ตอนที่ 171

The Great Worm Lich

จางลี่เฉินรู้สึกประหลาดใจเมื่อคำขอของเขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้เด็ดขาด! ลูกรัก ลูกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษ มันอันตรายสำหรับลูกเกินไปที่จะกลับเสฉวน ลูกไม่สามารถไปที่นั่นได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม… นอกจากนี้แม่วางแผนที่จะพาลูกไปพบกับคุณตาคุณยายในช่วงวันหยุดฤดูหนาวนี้ด้วยแล้ว คุณตาของลูกจะอายุครบ 60 ในวันอาทิตย์แรกของปี วันนั้นจะเป็นวันที่พิเศษสำหรับท่านและจะเป็นวันที่ดีที่สุดที่คุณตาจะได้เจอกับลูกอีกด้วย”

 

ตามรอบการนับเลขแบบจีน เมื่ออายุเวียนมาครบ 60 ปีจะถูกเรียกว่าไจ้จี้ สำหรับคนจีน วันเกิดครบรอบ 60 ปีอาจกล่าวได้ว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม จางลี่เฉินไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับตาของเขามากมายนัก เขารู้เพียงว่าท่านเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ของนิวยอร์ก

 

ที่อเมริกา มันเป็นไปได้ยากที่ผู้พิพากษาสภานิติบัญญัติแห่งรัฐที่มีสถานะทางสังคมที่สูงมากจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้อพยพรุ่นแรกจากประเทศจีน

 

“วันเกิดครบรอบ 60 ปี… นี่ตายังสนใจเรื่องนี้อยู่อีกหรอในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีนอีกต่อไป…” แม้จางลี่เฉินจะไม่รู้สึกเห็นด้วยกับการกระทำของแม่และสิ่งที่เธอพูดออกมาก็ดูไม่สมเหตุสมผลกันเสียเลย แต่ถึงอย่างนั้นจางลี่เฉินก็ยังพยายามแก้ต่างให้กับตัวเอง

 

“ลูกรัก สัญชาติไม่ได้เป็นนิยามร่วมกับวัฒนธรรมนี่จ้ะ ถ้างั้นจากมุมมองทางกฎหมายลูกก็ใช่คนจีนเช่นกันน่ะสิ?”

 

“มันไม่เหมือนกันนะแม่! ผมโตมาจากที่จีนและเลือดของผม…”

 

“ไม่สำคัญว่ามันจะเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง แต่แม่จะไม่ยอมให้ลูกกลับไปจีนเด็ดขาด ไม่มีวัน!” อารมณ์ภายในพรั่งพรูออกจากตัวลิลี่พร้อมด้วยความมุ่งมั่น

 

จางลี่เฉินตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นว่า “อย่าโกรธไปเลยนะแม่! ผมจะไม่กลับเสฉวนก็ได้ถ้าแม่ไม่ยอมให้ผมไป!”

 

“ลูกรัก ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากปล่อยให้ลูกไป แต่… แต่ประเทศจีน โดยเฉพาะที่เสฉวนตะวันตกที่ห่างไกลนั่นอาจเป็นอันตรายสำหรับลูกได้ อย่าคิดว่าที่นั่นคือบ้านของลูกแม้ว่าลูกจะเติบโตจากที่นั่นเลยนะ ในความเป็นจริงลูกมีศัตรูนับร้อยนับพันอยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ! ศัตรูธรรมชาติมากมาย! ลูกจะต้องไม่กลับไปที่นั่นโดยไม่เตรียมการระวัง ที่นั่นอันตรายเกินไป!”

 

เมื่อเห็นว่าแม่ของตัวเองไม่ได้พูดออกมาแค่เพราะมันเป็นข้ออ้างแต่พูดด้วยใจจริงทำให้จางลี่เฉินเกิดความรู้สึกแปลก ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยอารมณ์ของลิลี่ที่ท่วมท้นจนเธอไม่สามารอดกลั้นเอาไว้ได้เขาจึงไม่ได้ถามอะไรออกไปแล้วสัญญาว่าเขาจะไม่กลับไปประเทศจีนอีก

 

ภายใต้การปลอบโยนที่ชาญฉลาดของชายหนุ่ม จากนั้นไม่นานลิลี่ก็เริ่มสงบ เขาจึงแกล้งถามลอย ๆ ไปว่า “แม่ ที่แม่บอกว่าที่จีนผมมีศัตรูตามธรรมชาติอยู่มากมายมันหมายถึงอะไร? มันคงไม่ใช่พวกศัตรู…”

 

