บทที่ 7 บทที่ 25 ไหลไปเหมือนสายน้ำ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

นีโรพบว่าเจ้าของสมาคมผู้นี้ช่างระมัดระตัวจริงๆ ตัวเธอเองยังมีความเคยชินให้สังเกตเห็นเช่นเวลาลูบกระเป๋าก็ยังสามารถสัมผัสกับหมากฝรั่งที่ตนเองชอบเคี้ยวได้ 

 

หลังแกะห่อเอาหมากฝรั่งออกมาเคี้ยวอยู่ในปากแล้ว นีโรก็หลับตา แบมือขวาออกมา 

 

กลิ่นไอสีแดงโผล่ออกมาจากกลางฝ่ามือของเธอ ขณะเดียวกันพื้นดินที่ฝ่ามือของเธอเล็งตรงไปก็เริ่มโผล่อนุภาคเล็กๆ ออกมา 

 

ของเหล่านี้เป็นแร่เหล็กที่ซ่อนอยู่ในดินใต้แม่น้ำ 

 

ไม่นานแร่เหล็กเหล่านี้ก็เริ่มรวมตัวขึ้น ยืดยาว เปลี่ยนแปลง ขึ้นรูป สุดท้ายก็กลายเป็นรูปร่างแบบเดียวกับดาบยามะ นีโรหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมา ดีดเล็กน้อย ดูเหมือนจะพึงพอใจ 

 

ลั่วชิวมองอย่างสนใจ 

 

นีโรเขย่าดาบยามะในมือ พูดอย่างพึงพอใจมาก “คนของสมาคมมักจะเข้าใจว่าฉันสำเร็จถึงขั้นที่หนึ่งเท่านั้น ความจริงแล้วไม่ใช่เลย นับตั้งแต่ขั้นที่สองดาบยามะก็ไม่ยึดติดกับลักษณะภายนอกอีก ที่ลุงคุกเอาไปนั้นเป็นเพียงแค่แค่เปลือกเท่านั้น หากสมาคมต้องการรู้ความจริงอย่างน้อยก็ต้องรอให้พวกเขาหาผู้สืบทอดที่ล้มเหลวไปสิบครั้งแปดครั้งมาได้ก่อน และบางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้เลยก็ได้” 

 

แต่เจ้าของสมาคมลั่วก็ได้แต่ส่ายหน้า ในขณะที่นีโรสร้างดาบนั้นก็สร้างของสีดำขรุขระบางอย่างออกมาด้วย 

 

 “อันนี้คือ” นีโรชะงักจากนั้นก็ย่อกายลงเริ่มขุดขี้เถ้ากับดินแถวนั้นมาผสมลงบนของสิ่งนี้ “ลุงคุกระมัดระวังมาก ไม่แน่ว่าในช่วงเช้า เขาอาจกลับมาดูว่าจำนวนซากศพครบไหม หากพบว่าขาดไปหนึ่งก็คงแย่มาก” 

 

นีโรส่ายหน้าและพูดว่า “สภาวะแบบนั้นของลุงคุก ต่อไปหากพบกันเข้า…ก็ไม่ควรยั่วโมโหเขาจะดีกว่า” 

 

 “คุณเองก็ระมัดระวังตัวมากเช่นกัน” ลั่วชิวชม 

 

หลังจัดการเสร็จแล้ว นีโรถึงปัดดินในมือออก จากนั้นก็วิ่งไปไกลหน่อยและขุดเอากล่องกล่องหนึ่งออกมาจากใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ภายในนี้มีกล่องใช้บรรจุวิญญาณที่เจ้าของสมาคมลั่วเคยมอบให้เธอไว้ใช้ รวมไปถึงแผ่นกลมที่ใช้ตามหานกหวีด และยังมีถุงใบเล็กอีกใบ 

 

 “กะไว้แล้วเชียวว่าลุงคุกจะต้องค้นเอาของในตัวฉันไป ยังดีที่ซ่อนเอาไว้ก่อน” 

 

เธอเปิดกล่องบรรจุดวงวิญญาณ จับเอาวิญญาณที่เหลืออยู่ออกมา แล้วก็รีบวิ่งไปตรงหน้าลั่วชิว “นี่สำหรับซานเอ๋อร์ตัวปลอม นี่สำหรับเสี่ยวจือตัวปลอม พวกนี้ใช้สำหรับการรักษา…อา แป๊บเดียวก็ใช้หมดแล้ว”  

