้ซีจิ่วคาดการณ์ไว้ หลังจากเธอมองอยู่ครู่หนึ่งก็ทราบชัดเจนแล้วว่า ความพ่ายแพ้ของอวิ๋นเยียนหลีจะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว

เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้ฝูอี!

อวิ๋นเยียนหลีอยู่ด้านใน ย่อมสังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว

เขาไม่นึกเลยว่าตนลำบากฝึกฝนมาเนิ่นนานปานนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะสู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้!

เขาเศร้าหมอง เขาคับข้อง ทว่าอับจนหนทางแล้ว

เขาพากเพียรเพียงพอแล้ว แต่น่าเสียดายที่พรสวรรค์ด้อยกว่าผู้อื่นมากโข…

เขาก็เป็นชายชาตรีคนหนึ่ง มาถึงจุดนี้แล้วเขาก็ไม่คิดจะถอยหนี ชัดเจนยิ่งนักว่าเขาก็รักษาคำพูดที่เขาเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ตายไม่เลิกรา!

หากว่าชีวิตนี้เขาไม่อาจล้างแค้นได้ ถูกลิขิตให้ ไม่ได้ครอบครองนางในดวงใจ เช่นนั้นมิสู้เขาทุ่มเทชีวิตนี้ไว้ที่นี่เสีย มอบคำอธิบายให้แก่ตนเองและบิดามารดา!

เขาโจมตีใส่ตี้ฝูอีปานพายุฝนกรรโชก ในช่วงท้ายกลายเป็นการต่อสู้อย่างบ้าบิ่นโดยสมบูรณ์แล้ว วนเวียนรอบกายตี้ฝูอี

ในใจได้ตัดสินใจไปแล้ว สู้ตาย! ต่อให้สังหารอีกฝ่ายไม่ได้ ก็ต้องทำร้ายอีกฝ่ายให้ได้! แม้ว่าจะเป็นการข่วนผิวอีกฝ่ายสักรอยก็ตาม!

ศึกอันดุเดือดนี้เจิดจ้าน่าตะลึง ทำให้คนลายตา

คนของทั้งสองฝ่ายต่างมองอย่างกังวลยิ่งนัก ไม่กล้าหายใจแรงเลย!

ไม่กล้าแม้แต่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ เกรงว่าถ้ากะพริบตาสักแวบอาจจะพลาดละครดีฉากหนึ่งไป

ความสนใจของผู้คนล้วนอยู่บนร่างคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันภายในเขตแดน ไม่มีใครสังเกตเห็นจู๋ตู๋ชิงที่เร้นกายเข้าไปใกล้กู้ซีจิ่วอย่างเงียบเชียบ

เขากำลังจะเข้าถึงตัวกู้ซีจิ่วแล้ว เขาอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งจั้งเท่านั้น

เขาปรากฏตัวขึ้น แล้วลงมือทันที!

ความเร็วของเขาทัดเทียมกับวิชาเคลื่อนย้าย ไม่ให้เวลาผู้ใดได้ตอบสนองเลยสักนิด

ฝ่ามือนี้ของเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ รวบรวมพลังยุทธ์ที่แท้จริงทั้งหมดของเขาไว้ สมบูรณ์เลิศล้ำ

เขานึกว่าฝ่ามือนี้จะไม่พลาดเป้าเด็ดขาด ดังนั้นเมื่อฝ่ามือคว้าจับข้อมือข้างหนึ่งได้ ก็คล้ายจะรั้งเข้าสู่อ้อมแขนทันที

“ซีจิ่ว เจ้าต้องไปกับข้า…”

คำพูดท่อนหลังของเขายังไม่ทันได้เอ่ยออกมา ก็ชะงักไปราวกับถูกฟ้าผ่า จะชักมือกลับก็สายไปแล้ว!

————————————————————————————-

บทที่ 2574

มือข้างนั้นที่เขาจับอยู่ เย็นเฉียบแข็งทื่อมีเหลี่ยมแหลมคม แทบจะตัดมือเขาขาดแล้ว

นั่นไม่ใช่มือกู้ซีจิ่วเลย! แต่เป็นกระบี่เย็นเฉียบเล่มหนึ่ง!

ไม่น่าเชื่อว่าผู้ที่กุมกระบี่ยาวอยู่ คือตี้ฝูอีที่เพิ่งต่อสู้อยู่ในเขตแดน!

จู๋ตู๋ชิงถอยหลังไปสองก้าวทันที พบว่าเขตแดนนั้นแตกไปแล้ว อวิ๋นเยียนหลียืนอยู่ตรงนั้นราวกับย้ำอยู่ในความว่างเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว หลังจากทึ่มทื่ออยู่ครู่หนึ่งถึงร้องขึ้นมา

“ตี้ฝูอี ที่แท้เจ้าไม่ได้ตั้งใจสู้เลย!”

เมื่อครู่ทั้งสองต่อสู้กันจนเข้าสู่ช่วงสำคัญแล้ว อวิ๋นเยียนหลีถูกตี้ฝูอีสะกดข่มจนแทบหายใจไม่ออก เขาพลันตัดสินใจ ใช้พลังวิญญาณทั้งชีวิตของเขาส่งกระบี่หนึ่งออกมา! คิดจะกดดันให้ตี้ฝูอีป้องกันตัว กลับคาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะออกกระบวนท่านป้องกันตัวเพียงครึ่งท่า แล้วจู่ๆ ก็ซัดฝ่ามือใส่เขตแดนพุ่งออกไป ขวางจู๋ตู๋ชิงไว้โดยตรง…

ชัดเจนยิ่งนัก ต่อให้อยู่ระหว่างการต่อสู้ก็ยังแบ่งสมาธิไปหากู้ซีจิ่ว

ทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง หวั่นเกรงเสียสมาธิเป็นที่สุด อวิ๋นเยียนหลีนึกไปว่าต่อให้สยบเขาไม่ได้ แต่สามารถบีบให้เขาสำแดงพลังยุทธ์ทั้งหมดออกมาได้ก็คุ้มค่าแล้ว

กลับไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา ช่วงเวลาเช่นนี้ก็ยังแบ่งสมาธิได้!