“ในสายตาของพวกหัวรุนแรงที่น่ากลัวลูกคือศัตรูของพวกเขา” เมื่อได้ยินคำถามจากลูกชายลิลี่ลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทั้งหมดก็เพื่อพยายามให้เขายกเลิกความคิดที่จะกลับประเทศจีน

 

“ลูกรัก ลูกสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้เพราะงั้นลูกก็น่าจะรู้ว่าตัวเองแตกต่างจากคนทั่ว ๆ ไป แม่จะพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างไรดี? ลูกเป็นเหมือนกับชาวยิวที่เกิดมาพร้อมกับตราบาปต่อหน้าผู้ที่เชื่อและคลั่งไคล้ในศาสนาคริสต์ พวกเขาจะเป็นศัตรูกับลูกและพวกเขาก็จะฆ่าลูกอย่างไม่มีเหตุผล! ไม่เพียงแค่นั้น พฤติกรรมดังกล่าวจะไม่ถูกประณามแต่จะได้รับความเคารพและการมีชื่อเสียงแทน ลูกยังจำตอนก่อนที่แม่จะพาลูกมาที่นิวยอร์กได้ไหม? ที่ ๆ เราเดินผ่านวังชิงหยางที่เฉิงตูกัน ในตอนนั้นมีเด็กผู้หญิงที่มีพลังน่าเหลือเชื่อปรากฏตัวออกมาเพื่อเป็นศัตรูกับลูก หากไม่ใช่ความจริงที่ว่าแม่พูดภาษาอังกฤษและปล่อยให้เธอเข้าใจผิดถึงที่มาของลูกไป บางที… บางทีผลที่ตามมาลูกอาจคาดไม่ถึงเลยก็ได้”

 

“มีเหตุการณ์แบบนั้นด้วยเหรอ? แม่ แล้วแม่รู้ไหมว่าคนพวกนั้นเป็นใคร?” จางลี่เฉินถามขณะที่เขาหมกมุ่นอยู่ในความคิด

 

“แม่เองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่คนพวกนั้นส่วนใหญ่จะแต่งตัวเป็นนักบวชหรือไม่ก็พระลัทธิเต๋า แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด! … ฟังนะลูกรัก แม่อยากให้ลูกรับปากกับแม่ด้วยใจจริงว่าลูกจะไม่กลับไปประเทศจีนอีกเด็ดขาด มันอาจเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับลูกเนื่องจากที่นั่นเป็นบ้านเกิดของลูก แม้ว่าลูกจะให้สัญญากับแม่ตอนนี้แต่ลูกก็อาจไม่รักษาสัญญาในสักวัน …เอาล่ะ เรามาตกลงกัน เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น จนกระทั่งลูกอายุ 23 …ไม่! อายุ 30! 30 ดีกว่า! ในตอนนั้นลูกก็จะมีภาพลักษณ์แบบคนอเมริกันและจะมีสถานะทางสังคมที่สูงเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครมาทำร้ายลูกได้อีกต่อไปแม้ลูกจะกลับไปประเทศจีน ให้สัญญากับแม่ได้ไหมลี่เฉิน? สัญญากับแม่ว่าลูกจะไม่กลับไปที่นั่นจนกว่าลูกจะอายุ 30”

 

“ได้สิแม่! แม่มั่นใจได้เลยว่าผมจะไม่กลับไปประเทศจีนอีกจนกว่าผมจะลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ”  เมื่อมองจ้องเข้าไปที่ดวงตาของผู้เป็นแม่ จางลี่เฉินพยักหน้าตอบรับพร้อมพูดติดตลก

 

ลิลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น และเพื่อเป็นการมั่นใจ ชายหนุ่มจึงไม่พูดถึงเรื่องที่เขาอยากกลับมณฑลเสฉวนตะวันตกเพื่อเยี่ยมเยือนคนที่นั่นหลังจากนั้นอีกเลย

 

เพียงพริบตา วันคริสมาสต์ก็เริ่มเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นทุกที ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ จางลี่เฉินได้อยู่ร่วมงามฉลองกับที่บ้านและเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกันสตีเฟ่น ลาวีน พี่ชายคนโตสุดของครอบครัวที่กลับมาจากแคลิฟอร์เนียเช่นเดียวกับแรนดี้และไรลีย์ที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามานานหลังจากเข้าเรียนหมาวิทยาลัยซึ่งกลับมาเกือบจะพร้อมกันกับพี่ชายคนโต

 

