เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนเดินออกมาจากห้อง เห็นหลินหันเยียนที่มีสีหน้าแดงก่ำและเจ็บปวดอยู่ในอ้อมกอดของหวงฝู่อวี้ รีบพูดสั่งว่า “อุ้มไปที่เรือนของเจ้าก่อน เดี๋ยวข้าตามไป”
หวงฝู่อวี้รีบอุ้มหลินหันเยียนกลับมาที่ห้องของตน
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับเข้าไปในเรือน เปิดกล่องใส่เม็ดยา แล้วหยิบเม็ดยาออกมาหลายเม็ด
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกมาอยากจะห้าม แต่คิดถึงสีหน้าร้อนใจของหวงฝู่อวี้แล้วจึงดึงมือกลับมา ก้าวออกหนึ่งก้าว ปิดกล่อง “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไปเล็กน้อย ไม่นานก็เข้าใจความคิดของเขาทันที ยาเม็ดพวกนี้นั้นมีไว้สำหรับช่วยชีวิตในเวลาที่เกิดอะไรขึ้นตอนที่นางคลอด หวงฝู่อี้เชวียนไม่ยอมให้คนอื่นมากมายขนาดนั้นแน่นอน ที่ยอมให้นางเอาไปหลายเม็ดเพื่อช่วยหลินหันเยียนนั้น ถือว่าเห็นแก่หน้าหวงฝู่อวี้มากแล้ว ไม่เยี่ยงนั้นไม่ว่าผู้ใด อย่าหวังว่าจะเอาไปจากเขาได้แม้แต่เม็ดเดียว
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกซึ้งใจ เขย่งขาแล้วแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเขาเบาๆ หนึ่งที “วางใจเถิด ยาเม็ดพวกนี้ข้าไม่ได้ใช้แน่นอน”
หวงฝู่อี้เซวียนปิดปากเงียบ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันตัวไปที่เรือนของหวงฝู่อวี้
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตามไป แต่สั่งชิงหลวนและจูหลีให้ตามไปอย่างใกล้ชิด
หวงฝู่อวี้วางหลินหันเยียนลงบนเตียง สั่งให้คนตักน้ำมา ชุบผ้าให้เปียกแล้วเช็ดหน้าให้นางอย่างสะอาดด้วยตัวเอง แล้วรอเมิ่งเชี่ยนโยวมาด้วยความร้อนใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในห้อง เดินตรงมาที่ด้านหน้าเตียง นั่งลงบนเก้าอี้นุ่มที่จัดเตรียมไว้แล้ว ดึงแขนข้างหนึ่งของหลินหันเยียนออกมา วางนิ้วลงบนข้อมือของนาง
สักพักจึงจะดึงมือกลับมา แล้วหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ยื่นให้หวงฝู่อวี้ “ให้นางกินลงไปก่อน”
หวงฝู่อวี้รับมา นั่งข้างเตียงแล้วพยุงหลินหันเยียนขึ้นมา ยัดเม็ดยาเข้าไปในปากของนาง หลังจากนั้นก็ทุบหลังนางแรงๆ หนึ่งที
หลินหันเยียนกลืนเม็ดยาลงไป
เมิ่งเชี่ยนโยวตาโต “อวี้เอ๋อร์ นี่เจ้า…” นี่ก็รุนแรงเกินไปแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็ควรแบ่งเม็ดยาก่อนสิ
หวงฝู่อวี้ไม่รู้เลยว่าท่าทีของตัวเองนั้นมีอะไรไม่เหมาะสม วางหลินหันเยียนลง แล้วกล่าวถามด้วยความกังวลว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ เยียนเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แค่ป่วยใจ บวกกับร่างกายอ่อนแอ แล้วก็…” ประโยคต่อไปเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เอ่ยออกมา “เดี๋ยวข้าเขียนสูตรยาให้นางอีกหนึ่งสูตร เจ้าสั่งคนให้รีบไปซื้อยามาต้ม แล้วให้นางดื่ม”
หวงฝู่อวี้เดินไปข้างโต๊ะแล้วฝนหมึกให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง “พี่สะใภ้ใหญ่ รีบหน่อยได้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นแล้วเดินมาข้างโต๊ะ เขียนสูตรยาออกมาหนึ่งสูตร แล้วยื่นให้ชิงหลวน “ไปซื้อยาที่ร้านยาเต๋อเหริน อย่าให้ใครรู้”
