การตกแต่งภายในของคฤหาสน์ตระกูลดั๊กลินเต็มไปด้วยกรอบไม้และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามที่เผยให้เห็นถึงความเร่งรัดทางประวัติศาสตร์และภาพลักษณ์ที่หรูหรา
เมื่อจางลี่เฉินเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เขาไม่ได้สนใจภาพวาดเก่า ๆ อันวิจิตรที่วางประดับไว้ทุกที่แต่คิดถึงความปรารถนาที่มิสเตอร์ดอลบี้มีในการอยากพบเขาแทน
“มิสเตอร์จาง มิสเตอร์ดอลบี้กำลังรอคุณอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือครับ เชิญด้านในได้เลยครับ” ชายหนุ่มยังคงเดินตามหลังพ่อบ้านไปเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดสิ้นสุดของทางเดินโดยไม่รู้ตัว พ่อบ้านสูงวัยผลักประตูไม้ที่หุ้มด้วยหนังสีน้ำตาลแดงให้เปิดออกขณะแนะนำให้จางลี่เฉินเดินเข้าไปด้านใน
เขาปล่อยให้จางลี่เฉินเข้าไปข้างในห้องเพียงลำพัง ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอบคุณครับ” จากนั้นถึงเดินเข้าไปให้ห้องที่อยู่ตรงสุดปลายทางเดิน
ห้องนี้ไม่มีหน้าต่างแต่มีไฟติดอยู่บนเพดานเพื่อทำให้มันดูสว่างและกว้างขวางยิ่งขึ้น ที่พื้นถูกปูด้วยพรมแคชเมียร์สีแดงหนาในขณะที่ผนังทั้งสามด้านเต็มไปด้วยชั้นหนังสือไม้เนื้อแข็ง ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยหนังสือหุ้มปกแข็งและมีโต๊ะทำงานสีดำสนิทตั้งอยู่กลางห้อง
“อรุณสวัสดิ์ครับมิสเตอร์ดอลบี้” จางลี่เฉินผู้ซึ่งไม่ค่อยประหม่าแม้แต่ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายแต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นเร็วขึ้นเมื่อกล่าวคำทักทายพร้อมเผยรอยยิ้มฝืน ๆ มิสเตอร์ดอลบี้ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ด้านหลังโต๊ะเงยหน้าขึ้นมองจางลี่เฉินด้วยสายตาเฉียบแหลม
“อรุณสวัสดิ์มิสเตอร์ลี่เฉิน นั่งก่อนสิ” มิสเตอร์ดอลบี้ชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ประโยคแรกของเขาทำให้การแสดงออกของจางลี่เฉินเปลี่ยนจากความกังวลเป็นฉงนจนพูดไม่ออก
“เดี๋ยวทีน่าก็ออกมาแล้วล่ะ ดังนั้นฉันจะขอพูดสั้น ๆ ว่าฉันอยากให้เธอออกจากประเทศนี้ไปซักพัก ไปอยู่ในที่ ๆ ห่างไกล ที่ ๆ จะไม่ดึงดูดความสนใจจากใคร ยิ่งไกลออกไปได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี อยู่ที่นั่นสัก 3 … 4 …. อยู่ที่นั่นสัก 6 เดือนก็แล้วกัน แล้วต้องไปภายใน 10 วันนี้”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรครับมิสเตอร์ดอลบี้?”