ในฐานะเริ่มเป็นกองหลังให้กับทีมฟุตบอลยูซีแอลเอ สตีเฟ่นมีผมสีบลอนด์ยาวและมีสีหน้าท่าทางที่เข้มแข็งพร้อมด้วยร่างกายที่แข็งแรงกว่าผู้เป็นพ่อของเขา อย่างไรก็ตาม นิสัยของเขาแตกต่างไปจากรูปร่างหน้าตาโดยสิ้นเชิง เขาเป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นมิตรอย่างมาก

 

ทันทีที่เขาเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มที่ทั้งสูงและแข็งแรงก็ได้มอบของขวัญที่เขาเตรียมมาให้กับมิเชล แฮร์รี่ และกิลที่ตะโกนพร้อมโวยวายกระโดดเข้าหาเขา

 

“พี่ใหญ่สตีเฟ่น! สตีเฟ่นกลับมาแล้ว!” จากนั้นเขาก็มองจางลี่เฉินที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม “เฮ้ นายคงเป็นลี่เฉินล่ะสินะ! พอจะเข้ามากอดทักทายพี่ชายของนายเป็นครั้งแรกได้ไหม?”

 

“แน่นอน” จางลี่เฉินยิ้มแล้วเดินเข้าไปกอดสตีเฟ่นอย่างอบอุ่น “สวัสดีสตีเฟ่น”

 

“สวัสดีลี่เฉิน โอ้ใช่! นี่คือของขวัญของนายที่ฉันเตรียมมาให้” สตีเฟ่นพูดขณะยื่นกล่องของขวัญที่เขาถือมาให้จางลี่เฉิน “ลองเปิดดูสิ นายชอบมันไหม?”

 

กล่องบรรจุชุดดิสก์ Blu-ray “สัตว์อันเป็นที่รักของโลก” ที่มีความละเอียดสูงของเนชั่นแนลจีโอกราฟิกแชนแนล นี่เป็นของขวัญที่เยี่ยมที่สุดสำหรับคนเก็บตัวที่หลงใหลเกี่ยวกับการวิจัยทางชีววิทยา

 

“ชอบที่สุดเลย ขอบคุณมาก!” จางลี่เฉินดีง DVD ออกจากกล่องของขวัญแล้วมองดูมันพร้อมตอบกลับไปอย่างสุภาพ

 

“น้องชายลี่เฉินที่รัก ฉันก็มีของขวัญให้นายเหมือนกันนะ มันคือมีดโกนขนหมูแต่น่าเสียดายที่ฉันทำหายไปซะแล้ว” แรนดี้ที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นพร้อมหัวเราะ

 

หลังจากประสบความสำเร็จในการเข้ายูซีแอลเอ ชายหนุ่มที่ดื้อรั้นคนนี้แทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปเลยแม้จะใช้ชีวิตครึ่งปีในการเรียนมหาวิทยาลัยและกลายเป็นเพื่อนร่วมทีมฟุตบอลกับพี่ชายของตัวเองแล้วก็ตาม

 

“หุบปากไปเลยนะแรนดี้! เงินที่ให้ไปใช้ประจำวันก็เอาไปให้แฟนหมด จะไปมีปัญญามาซื้อที่โกนขนหมูมาแกล้งลี่เฉินเขาได้ยังไง? น่าสมเพช! หลบไปถ้านายไม่มีของขวัญให้เขา” ไรลีย์พูดก่อนจะดันตัวเขาให้ออกไปแล้วยื่นของขวัญให้กับน้องชายของตัวเอง

 

จางลี่เฉินได้รับไม้แกะสลักแบบอินเดียมาเป็นของขวัญ ตามที่ไรลีย์ซึ่งเข้ามหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียบอก ตอนที่เธอห็นลิงตัวนี้ที่ตลาดนัดใกล้กับมหาวิทยาลัยเธอรู้สึกว่าสไตล์ของมันคล้ายกับรูปปั้นคางคกที่จางลี่เฉินมี ด้วยเหตุนี้เธอจึงซื้อมันมาและมอบเป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้กับเขา

 

เหตุผลในการเลือกของขวัญดูน่าขันเมื่อชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ ๆ เขาพูดตอบกลับไปอย่างสุภาพอีกครั้งว่า “ขอบคุณ ฉันชอบมันมาก ๆ”

 

ทุกครั้งที่เกิดช่วงเวลาดังกล่าว เขาจะกลายเป็นเหมือนแขกของครอบครัวนี้แทนและไม่สามารถผสานไปกับครอบครัวนี้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

 

คืนคริสต์มาสอีฟที่มีแต่ความสุขในสายตาของทุกคนได้ผ่านไปอย่างว่างเปล่าในสายตาของจางลี่เฉิน

 