ชิงหลวนรับคำสั่ง ในขณะที่กำลังจะรับมา หวงฝู่อวี้กลับดึงไปทันที “นางคุกเข่าเป็นเพื่อนเยียนเอ๋อร์ในวังเกือบครึ่งค่อนวัน ขาบวมเล็กน้อย ให้เฮ่ออีไปเถิด”
พูดจบ ก็ถือสูตรยาแล้วเดินออกจากห้องไป พูดสั่งเฮ่ออีให้ไปซื้อยาเงียบๆ
ในห้องของหวงฝู่อวี้ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สะดวกเปิดดูบาดแผลที่เข่าของชิงหลวน ขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกเจ้าจึงตามไปที่วัง”
หวงฝู่อวี้กลับมาที่ห้อง แล้วเดินตรงไปที่ข้างเตียง นั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม มองหลินหันเยียนตาไม่กะพริบ
ชิงหลวนมองเขาเล็กน้อย แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา
ที่แท้ นางและจูหลีทั้งสองตามหวงฝู่อวี้มาที่จวนราชเลขาเห็นประตูใหญ่ของจวนราชเลขาปิดสนิท นอกจวนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของบ่าวรับใช้สักคน หลินหันเยียนคุกเข่าอยู่นอกจวน มีผู้คนมุงดูอยู่รอบด้านไม่ใกล้ไม่ไกล ชี้นางแล้ววิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด
“เยียนเอ๋อร์” หวงฝู่อวี้เรียกแล้ววิ่งเข้าไป อยากจะพยุงนางขึ้นมา “รีบลุกขึ้น”
หลินหันเยียนคุกเข่าไม่ขยับ มองหวงฝู่อวี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา “พี่อวี้ ท่านแม่ไม่เอาข้าแล้ว พี่ใหญ่ก็ไม่เอาข้าแล้ว”
“เจ้าลุกขึ้นก่อน ข้าจะไปเคาะประตูเอง” หวงฝู่อวี้ดึงนางแรงๆ
หลินหันเยียนส่ายหัวไปมา “เป็นความผิดของข้า เป็นข้าที่ทำให้ทุกคนติดร่างแหไปด้วย ความผิดของข้าไม่ควรได้รับการอภัย ข้า…”
ชิงหลวนและจูหลีสบตากัน แล้วเดินออกมาพร้อมกัน
“คุณชายรอง ให้พวกข้าช่วยเถิด”
หวงฝู่อวี้ปล่อยหลินหันเยียน
ชิงหลวนและจูหลีก้าวเข้ามา ขนาบนางทั้งสองข้างแล้วใช้แรงยกนางขึ้นมา
หวงฝู่อวี้เดินตรงไปที่หน้าประตูจวนราชเลขาใช้แรงตีประตูใหญ่ ตะโกนเสียงดังว่า “เปิดประตู เปิดประตู”
แม้ว่าหวงฝู่อวี้จะเคาะเสียงดังเพียงใด แต่ในจวนก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น
หลินหันเยียนร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
หวงฝู่อวี้โมโหมาก ยกขาขึ้นเตะไปที่ประตูใหญ่ของจวนราชเลขา
ประตูใหญ่ยิ่งเสียงดังมากขึ้นไปอีก แต่แม้ว่าเยี่ยงนี้ ก็ยังคงไม่มีผู้ใดมาเปิดประตู
หวงฝู่อวี้โมโหร้อนใจ หันหลัง แล้วเดินกลับมาข้างๆ หลินหันเยียน “เยียนเอ๋อร์ ไป กลับจวนกับข้า ในเมื่อพวกเขาไม่เอาเจ้าแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าเอง”
หลินหันเยียนร้องไห้แล้วส่ายหัวไปมา “ไม่ พี่อวี้ นี่เป็นบ้านของข้า ข้าไม่ไปที่อื่น”
เห็นว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ หวงฝู่อวี้ส่งสายตาให้ชิงหลวนและจูหลี ให้ทั้งสองยกหลินหันเยียนกลับตำหนัก
ทั้งสองใช้แรงมือ กำลังพยุงหลินหันเยียนหันหลัง ก็มีม้าตัวหนึ่งวิ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว วิ่งมาหยุดตรงหน้าหลินหันเยียน ขันทีคนหนึ่งลงมาจากหลังม้า มองหลินหันเยียนที่มีสีหน้าซีดด้วยสายตาดูถูกเล็กน้อย ตรัสสั่งด้วยน้ำเสียงสูงว่า “ไทเฮาเรียกคุณหนูหลินเข้าวังหลวงขอรับ”
