เมิ่งเชี่ยนโยวลืมตาขึ้นมาทันที แต่สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนกลับขรึมลงไป กดตัวของเมิ่งเชี่ยนโยวที่จะลุกขึ้นลงไป แล้วตนลงมาจากเตียง สวมใส่เสื้อคลุม เดินออกมานอกห้อง

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อวี้ร้อนใจ กังวลใจ เห็นหวงฝู่อี้เชวียนเดินออกมา แสดงท่าทางเหมือนเห็นคนที่สำคัญมาก รีบกล่าวว่า “ข้าไปเอาอาหารที่ห้องครัวให้นาง กลับมาก็เห็นหงเอ๋อร์ล้มอยู่ในห้อง แต่ไม่เห็นเยียนเอ๋อร์แล้ว”

 

 

“สอบถามแล้วหรือไม่”

 

 

หวงฝู่อวี้ยิ่งร้อนใจขึ้นไปอีก “ตอนบ่ายที่อุ้มนางกลับมา ข้ากลัวนางอาย จึงให้บ่าวรับใช้ในเรือนออกไปหมด”

 

 

“ชิงหลวน ไปถามหน้าประตูว่ามีผู้ใดพบเห็นคุณหนูหลินออกจากจวนหรือไม่” หวงฝู่อี้เซวียนสั่ง

 

 

ชิงหลวนยังไม่ทันรับคำสั่ง หวงฝู่อวี้ก็รู้สึกตัวทันที รีบหันหลัง “ข้าจะไปถามเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปถาม”

 

 

“หยุด!” หวงฝู่อี้เซวียนตะคอกห้ามเขาไว้

 

 

หวงฝู่อวี้หยุดเดินทันที หันกลับมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่ใหญ่”

 

 

“ทำท่าทางลุกลี้ลุกลนได้เยี่ยงไร ใจเย็นหน่อยสิ”

 

 

“พี่ใหญ่ ข้าใจเย็นไม่ได้จริงๆ ถ้าหาก ถ้าหากเยียนเอ๋อร์เป็นอะไร ข้า ข้าก็มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้เช่นกัน”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนอยากจะตำหนิต่อ เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากห้อง “น้องรอง คุณหนูหลินไม่เป็นอะไรแน่นอน สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือนางกลับจวนหลินไปแล้ว”

 

 

ทันทีที่นางพูดจบ หวงฝู่อวี้ก็ออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงตามมาทีหลังว่า “ข้าจะไปดูที่จวนหลิน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอยากห้ามไว้ก็ไม่ทัน จึงสั่งชิงหลวนและจูหลีทันทีว่า “พวกเจ้าสองคนตามไปดู หากจำเป็นจริงๆ ทำให้คุณหนูหลินสลบแล้วพากลับมา”

 

 

ชิงหลวนและจูหลีรับคำสั่งแล้วถอยออกไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนโอบเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ “ไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว กลับเข้าห้องไปพักเถิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยให้เขาพาตัวเองกลับเข้ามาในห้อง ถอดเสื้อคลุมแล้วกลับไปนอนบนเตียง “เจ้าก็ตามไปดูเถิด อย่าให้น้องรองเกิดเรื่องอะไรอีก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตอบ กลับถอดเสื้อคลุมของตนออก แล้วนอนลงไปบนเตียง “เขาโตแล้ว ต้องฝึกจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง จะพึ่งพาเราตลอดชีวิตมิได้”

 

 

“แต่เรื่องวันนี้…”

 

 

“เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวกับเรา เจ้าอย่าคิดมาก หลับเถิด ดูแลลูกในท้องให้ดี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับ อืม เบาๆ ค่อยๆ ขยับร่างเข้าไปใกล้ๆ อกเขา หาท่าหลับที่สบายในอ้อมกอดเขาแล้วเตรียมตัวหลับ ทันใดนั้นก็ถูกลูกเตะท้องหนึ่งที ร้อง โอ้ย ออกมา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรีบลุกขึ้นนั่งทันที ถามด้วยสีหน้าร้อนใจ “เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ไปที่ท้องของตัวเอง กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เร็วเข้าๆ พวกเขาเตะข้าอีกแล้ว”

 

 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตาโตขึ้นมาทันที เพิ่งจะวางมือลงบนท้องของนาง ก็ถูกเตะแล้วหนึ่งที จึงหยุดชะงักไปด้วยความตะลึงงัน