“เธอมีความลับบางอย่าง ฉันรู้เรื่องนั้นดี แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าความลับนั้นคืออะไรแต่ฉันขอเดาว่าความลับพวกนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอสามารถช่วยลูกสาวฉันและเพื่อนสนิทของเธอมาหลายต่อหลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะร่องรอยที่เธอทิ้งไว้ขณะช่วยทีน่าและวิธีที่ทำให้ลูกสาวฉันหลงเธอจนหัวปักหัวปำ ยังไม่นับรวมที่เธอทั้งเก่งและมีอนาคตที่สดใสผิดปกตินั่นอีก แน่นอนว่าฉันจะไม่บอกเรื่องของเธอกับใคร แต่ความลับของเธอกำลังได้รับความสนใจจากหน่วยงานพิเศษบางแห่งของประเทศอยู่ ตอนนี้สิ่งที่ฉลาดที่สุดที่เธอจะสามารถทำได้คือการออกจากประเทศและไปอยู่อย่างสันโดษที่ไหนสักแห่งสักพัก”
เมื่อได้ยินคำเตือนของดอลบี้ จางลี่เฉินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสับสน “มิสเตอร์ดอลบี้ การที่ผมต้องอยู่ห่างจากประเทศนานหลายเดือนขนาดนั้นจะช่วยให้ความสงสัยจากหน่วยงานพิเศษหมดไปได้อย่างไร?
“ที่เธอยังรักษาความสงบสุขมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็นับว่าเยี่ยมมากพอแล้ว ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้แล้ว นิโกรผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีถึงสองวาระจะต้องลาออกจากทำเนียบขาว เมื่อถึงเวลานั้น การ์ดที่ดีที่สุดบนมือเธอจะสามารถเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ตัวเธอได้เอง รวมถึงความช่วยเหลือจากฉันและฮอว์วิค สเตกด้วยแล้ว รับรองว่าเธอจะต้องไม่เป็นอะไร เว้นเสียแต่ว่าเธอจะไปโจมตีเพนตากอนเข้าเสียก่อน”
“การ์ดที่ดีที่สุดบนมือของผม? คุณหมายถึงสหภาพเกษตรกรแห่งชาตินอกนิวยอร์กน่ะเหรอครับ? เรื่องพวกนี้จะช่วยในการค้าขายได้อย่างไร?” จางลี่เฉินถามเมื่อสายตาของเขาสับสนจนทำอะไรไม่ถูก “ไม่เพียงแค่นั้น แต่คุณยังร่วมมือกับมิสเตอร์ฮอว์วิค สเตกอีก? ผมคิดว่าพวกคุณสองคนไม่ค่อยจะถูก…”
“ไม่มีอะไรที่ฉันไม่สามารถนำมาใช้เพื่อเป็นการค้าในเกมการเมืองได้ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันจะสามารถบอกเธอได้พ่อหนุ่ม และอีกสิ่งหนึ่งในฐานะชาวอเมริกัน ฉันยอมที่จะเสียสละทุกคนเพื่อผลประโยชน์ของชาติ แต่สิ่งนี้จะต้องไม่รวมถึงลูกสาวของฉัน ไม่รวมถึงทีน่า…”
“พ่อพูดถึงหนูอยู่หรอคะ?” ทันใดนั้นประตูห้องอ่านหนังสือก็เปิดออก ทีน่าหัวเราะเล็กน้อยขณะเดินเข้ามาด้านในโดยสวมเสื้อสเวตเตอร์สีชมพูสดใส “โอ้ที่… ลี่เฉิน! ทำไมนายถึงมาอยู่ในห้องอ่านหนังสือกับพ่อได้? แล้วทำไมไม่โทรมาหาฉันก่อนล่ะ? รอนานมากไหม?”
“มิสเตอร์ดอลบี้อยากคุยอะไรกับผมนิดหน่อย ผมเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน”
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่งั้นเหรอ? เมื่อกี๊ก็เพิ่งพูดชื่อฉันไปด้วยนี่ ใช่ไหม?”