 

ลั่วชิวพูดว่า “ที่จริงแล้วไม่ต้องให้ผมช่วยรักษาบาดแผลให้ก็ได้ อย่างน้อยขั้นสองของดาบยามะก็ทำให้คุณไม่ตายแล้ว” 

 

นีโรส่ายหน้าและพูดว่า “แต่ฉันไม่อยากอยู่ในที่รกร้างกันดารแบบนี้ไปอีกหลายเดือน ฉันต้องรีบไปจากที่นี่ อีกอย่างจะต้องไม่เหลือร่องรอยใดๆ ให้ลุงคุกพบเจออีก” 

 

 “อ๋อ ใช่แล้ว ดูเหมือนฉันจะมีส่วนลดด้วยใช่ไหม ของพวกนี้ยังมีเหลืออยู่ใช่ไหม” ทันใดนั้นนีโรก็ถาม 

 

 “เรื่องเล็กเท่านี้ คุณหนูนีโรยังคิดจะใช้ส่วนลดด้วยหรือ” ลั่วชิวเอ่ย 

 

 “แน่นอน มีปัญหางั้นเหรอ” นีโรพูดอย่างแปลกใจ “ส่วนลดเป็นของฉัน ฉันจะใช้ยังไงก็เป็นสิทธิ์ของฉัน อีกอย่าง ฉันใช้ส่วนลดหมดเร็ว พวกนายก็สามารถหาประโยชน์จากฉันได้สะดวกเท่านั้นไม่ใช่เหรอ” 

 

ลั่วชิวไม่คิดจะต่อปากกับผู้หญิงคนนี้จึงพูดเบาๆ ว่า “คุณลูกค้า นี่เป็นส่วนที่เหลืออยู่” 

 

เขาคืนดวงวิญญาณบางส่วนให้นีโร 

 

นีโรส่ายหน้าและพูดว่า “ใช้อันนี้ซื้อความโชคดี…ให้แม่ลูกคู่นั้นเถอะ” 

 

ลั่วชิวพูดเบาๆ ว่า “คุณหนูนีโรใจดีจริงๆ” 

 

นีโรถลึงตามาอย่างไม่พอใจ “อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันเองก็เป็นผู้หญิงนะ เอาเถอะ ที่จริงแล้วฉันกับนายก็พูดคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าของสมาคมผู้ร้ายกาจ ฉันไปแล้วนะ…ครั้งหน้าถ้าฉันไม่มีที่ไปแล้วค่อยมาพึ่งนายใหม่ก็แล้วกัน บาย” 

 

เธอส่งจูบลอยมาให้เจ้าของสมาคมอีกแล้ว 

 

ทรราชของสมาคมไมเคิลจึงประสบผลสำเร็จในแกล้งตายและหลบหนีจากสมาคมได้ชั่วคราวแบบนี้นี่เอง 

 

… 

 

… 

 

เป็นเวลาเดียวกันกับเมื่อวาน คุกที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา…เวลานี้เมื่อเขาคิดถึงเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน คุกก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น 

 

 “สลัดหลุดจากที่นี่ก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่สร้างปัญหาให้ฉันอีก” คุกพึมพำอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกันนั้นก็หันหน้าไปมองประตูห้อง 

 

ถึงจะเป็นตอนที่ยังเป็นมาร์คและยังไม่ฟื้นฟูความทรงจำก็ยังมีสัญชาตญาณแจ้งเตือนเลยไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย  

 

เสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาไม่สามารถหลบซ่อนจากการได้ยินของเขาได้ 

 

เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าประตูครู่หนึ่ง บนประตูถึงมีเสียงเคาะประตูเบาๆ และยังมีเสียงของซานเอ๋อร์พูดว่า “มาร์ค คุณนอนหรือยัง” 

 

คุกนิ่งไปครู่หนึ่งถึงพูดว่า “มีเรื่องอะไร” 

 

ซานเอ๋อร์ที่คิดว่าจะไม่ได้รับคำตอบและกำลังจะจากไปด้วยความผิดหวังหันหน้ากลับมา เข้าไปใกล้ประตูและพูดเบาๆ ว่า “พรุ่งนี้คุณ…จะไปแล้วเหรอ” 