 

 

เด็กแสบเตะอีกหลายครั้ง หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกได้ทั้งหมด รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ กว้างขึ้น เหมือนดั่งไข่มุกราตรี ที่ทำให้ห้องสว่างขึ้นมาทันที ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ปกปิดไม่อยู่ “โยวเอ๋อร์ พวกเขาดิ้นแล้ว พวกเขาดิ้นแล้วจริงๆ”

 

 

เด็กแสบทั้งสองในท้อง ครั้งนี้ดิ้นเยอะมาก เตะนางติดต่อกันหลายครั้ง จริงๆ แล้วเมิ่งเชี่ยนโยวก็ตื่นเต้นมาก แต่หลังจากได้ยินคำพูดไร้สาระของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว ก็ทนหัวเราะออกมาไม่ได้ “ข้ารู้ พวกเขาแทบจะเตะทะลุท้องของข้าแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรไร้สาระออกมา ลูกอยู่ในท้องของเมิ่งเชี่ยนโยว นางต้องรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาดิ้นจริงๆ หรือไม่ หน้าเริ่มแดงเล็กน้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะวางมือลงบนท้องของนางอีกครั้ง “ลูก ข้าเป็นพ่อของพวกเจ้า ถ้าหากพวกเจ้าเข้าใจคำพูดของพ่อ ก็เตะอีกสองที”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมีความสุขอย่างมาก “ลูกยังเล็ก จะ…”

 

 

พูดยังไม่ทันจบ เด็กแสบสองคนในท้องเหมือนรู้เรื่อง เตะคนละหนึ่งที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไป ตาโตแล้วมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียนอย่างเหลือเชื่อ “อี้เซวียน พวกเขาเข้าใจคำพูดของเจ้าจริงๆ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ตื่นเต้นมาก พยักหน้าหงึกๆ “ข้ารู้ ข้ารู้”

 

 

แต่เด็กแสบทั้งสองกลับไม่ขยับอีกเลย

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก้มศีรษะลงไป แนบลงไปบนท้องของเมิ่งเชี่ยนโยว กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ในเมื่อพวกเจ้าได้ยิน พ่อก็จะพูดเรื่องหนึ่งกับพวกเจ้าก่อน แม่ของพวกเจ้าตั้งครรภ์พวกเจ้าเหนื่อยมาก พวกเจ้าต้องเชื่อฟัง ขอแค่พวกเจ้าไม่แกล้งแม่พวกเจ้า หลังจากพวกเจ้าคลอดออกมา หากพวกเจ้าอยากได้ดาวบนท้องฟ้า พ่อก็จะหาวิธีเอาลงมาให้พวกเจ้า แต่ถ้าหากพวกเจ้าไม่เชื่อฟังแกล้งแม่พวกเจ้า รอพวกเจ้าออกมา พ่อไม่เพียงแต่จะตีก้นพวกเจ้าแรงๆ ต่อไปก็จะไม่ซื้อของดีๆ ให้พวกเจ้าอีก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพูดจบ รอสักพักใหญ่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในท้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะออกมา แล้วพูดเล่นกับเขาว่า “ดูเจ้า ทำลูกตกใจกลัวไปแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็กล่าวอย่างปากแข็งว่า “หากกลัวจริงๆ ก็ดี ต่อไปจะได้ไม่ทำให้เจ้าเหนื่อย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา

 

 

รอไปอีกสักพัก ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หวงฝู่อี้เชวียนเอามือออก นอนลงไปอีกครั้ง ยื่นมือออกไป ให้เมิ่งเชี่ยนโยวนอนบนแขนของตัวเอง กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าว่าเด็กแสบสองคนในนี้น่าจะเป็นผู้ชาย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินก็หันข้าง แล้วกล่าวถามด้วยความแปลกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

 

 

“เจ้าดูสิ ข้าแค่ขู่ พวกเขาก็ไม่กล้าขยับแล้ว ต้องเป็นเด็กผู้ชายตัวป่วนสองคนแน่ๆ”

 

 