“พ่อกำลังคุยกับแฟนของลูกเกี่ยวกับเรื่องที่จะร่วมมือกันอยู่น่ะ เราวางแผนที่จะสร้างห้องปฏิบัติการชีวภาพขนาดใหญ่ที่ตั้งเป็นชื่อลูกที่แอฟริกา” ดอลบี้ตอบคำถามลูกสาวของเขาไปด้วยรอยยิ้ม
“หนูเข้าใจนะคะถ้าทั้งสองคนอยากจะสร้างห้องปฏิบัติการชีวภาพขนาดใหญ่ แต่ทำไมต้องที่แอฟริกา?” ทีน่าไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับสิ่งที่ได้ยินดี
“ทีน่า แอฟริกาเป็นทวีปที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากอุตสาหกรรมสมัยใหม่จาก 5 ทวีปทั่วโลก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจำนวนชีวภาพจะมีความ ‘บริสุทธิ์’ และวัสดุที่มีมากมายขนาดไหน หลายประเทศที่พัฒนาแล้วก็สร้างห้องปฏิบัติการทางชีวภาพขึ้นที่นั่นนะรู้ไหม” หัวใจของจางลี่เฉินเหมือนโดนกระทุ้งเบา ๆ เมื่อดอลบี้เพิ่มคำอธิบายคำตอบไปด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นพ่อควรเลื่อนการพุดคุยเกี่ยวกับเรื่องห้องปฏิบัติการทางชีววิทยานี้ไปไว้คราวหน้านะคะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไปส่งหนูที่สนามบินก่อน”
“โธ่ ลูกสาวที่รักของพ่อ นักบินส่วนตัวของพ่อก็เตรียมตัวพร้อมแล้วนะ ถ้าลูกเปลี่ยนใจก็ให้เขาบินไปส่งลูก … ”
“หนูไม่ได้อยากเป็นที่สนใจขนาดนั้นนะคะพ่อ! การมีเงินไม่อาจทำให้ได้รับความเคารพที่ฮาร์วาร์ดได้”
“เชื่อพ่อสิลูกรัก คนที่บอกลูกมาแบบนั้นเขาจะต้องเป็นคนจนที่น่าสงสารมาตลอดทั้งชีวิตแน่ ๆ เงินจะทำให้ลูกได้รับความเคารพที่ทุกและทุกเวลา หากมันไม่เป็นเช่นนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือยังมีเงินไม่มากพอ”
“โอเคค่ะพ่อ งั้นหนูไปก่อนนะคะ หนูไม่อยากมาทะเลาะกับพ่อตอนนี้” ทีน่าวิ่งเข้าหาพ่อของเธอในขณะเดินบนพรมนุ่มแล้วจูบหน้าผากของเขา “แล้วไว้เจอกันนะคะ! เดี๋ยวอีก 1 เดือนหนูจะกลับมา”
“พ่อจะคิดถึงลูกตลอดทั้งเดือนเลยลูกรัก แล้วไว้เจอกันนะ” ดอลบี้หอมแก้มลูกสาวของเขาด้วยความอาลัย “ลาก่อนนะ! มิสเตอร์ลี่เฉิน”
เมื่อได้ยินคำบอกลาของดอลบี้ จางลี่เฉินจึงตอบกลับพร้อมโบกมือ “ลาก่อนครับ มิสเตอร์ดอลบี้”
“เวลานายเป็นกังวลก็ดูน่ารักไปอีกแบบดีนะ” ทีน่าวิ่งเข้ามาควงแขนของชายหนุ่มก่อนจะกระซิบกับเขาขณะพากันเดินออกจากห้องอ่านหนังสือไป
พวกเขาสองคนเดินออกจากคฤหาสน์โดยนั่งรถกอล์ฟเพื่อไปยังรถของจางลี่เฉินที่จอดไว้ ทีน่าคะยั้นคะยอด้วยความรีบเร่ง “รีบขับไปเร็วเข้าที่รัก! เราจะต้องไปรับทริชแล้วก็ชีล่าต่ออีกนะ! ถ้าช้ากว่านี้พวกเราได้สายกันหมดแน่!”