หลังคืนวันคริสต์มาสอีฟผ่านไป อุณหภูมิในนิวยอร์กก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจนไปถึงช่วงปีใหม่ ในวันที่อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย จางลี่เฉินรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปหาทีน่าที่กำลังจะกลับมหาวิทยาลัยของเธอแต่เนิ่น ๆ เพื่อไปร่วมงานสมาคมหญิงสาวฮาร์วาร์ดที่มีการจับฉลากกันเพื่อไปส่งเธอที่สนามบิน

 

แน่นอนว่าตระกูลดั๊กลินจะมีคนรับรถส่วนตัวให้ทีน่าอยู่แล้วแต่ชายหนุ่มผู้กล้าท้าลมหนาวตอน 7 โมงก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ด้านนอกประตูคฤหาสน์สไตล์อังกฤษที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในแมนฮัตตันก่อนจะกดกริ่งที่หน้าประตูด้วยเจตนาที่มุ่งมั่น

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรือไม่?” หลังจากออดดังขึ้นสองสามครั้งเสียงชราวัยก็ดังออกจากลำโพงมอนิเตอร์ที่ติดอยู่ตรงประตู

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ ผมจางลี่เฉิน มาหาทีน่าน่ะครับ”

 

“โปรดรอสักครู่นะครับ”

 

ไม่กี่นาทีต่อมา ชายชราร่างผอมสูงที่แต่งตัวด้วยชุดทักซิโด้พร้อมผมสีเงินของเขาที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบได้ขับรถกอล์ฟจากที่จอดรถไกล ๆ มาที่ประตูเหล็ก

 

“ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลดั๊กลินครับ มิสเตอร์จางลี่เฉิน” เขาลงจากรถกอล์ฟและเปิดประตูเหล็กจากนั้นก็โค้งคำนับชายหนุ่มอย่างสุภาพ “กรุณาขึ้นมาที่รถก่อนเถอะครับ ผมจะพาคุณไปยังห้องนั่งเล่นก่อน มิสเตอร์ดอลบี้กำลังรอคุณอยู่”

 

“เอ่อ แต่ผมมาที่นี่เพื่อมารับทีน่า”

 

“คุณหนูยังเตรียมตัวไม่เสร็จน่ะครับ เกรงว่าคุณจะต้องรออีกสักครู่ก่อนที่เธอจะจัดการตัวเสร็จ ก่อนหน้านั้นมิสเตอร์ดอลบี้หวังว่าเขาจะได้คุยกับคุณเป็นการส่วนตัวก่อน”

 

จางลี่เฉินไม่สามารถปฏิเสธการเรียกร้องของพ่อทีน่าได้ แต่หลังจากไตร่ตรองเขาก็พบข้อแก้ตัวและชี้ไปที่รถของเขา “เกรงว่ามันคงจะไม่สะดวกถ้าผมต้องจอดรถไว้ที่นี่…”

 

“เดี๋ยวจะมีคนมาพารถคุณไปยังลานจอดให้เองในภายหลัง คุณครับ ถ้าผมอยู่ในวัยเช่นเดียวกับคุณและมีแฟนสาวที่สวยงามผมคงจะไม่ปล่อยให้พ่อของเธอต้องรอนานถ้าเขาอยากเจอตัว”

 

“ใช่ คุณพูดถูกแล้ว เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา จางลี่เฉินก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนวิ่งไปที่ประตูเหล็กอย่างคล่องแคล่วและกระโดดขึ้นบนรถกอล์ฟโดยรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถหนีได้พ้นอีกต่อไป ตอนนั้นเองเขาก็ไม่ได้ลืมที่จะสอบถามบางอย่าง “รู้ไหมครับว่าทำไมมิสเตอร์ดอลบี้ถึงต้องการพบผม?”

 

“ต้องขอภัยด้วยครับมิสเตอร์จาง ตัวผมเป็นเพียงพ่อบ้านไม่ใช่ผู้ส่งสาร อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นชายชราที่เฝ้าดูมิสทีน่าที่เติบโตและหวังว่าเธอจะมีความสุขไปตลอดชีวิตผมจะให้คำแนะนำแก่คุณ 2 คำ ‘มารยาท’ และ ‘สำรวม’ เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดเสมอสำหรับสุภาพบุรุษ” ในขณะขับรถกอล์ฟ ชายชราพาชายหนุ่มไปยังคฤหาสน์ที่มีกำแพงล้อมรอบด้วยเถาวัลย์เขียวขจีชวนให้ความรู้สึกที่มืดหม่นและน่าสั่นเทาขณะที่เขาพูดด้วยรอยยิ้ม