“ไม่แน่นะ ข้าว่าเป็นลูกสาวสองคน นิสัยเหมือนเจ้า หยิ่งนัก ได้ยินคำพูดของเจ้าแล้วโกรธ จึงไม่อยากสนใจเจ้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็หัวเราะออกมา แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากนางหนึ่งที “ไม่ว่าจะเป็นลูกชายสองคน หรือว่าลูกสาวสองคน ก็ไม่สำคัญเท่าแม่ของลูก เจ้าพักผ่อนเถิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วปิดตาลง ไม่นานก็หลับลึกไป

 

 

แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับจ้องไปที่ท้องของนาง ตื่นเต้นมากจนแทบจะนอนไม่หลับ

 

 

ทั้งสองหลับไปประมาณสองชั่วยามจึงตื่นขึ้นมา

 

 

หวงฝู่อี้กลับบ้านเก่าไป ชิงหลวนและจูหลีไปจวนราชเลขาในเรือนเหลือแค่โจวอันรับใช้คนเดียว ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้อง โจวอันรีบไปตักน้ำมาวางไว้หน้าห้อง “เจ้านาย น้ำเตรียมไว้แล้วขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกมาแล้วยกน้ำเข้าไป เอาผ้าชุบน้ำ เช็ดให้เมิ่งเชี่ยนโยวก่อน จึงจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วค่อยเรียกโจวอันเข้ามา

 

 

หลังจากโจวอันเข้ามาในห้องแล้ว ก็มองตรงๆ ไม่มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากทำความเคารพทั้งสองแล้ว จึงกล่าวว่า “หลังจากคนของกองกำลังรักษาความสงบภายในเมืองมาแล้ว ก็นำคนไปทันที พ่อบ้านได้ให้คนล้างคราบเลือดหน้าประตูให้สะอาดแล้วขอรับ ส่วนทางฝั่งจวนราชเลขานั้น ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ส่งมาขอรับ ถ้าหากคุณชายไม่วางใจ ข้าจะส่งคนไปสืบทันที”

 

 

“ไม่ต้อง ชิงหลวนกับจูหลีไม่ได้กลับมาส่งข่าว ก็หมายความว่าที่จวนราชเลขาไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราอย่าเพิ่งไปยุ่ง ตอนนี้งานแต่งของคุณชายรองกับคุณหนูหลินยังไม่แน่นอน หากเราเข้าไปยุ่งมากเกินไปจะไม่ดี”

 

 

โจวอันรับคำสั่ง แล้วถอยออกไป

 

 

ทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อย ฉวยโอกาสที่อากาศปลอดโปร่งแสนสบาย ไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ในจวน

 

 

หนึ่งชั่วยามผ่านไป พ่อบ้านรีบมาที่สวนดอกไม้ด้านหลัง รายงานว่า “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย พระราชโองการของฮ่องเต้ลงมาแล้วขอรับ”

 

 

“ว่า”

 

 

“ตำแหน่งราชเลขาหลินลดลงมาทีเดียวสามขั้น งดรับตั๋วเงินหนึ่งปี ส่วนคนตระกูลหลินคนอื่นๆ ไม่ได้รับบทลงโทษอันใดขอรับ”

 

 

สบตากับเมิ่งเชี่ยนโยว หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวถามว่า “คุณชายรองล่ะ ยังไม่กลับมาอีกหรือ”

 

 

“ยังขอรับ”

 

 

“หากเขากลับมา ให้คนมารายงานข้าทันที”

 

 

พ่อบ้านรับคำสั่ง แล้วถอยออกไป

 

 

จนคนออกไปไกลแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงกล่าวว่า “ไม่คิดว่าฮ่องเต้จะให้บนลงโทษกับราชเลขาหลินเบาเยี่ยงนี้”

 

 

“เสด็จลุงน่าจะคำนึงถึงจวนอ๋องฉี จึงลดโทษของราชเลขาหลินลง อย่างไรก็ตามอวี้เอ๋อร์ก็เป็นคุณชายรองของจวนอ๋องฉี จะให้สู่ขอหญิงสาวประชาชนธรรมดาเป็นภรรยาได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

จนเมื่อท้องฟ้ามืดลง ก็ไม่มีข่าวว่าหวงฝู่อวี้กลับมา แม้แต่ชิงหลวนและจูหลีก็ยังไม่กลับมา หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกผิดปกติ จึงสั่งโจวอัน “ไปสืบดู ว่าเรื่องเป็นเยี่ยงไร”

 

 