“ถ้าพวกเธอรู้ว่าตัวเองกำลังจะไปสายแล้วพวกเธอก็น่าจะไปสนามบินกันเองแล้วล่ะมั้ง” จางลี่เฉินพึมพำขณะสตาร์ทเครื่องยนต์
“ไม่หรอก ก็พวกเราอยากใช้ชีวิตแบบหญิงสาวในมหาลัยทั่ว ๆ ไปนี่! พวกเรากำลังพยายามใช้จ่ายให้น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์ต่อภาคการศึกษาอยู่ และจะบริจาคเงินที่เก็บไว้ให้กับเด็กยากจนบนโลกที่ต้องการความช่วยเหลือ”
“โอ้ อย่างนั้นเหรอ…” ด้วยเหตุผลนี้ชายหนุ่มจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปอีกนอกจากเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นในขณะที่เขาขับรถไปตามถนนในนิวยอร์ก
หลังจากไปรับทริชและชีล่าทางฝั่งตะวันตกตอนบนของแมนฮัตตันแล้ว จางลี่เฉินก็พาหญิงสาวทั้ง 3 คนไปยังสนามบินลาการ์เดียทางด้านทิศเหนือของลองไอส์แลนด์ในทันที
จางลี่เฉินยืนเฝ้าหญิงสาวทั้ง 3 คนเดินเข้าเครื่องไปและไม่ลืมที่จะจูบลากับทีน่าแม้จิตใจของเขาจะไม่ค่อยรู้สึกสบายใจเท่าไหร่นัก
เมื่อเขาเดินออกจากตัวอาคารมา จิตใจของเขายังคงวนเวียนและไม่สามารถตัดสินใจสิ่งใดได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงยังอยู่ในลานจอดรถกลางแจ้งด้านนอกสนามบินเพื่อเพลิดเพลินไปกับสายลมหนาวนานกว่า 10 นาทีก่อนตัดสินใจจะตอบรับคำเตือนของดอลบี้เพื่อเดินทางไปต่างประเทศ
เขาตัดสินใจเลือกได้แล้ว จากนั้นชายหนุ่มก็ได้แต่ให้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะขับรถกลับบ้าน
เมื่อเห็นลูกชายของเธอกลับมา ลิลี่ที่กำลังทำขนมพายไส้เนื้ออยู่ในห้องครัวจึงเอ่ยทักทายเขาไปด้วยรอยยิ้ม “ลูกรัก ไรลีย์ มิเชล กิลล์และแฮร์รี่ไปกับสตีเฟ่นและแรนดี้เพื่อไปรับเพื่อนของพวกเขาที่จะมาจากแอลเอ เพราะงั้นวันนี้จะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่จะอยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกัน รอแม่แปปหนึ่งนะจ๊ะ เดี๋ยวพายก็จะเสร็จแล้วแหละ”
“หอมจังเลยนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?” จางลี่เฉินเดินเข้าไปในครัวด้วยท่าทีลำบากใจ
“โอ้ ลูกไม่ค่อยจะช่วยแม่ในห้องครัวเลยนะ ลูกรัก ถ้าลูกอยากจะขออะไรก็บอกแม่ตรง ๆ ได้เลยนะ”
“อ่า … เอ่อคือ คืออย่างนี้นะแม่ มิสเตอร์ดอลบี้ คุณพ่อของทีน่าวางแผนที่จะร่วมมือกับผมในการสร้างห้องทดลองทางชีววิทยาขนาดใหญ่ที่แอฟริกา แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้นเขาหวังว่าผมจะสามารถไปที่นั่นเพื่อดูสถานที่จริงได้”
“ห้องทดลองทางชีววิทยาขนาดใหญ่? ลูกรัก ลูกอยากสร้างห้องทดลองทางชีววิทยาขนาดใหญ่กับใครสักคนงั้นเหรอจ๊ะ? และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นที่แอฟริกาอีกด้วย?” ลิลี่ถามพร้อมดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดมา
“แม่รู้ไหม จากทั้ง 5 ทวีปบนโลกมีห้องทดลองทางชีววิทยาหลายแห่งที่ถูกสร้างขึ้นที่นั่นนะ” จางลี่เฉินหว่านล้อมโดยหยิบยกคำอธิบายที่ใช้กับทีน่าขึ้นมา “และไม่เพียงเท่านั้น แม่ก็น่าจะรู้ว่าบริษัทของผมไม่ใช่ขนาดเล็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว ผมลองคิดถึงเรื่องนี้ดูอย่างจริงจังแล้วนะครับ เนื่องจากมิสเตอร์สตีเว่นให้สัญญาว่าเขาจะทำให้ผมเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดก่อนเดือนกันยายนปีนี้เพราะงั้นมันก็ไม่มีความหมายที่ผมจะเรียนที่โลว์บิจ จูเนียร์ ไฮต่อไป”