ระหว่างตนกับผู้อื่นห่างชั้นกันไกลยิ่งนักจริงๆ…

ที่แท้ตนละทิ้งตัวตน ละทิ้งบรรทัดฐานแล้ว วรยุทธ์ที่บ่มเพาะออกมาก็ยังเทียบเด็กคนหนึ่งไม่ได้อยู่ดี!

เช่นนั้นตนทุ่มเทขนาดนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่?!

อวิ๋นเยียนหลียืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าเผือดซีด จิตใจปั่นป่วนดุจน้ำมันเดือด กระอักโลหิตคำหนึ่งออกมาเสียงดังเฮือก

ความเชื่อมั่นที่ค้ำยันเขาตลอดมาดุจขุนเขาพังถล่ม ร่างกายเขาซวนเซ เอ่ยอย่างรันทดหม่นหมอง

“ตี้ฝูอี เจ้าสังหารข้าเลยสิ!”

ตี้ฝูอีไม่สนใจมองเขาอีกเลย เขาโอบกู้ซีจิ่วไว้ในวงแขน

“เจ้าเป็นยังไงบ้าง? บาดเจ็บหรือเปล่า?”

หัวใจกู้ซีจิ่วอุ่นวาบ ทว่าอดนึกขันไม่ได้ เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนตุ๊กตากระดาษ จู๋ตู๋ชิงไม่มีทางเข้าถึงตัวเธอได้ไม่รู้หรือไง?

อันที่จริง เมื่อครู่ตอนที่จู๋ตู๋ชิง กำลังจะคว้าข้อมือเธอได้ เธอก็คิดจะเคลื่อนย้ายแล้ว ต่อให้ตี้ฝูอีพุ่งมาช่วยเหลือเธอไม่ทัน เธอก็หลบหนีอย่างปลอดภัยได้

เพียงแต่ เธอชอบที่เขาปกป้องดูแลเธอ ดังนั้นเธอจึงเอียงหัวซบอกเขา

“โชคดีที่มีท่าน ข้าไม่เป็นไร”

ตี้ฝูอีจุมพิตริมฝีปากนางทีหนึ่ง

“ระวังหน่อย อย่าให้ถูกหมูกัดได้”

จู๋ตู๋ชิงไม่สบอารมณ์แล้ว

เขาคือไผ่ไม่ใช่หมู[1]!

เขาหรี่ตานิดๆ พลันแย้มยิ้ม

“ตี้ฝูอี เจ้าฟื้นได้ทันเวลานัก”

ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมย

“แน่นอน”

แล้วกวาดตามองเขาอีกแวบหนึ่ง

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

จู๋ตู๋งชิงล้างการแปลงโฉมออกไป เผยโฉมหน้าแท้จริงออกมา

“ข้าคือคุณชายไผ่ขจีอย่างไรเล่า ท่านราชันมารจำผู้น้อยไม่ได้หรือ?”

คนรอบข้างมองหน้ากันเหลอหลา ณ ที่นี้มีคนมากมายที่เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณชายไผ่ขจีแห่งอาณาจักรมาร แน่นอนว่าทราบถึงการมีอยู่ของราชันมารด้วย นึกไม่ถึงว่าราชันมารและคุณชายไผ่ขจีแห่งอาณาจักรมารจะมาเยือนแดนมนุษย์กันหมด…

มนุษย์มารไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ผู้คนของที่นี่มีสัญชาตญาณรังเกียจและหวาดกลัวต่อมาร ดังนั้นฝูงชนที่เดิมทีมุงดูอย่างใกล้ชิดก็ถอยออกห่างอีกครั้ง…

เพียงคอยเงี่ยหูรับชมรับฟังอยู่ไกลๆ

“คุณชายไผ่ขจีเป็นเพียงนามแฝงของเจ้าเท่านั้น เจ้าเป็นใครกันแน่?”

ตี้ฝูอีไม่ถูกหลอกง่ายๆ เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง

“หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ ตัวการเบื้องหลังที่ถ่ายทอดค่ายกลวิญญาณร้ายนั้นให้อวิ๋นเยียนหลีก็คือเจ้า! โลกาวิบัติตอนแรกเริ่มก็เป็นฝีมือเจ้า! ใช่หรือไม่?!”

จู๋ตู๋ชิงหลุบตาเล็กน้อย แล้วเชิดหน้ายิ้มทันที

“ไฉนท่านราชันมารจึงคิดเช่นนี้เล่า?”

“ข้าถามเจ้าก็แค่ตอบว่าใช่หรือไม่?! แค่นี้ก็ไม่กล้าตอบหรือไง?”

เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้กระทบจิตใจของคนทั้งหมด สายตานับไม่ถ้วนมองเข้ามา รอคอยคำตอบเดียวจากจู๋ตู๋ชิง

————————————————————————————-

[1] เป็นการเล่นเสียงล้อเลียน เนื่องจากคำว่า หมู ในภาษาจีนออกเสียงว่า จู (猪) เสียงใกล้เคียงกับชื่อจู๋ตู๋ชิง