โจวอันรับคำสั่งแล้วเดินออกจากจวน ขี่ม้าไปที่จวนราชเลขา

 

 

หลังจากนั้นประมาณสองก้านธูป โจวอันขี่ม้ากลับมาอย่างรีบร้อน โยนบังเ**ยนม้าให้กับคนที่เฝ้าประตู แล้วรีบวิ่งมารายงานในเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน “คนในจวนราชเลขาบอกว่า คุณหนูหลินถูกไทเฮาส่งคนมาเรียกเข้าวังขอรับ คุณชายรองก็ตามไปด้วย ชิงหลวนและจูหลีไม่วางใจ จึงแต่งตัวเป็นสาวใช้ของคุณหนูหลิน แล้วตามเข้าไปในตำหนักของไทเฮาขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว คิดชั่วครู่ แล้วสั่งว่า “ไปเตรียมรถม้าไว้ รองด้วยผ้าปูที่นอนหนาๆ ไว้ แล้วไปรอที่หน้าวัง”

 

 

โจวอันรับคำสั่ง แล้วหันหลังเดินออกไป

 

 

“ไทเฮาน่าจะกริ้วมาก ดูแล้วบทลงโทษที่จะได้รับครั้งนี้ของคุณหนูหลินไม่น่าเบา” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว

 

 

“เสด็จย่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมเนียมประเพณีมาก ได้ยินเรื่องที่คุณหนูหลินและอวี้เอ๋อร์ทำ ส่งผลให้ราชวงศ์เสียหน้า ไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่นอน บทลงโทษนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องรับอยู่แล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกังวลใจเล็กน้อย “แล้วจะทำเยี่ยงไร ดูร่างกายของคุณหนูหลินนั้นอ่อนแอมาก แม้แต่เดินยังเอนไปมา จะรับบทลงโทษของไทเฮาได้หรือ”

 

 

“ไม่ว่าอย่างไร อวี้เอ๋อร์และคุณหนูหลินมีความสัมพันธ์ทางเนื้อหนังกันแล้ว การแต่งงานครั้งนี้อย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น เสด็จย่าไม่ให้คนอื่นลงโทษนางหนักแน่นอน มากสุดก็ให้นางคุกเข่า แต่การคุกเข่าก็แบ่งออกเป็นหลายแบบ ก็ต้องดูว่าเสด็จย่าจะใช้วิธีใดกับคุณหนูหลิน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มสนใจขึ้นมาทันที กล่าวถามด้วยความแปลกใจ “นี่ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ เจ้าพูดให้ข้าฟังหน่อย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนแตะจมูกนาง แล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่ฟังจะดีกว่า เดี๋ยวจะทำให้ลูกในท้องตกใจได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวห่อปากแล้วยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ตื้อให้เขาเล่าให้ตัวเองฟังต่อ

 

 

โจวอันได้รับคำสั่ง ก็รีบขี่ม้าไปที่หน้าวัง เวลาผ่านไปไม่นานก็เห็นหวงฝู่อวี้อุ้มหลินหันเยียนที่สลบไปแล้ว นางปิดตาแน่น สีหน้าซีดเซียว วิ่งออกมาจากวัง

 

 

ชิงหลวนและจูหลีเดินกระง่อนกระแง่นตามออกมาด้านหลัง

 

 

ศีรษะของหวงฝู่อวี้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ วิ่งตรงมาที่ด้านหน้ารถม้าอย่างรวดเร็ว อุ้มหลินหันเยียนขึ้นบนรถม้า แล้วรีบสั่งว่า “รีบกลับจวน”

 

 

โจวอันรีบยกแส้ม้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ฟาดลงไปบนก้นของม้าหนึ่งครั้ง ม้าเจ็บ ร้องเสียงหลง แล้วตะบึงตรงไปที่จวนอ๋องฉีอย่างรวดเร็ว

 

 

ชิงหลวนและจูหลีสบตากัน แล้วรีบใช้วิชาตัวเบาตามไปทันที

 

 

เมื่อถึงหน้าประตูจวน ไม่รอให้รถม้าหยุดนิ่ง หวงฝู่อวี้อุ้มหลินหันเยียนกระโดดลงจากรถม้า วิ่งตรงไปยังเรือนของหวงฝู่อี้เชวียน ร้องตะโกนว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ มาช่วยเยียนเอ๋อร์เร็ว นางตัวร้อนจี๋เลยขอรับ”