“แต่ลูกรัก มิสเตอร์สตีเว่นอาจไม่ได้เป็นศาสตรจารย์ที่สแตนฟอร์ดแม้ว่าบทความของเขาจะได้รับการตีพิมพ์ลงบนวาร ‘วิทยาศาสตร์’ ก็ได้นะ”
“แต่เขามีความมั่นใจมากถึง 90% เลยนะครับแม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นในกรณีที่เลวร้ายที่สุดผมก็แค่ต้องซ้ำเกรด 11 ใหม่ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือสำคัญอะไร สิ่งที่ผมต้องการคือการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่และสร้างห้องทดลองทางชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลก การเดินทางไปแอฟริกาอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการตระหนักถึงความฝันของผม…”
“ถ้างั้นก็สัญญากับแม่มาว่าลูกจะไม่ไปประเทศจีนเด็ดขาด!”
“โธ่แม่ แม่กังวลเรื่องนี้อีกแล้วงั้นเหรอ! ผมสัญญา ผมจะไม่กลับประเทศจีนอีกเป็นอันขาด!” เมื่อรู้ว่าลิลี่ยอมตกลงให้เขาได้ไปแอฟริกาแล้วก็เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะพูดให้สัญญาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วลูกคิดจะไปเมื่อไหร่?”
“ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แม่จะพาผมไปหาคุณตาอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ใช่ไหม? เพราะงั้นผมวางแผนที่จะออกเดินทางทันทีหลังจากวันนั้น”
“แอฟริกามีขนาดที่ใหญ่มากนะ ลูกตัดสินใจเลือกประเทศที่จะไปได้แล้วหรือยัง?”
“ยังเลยแม่ ผมต้องคิดเรื่องนี้กับมิสเตอร์ดอลบี้อีกทีหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดประเทศนั้นจะต้องมีสถานการณ์ทางการเมืองที่มั่นคงและสามารถรับประกันความปลอดภัยให้กับชาวต่างชาติและทรัพย์สินของผมได้” จางลี่เฉินที่เข้ามาช่วยลิลี่ในการทำพายยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อทำให้แม่ของเขารู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังแทรกขึ้นมา
หลังจากเขากดรับสาย ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากแรนดี้ดังก้องมาจากอีกฝั่ง “ลี่เฉิน นายไปส่งแฟนของนายแล้วหรือยัง?”
“เสร็จแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่บ้าน”
“เยี่ยม! ออกมาเร็ว! เพื่อนสนิทของสตีเฟ่นและฉันจากมหาวิทยาลัยกำลังอยู่ที่นิวยอร์ก ไรลีย์ มิเชล แฮร์รี่และกิลล์ก็อยู่ด้วย พวกนั้นมาช่วยฉันสร้างความบันเทิงให้กับแขกของพวกเราดังนั้นก็เหลือแค่นายเท่านั้นแล้ว หนึ่งคำสำหรับนายนะพวก ที่นี่เต็มไปด้วยสาว ๆ มากมายเลยล่ะ!”
“ฉันอยู่บ้านกับแม่แล้วเรากำลังจะทานมื้อกลางวันด้วยกัน ฉันคงไม่ออกไป…”
“ไม่เอาน่าลูกรัก ลูกควรออกไปเที่ยวเล่นกับพี่น้องของลูก ๆ บ้างนะ” ลิลี่ยิ้มก่อนจะเอาโทรศัพท์ของจางลี่เฉินมาคุยกับแรนดี้แทน “ไงแรนดี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแล้ว?”