หลินหันเยียนหยุดชะงักไป
หวงฝู่อวี้ขวางหน้านางไว้ แล้วยิ้มออกมา “กงกง เหตุใดเสด็จย่าจึงเรียกเยียนเอ๋อร์เข้าวังด้วย”
“เอ อันนี้ข้าไม่รู้จริงๆ ความคิดของไทเฮาเป็นสิ่งที่เราจะคาดเดาได้เยี่ยงไร คุณชายรองได้โปรดหลีกทางเถิด ให้คุณหนูหลินรีบเข้าวังไปกับข้า” แม้ว่าท่าทีของขันทีจะให้ความเคารพมาก แต่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความดูถูก
เรียกหลินหันเยียนเข้าวังในเวลานี้ หวงฝู่อวี้ใช้ส้นเท้าคิดก็รู้ว่าไทเฮาจะต้องลงโทษนางแน่ๆ รีบกล่าวว่า “พอดีเลย ข้าก็ไม่ได้เข้าวังไปหาเสด็จย่านานแล้ว กงกงกลับไปก่อน ข้ากับเยียนเอ๋อร์จะตามไปทันที”
ขันทีกล่าวถามด้วยความหวังดีว่า “คุณชายรองมั่นใจหรือว่าจะตามไปเวลานี้”
หวงฝู่อวี้หยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วกล่าวว่า “ข้ามั่นใจ”
“ก็ได้ขอรับ ในเมื่อท่านยืนยันว่าจะไป หากถูกลงโทษอันใดจะโทษว่าข้าไม่เตือนไม่ได้”
ทันทีที่เขาพูดจบ หวงฝู่อวี้ก็ยิ่งมั่นใจว่าไทเฮาได้ยินเรื่องในวันนี้แล้ว และจะลงโทษหลินหันเยียน จึงพยักหน้าทันที “ขอบคุณสำหรับการเตือนของกงกง ต่อไปมีเรื่องดีๆ ต้องไม่ลืมท่านแน่ๆ นอน”
สีหน้าของขันทีจึงเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย “ถ้าเยี่ยงนั้นพวกเจ้ารีบหน่อย ไทเฮาอารมณ์ไม่ดี ถ้าหากให้ทรงต้องรอนาน ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่ข้าและท่านสามารถรับผิดชอบได้”
หวงฝู่อวี้พยักหน้า
ขันทีนั่งกลับขึ้นไปบนหลังม้า แล้วกลับไปรายงานที่วัง
หวงฝูอวี้นำหน้า ชิงหลวนและจูหลีพยุงหลินหันเยียนตามหลัง ทั้งหมดก็มาถึงหน้าประตูวังหลวง
คิดถึงคำกำชับของเมิ่งเชี่ยนโยว ชิงหลวนและจูหลีสบตากัน ตัดสินใจตามไปด้วย ผ่านหน้าประตูวัง ตรวจร่างกาย หลังจากมอบอาวุธบนตัวออกมาแล้ว ทั้งสี่มาถึงตำหนักของไทเฮา
กูกูผู้ดูแลยืนอยู่ในลาน เห็นทุกคนเข้ามา ก็มองหลินหันเยียนด้วยสีหน้ารังเกียจเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “คำสั่งของไทเฮา คุณหนูหลินทำผิดกฎที่หญิงสาวควรมี ทำเรื่องอนาจารในเวลากลางวันแสกๆ ความผิดนี้สมควรประหารชีวิต แต่เห็นแก่คนในครอบครัวมีผลงานในราชสำนัก ยกโทษประหาร แต่โทษอื่นไม่อาจละได้ วันนี้ลงโทษให้ท่านคุกเข่าในลานสี่ชั่วยาม ลงโทษเพื่อเป็นการตักเตือนก่อนจะทำความผิดไปมากกว่านี้ และเป็นตัวอย่างเพื่อเตือนสติผู้อื่นมิให้ทำตาม”
หวงฝู่อวี้ตกใจมาก อยากจะขอความเมตตา คำพูดหนึ่งประโยคของกูกูผู้ดูแลปิดปากเขาทันที “ไทเฮามีรับสั่ง หากคุณชายรองขอร้องหนึ่งประโยค คุณหนูหลินคุกเข่าเพิ่มสองชั่วยาม”
ประโยคขอร้องของหวงฝู่อวี้ถูกกลืนลงไปทันที ยืนอยู่ข้างๆ เงียบๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย
เสียงโมโหของไทเฮาดังออกมาจากด้านในตำหนัก “ไม่ได้มาพบข้าเป็นเวลานานเยี่ยงนี้ ยังไม่รีบไสหัวเข้ามาอีก หรือว่าต้องให้ข้าออกไปเชิญเจ้าด้วยตัวเอง”
หน้าผากของหวงฝู่อวี้เริ่มมีเหงื่อเย็นผุดออกมา รีบก้าวขายาวเข้าไปทันที คุกเข่าต่อหน้าไทเฮา “เสด็จย่าได้โปรดยกโทษให้หลานด้วย หลานมาทำความเคารพแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาส่งเสียง หึ หนึ่งคำ “ถ้าในสายตาเจ้ายังมีเสด็จย่าคนนี้ ก็ไม่ควรทำเรื่องที่ทำให้ราชวงศ์ขายหน้าเยี่ยงนี้”
หวงฝู่อวี้ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ก้มหน้าแล้วรับคำด่าว่าอย่างเชื่อฟัง
ด้านนอกห้อง กูกูผู้ดูแลมองหลินหันเยียนที่ถูกชิงหลวนและจูหลีพยุงไว้เล็กน้อย “อะไรกัน คำพูดเมื่อครู่ของข้าคุณหนูหลินได้ยินไม่ชัดหรือ ต้องการให้ข้าพูดใหม่อีกรอบหรือไม่”
หลินหันเยียนกัดริมฝีปาก แล้วคุกเข่าลงไป
ชิงหลวนและจูหลีก็คุกเข่าลงข้างๆ นาง
ในห้องไทเฮาก็ไม่เอ่ยอะไรอีก ปล่อยให้หวงฝู่อวี้คุกเข่าตรงหน้า
ในตำหนักไทเฮาเงียบสงบ ไม่มีเสียงเล็ดลอดแม้แต่น้อย
พอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่มีอารมณ์โกรธเล็กน้อย ขันทีและนางกำนัลในตำหนักก็เบาเสียงลง เกรงกลัวว่าจะทำให้ไทเฮาไม่พอพระทัย
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ร่างกายของหลินหันเยียนค่อยๆ เอนไปมา
ชิงหลวนและจูหลียื่นมือออกมาพยุงนางไว้
กูกูผู้ดูแลคิดว่าพวกนางเป็นสาวใช้ข้างตัวของหลินหันเยียน จึงตวาดทั้งสองว่า “ไม่รู้จักมารยาท อยากถูกฟาดด้วยตะบองรึ”
ทั้งสองรีบปล่อยหลินหันเยียน ก้มศีรษะลงบนพื้นทันที
สองชั่วยามผ่านไป ร่างกายของหลินหันเยียนยิ่งเอนตัวไปมามากขึ้น น้ำตาบนหน้ายิ่งไหลลงมาไม่หยุด เสื้อผ้าบนตัวก็เปียกไปหมดแล้ว
ชิงหลวนและจูหลีก็ไม่กล้ายื่นมือออกไปช่วยนางอีก
กูกูผู้ดูแลมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น ในสายตาไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ หลินหันเยียนทนต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ ล้มลงบนตัวจูหลี แล้วสลบไป
“คุณหนูหลิน” จูหลีรีบพยุงนางไว้
หวงฝู่อวี้ที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงร้องของจูหลี ใจกระตุกทันที เงยหน้ามองไปทางไทเฮาด้วยแววตาขอร้อง
แน่นอนว่าไทเฮารู้ว่าเรื่องเป็นเยี่ยงไร หลินหันเยียนเป็นลูกสาวของจวนราชเลขา หากทำเกินไปก็จะทำให้ท่านราชเลขาเสียหน้า จึงกล่าวว่าหวงฝู่อวี้อีกหนึ่งประโยคตั้งแต่เขาเข้าวังมา “ไสหัวไปเถิด อย่าอยู่ขวางหูขวางตาข้าเลย”
หวงอวี้ก้มศีรษะขอบพระทัย แล้วรีบลุกขึ้นมาทันที เดินสะดุดออกไป เห็นหลินหันเยียนนอนปิดตาอยู่ในอ้อมกอดของจูหลี ก็ปวดใจมาก ก้าวขายาวเข้าไป อุ้มนางขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันที
กูกูผู้ดูแลก็ได้ยินคำพูดของไทเฮา จึงไม่ได้ห้าม
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังจนจบ จึงกล่าวกับหวงฝู่อวี้ว่า “ให้คนไปซื้อยาลดอาการบวมมาด้วย เข่าของคุณหนูหลินน่าจะบวมแล้ว”
หวงฝู่อวี้เมื่อฟังดังนี้ก็เพิ่งจะได้สติขึ้นมา รู้สึกโทษตัวเองเป็นอย่างมากที่เอาแต่คิดเรื่องที่หลินหันเยียนสลบไป ลืมเรื่องที่นางคุกเข่าเป็นเวลาหลายชั่วยามไป จึงรีบสั่งให้คนไปซื้อทันที
หลินหันเยียนที่อยู่บนเตียงส่งเสียงเบาๆ
หวงฝู่อวี้รีบวิ่งไปด้านหน้าเตียง ด้วยความดีใจ “เยียนเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
หลินหันเยียนกะพริบตา จนเห็นรอบด้านชัดเจนแล้ว จึงรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องของหวงฝู่อวี้ ขานชื่อเบาๆ ว่า “พี่อวี้”
หวงฝู่อวี้พยักหน้า “ข้าเอง เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ข้าเป็นอะไรไป”
“เจ้า…” หวงฝู่อวี้เพิ่งจะเอ่ยคำเดียว พ่อบ้านก็วิ่งหอบเหนื่อยเข้ามาในเรือนอย่างรีบร้อน รายงานด้วยน้ำเสียงร้อนใจว่า “ซื่อจือเฟย คุณชายรอง กูกูผู้ดูแลในตำหนักไทเฮามาส่งพระราชเสาวนีย์ให้คุณหนูหลินขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจ
หวงฝู่อวี้หยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วเดินก้าวขายาวออกห้องทันที กล่าวถามว่า “อะไร พระราชเสาวนีย์อะไร”
“บ่าวไม่รู้ คนใกล้ถึงแล้วขอรับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ กูกูผู้ดูแลนำนางกำนัลในตำหนักสี่คน เดินเข้ามาในลาน ย่อตัวทำความเคารพหวงฝู่อวี้ “คุณชายรอง คุณหนูหลินฟื้นแล้วหรือยังเจ้าคะ ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ ให้นางออกมารับด้วย”
สมองของหวงฝู่อวี้ยังไม่ทันคิด จึงกล่าวตอบไปว่า “เยียนเอ๋อร์เพิ่งฟื้น ร่างกายยังอ่อนแอมาก พระราชเสาวนีย์นี้…”
กูกูผู้ดูแลขัดขวางเขาทันทีด้วยสีหน้านิ่งเฉย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ถ้าฟื้นแล้ว ก็ให้นางออกมารับพระราชเสาวนีย์เถิด ข้าก็จะได้กลับตำหนักเร็วๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวด่าหวงฝู่อวี้ว่า ‘โง่’ ในใจหนึ่งคำ ส่งสายตาให้ชิงหลวนและจูหลีพยุงหลินหันเยียนขึ้นมา ส่วนตัวเองเดินออกมายืนด้านหน้าประตู ยิ้มแล้วกล่าวว่า “กูกู ท่านรอสักครู่ คุณหนูหลินจะรีบออกมาทันที”
กูกูผู้ดูแลเห็นเมิ่งเชี่ยนโยว กวาดสายตาผ่านท้องของนาง ยิ้มแล้วย่อตัวทำความเคารพ “หม่อมฉันขอทำความเคารพซื่อจื่อเฟย ช่วงนี้ซื่อจื่อเฟยสบายดีหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วเดินมาข้างหน้านาง พยุงนางไว้ “กูกูเป็นสหายสนิทของเสด็จแม่ ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ของข้าด้วย ฉะนั้นต่อไปอย่าทำความเคารพข้าอีกเลยเจ้าค่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกูกูผู้ดูแลยิ่งกว้างขึ้นไปอีก “ซื่อจื่อเฟยยกย่องข้ามากไปแล้ว ข้าไม่กล้ารับจริงๆ” พูดจบ ก็มองท้องของเมิ่งเชี่ยนโยวเล็กน้อย “ร่างกายของซื่อจื่อเฟยดีหรือไม่”
“เพราะความดีงามของท่าน ทุกอย่างจึงดี ลูกก็สุขสบายดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรกวนใจเจ้าค่ะ”
“ถ้าเยี่ยงนั้นท่านก็โชคดีจริงๆ ต่อไปคลอดออกมาต้องเป็นเด็กดีสองคนแน่ๆ”
ชิงหลวนและจูหลีพยุงหลินหันเยียนที่ไร้เรี่ยวแรงเดินออกมาจากห้อง
รอยยิ้มบนใบหน้าของกูกูผู้ดูแลหายไปทันที ปล่อยเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “คุณหนูหลิน เชิญรับพระราชเสาวนีย์เถิด”
หลินหันเยียนกัดฟันแล้วคุกเข่าลง
กูกูผู้ดูแลยืนตัวตรง กล่าวด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดว่า “ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ว่า คุณหนูหลินจะเป็นได้แค่อนุภรรยา เป็นภรรยาเอกไม่ได้ตลอดชีวิต”