 

 “ใช่” 

 

 “…จะกินข้าวเช้าก่อนไปไหม” 

 

 “ฉันจะไปก่อนฟ้าสาง” 

 

 “ความทรงจำของคุณฟื้นฟูกลับมาแล้วใช่ไหม ตอนกลับมาฉันรู้สึกว่าคุณไม่เหมือนเดิม” ซานเอ๋อร์พูดแนบประตูเบาๆ 

 

ไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไม่ว่าท่าทางของเขาหรือความรู้สึกของเธอล้วนแต่ไม่เหมือนเดิม ซานเอ๋อร์จับความรู้สึกอะไรบางอย่างได้ 

 

 “ใช่” 

 

หลังเธอครุ่นคิดแล้วก็รวบรวมความกล้าพูดว่า “มาร์ค คุณ…อยากจะอยู่ต่อไหม” 

 

ภายในห้องเงียบไปนาน 

 

ซานเอ๋อร์น่าจะรู้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ ร่างกายเธอไถลลงมาตามบานประตู นั่งลงกอดสองขาของตนเองไว้ 

 

เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ชายที่บุกเข้ามาในชีวิตของเธอนั่งอยู่หรือยืนพิงประตูอยู่กันแน่ และก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ 

 

หลังผ่านไปนาน ซานเอ๋อร์ถึงเงยหน้าขึ้นมาพูดเบาๆ ว่า “เสี่ยวจือ…คงจะเสียใจมาก” 

 

เสียงคุกดังออกมาว่า “เด็กจะลืมคนและสิ่งต่างๆ ได้ไว” 

 

ซานเอ๋อร์หันไปถามว่า “แล้วผู้ใหญ่ล่ะ” 

 

คุกพูดแนบประตูว่า “พอเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้ใหญ่ก็จะเป็นเหมือนกัน” 

 

ซานเอ๋อร์หัวเราะอย่างอ้างว้าง ไม่นานก็พูดว่า “ก็ใช่ หากไม่ดูรูปภาพ ฉันก็เกือบลืมใบหน้าของสามีไปแล้วเหมือนกัน” 

 

คุกไม่พูดอะไร 

 

ซานเอ๋อร์คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ นับตั้งแต่ที่เสี่ยวจือพบผู้ชายคนนี้จนกระทั่งเขาเข้ามาพักอยู่ในบ้านของตนเอง 

 

เริ่มรู้สึกว่าการมีผู้ชายสักคนในบ้านก็ไม่เลว…เวลาที่ป่วย…เวลาที่ไม่มีที่พึ่ง 

 

หลากหลายช่วงเวลา 

 

ถึงคำนินทาจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่เสียงหัวเราะดังขึ้นในร้านขายเต้าหู้อีกครั้ง 

 

 “เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหมือนกับความฝันเลย” ซานเอ๋อร์หัวเราะ…เธอคิดถึงเรื่องกระดากใจ 

 

 “อืม” คุกตอบกลับมาเช่นนี้ 

 

สำหรับเขาแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับมาร์คก็เหมือนเป็น…ประสบการณ์ที่ไม่สามารถปลดปล่อยได้ 

 

 “แต่ก่อนฉันไม่เคยคิดว่าจะพบเจอเรื่องราวมากมายขนาดนี้มาก่อน” 

 

ซานเอ๋อร์จับใบหน้าพูดว่า “แต่งงานเร็ว มีลูก มีสามีที่ไม่เลว ต่อมาสามีตายก็คิดจะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ คุณรู้ไหม มีบางครั้งฉันก็คิดว่าหลังผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ฉันอาจจะเป็นเหมือนพวกป้าๆ แถวบ้านที่เริ่มเร่งให้ลูกสาวแต่งงาน” 

 

 “สิบกว่าปี เร็วเกินไป” คุกพูด 

 

 “เร็วเกินไปเหรอ” ซานเอ๋อร์ชะงัก จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา 

 

 “เธอหัวเราะอะไร” คุกขมวดคิ้วขึ้น 

 

ซานเอ๋อร์หัวเราะมากไปหน่อย หัวเราะจนเกือบร้องไห้ออกมา “อยากหัวเราะเฉยๆ ไม่ได้หรือไง” 

 

 “แล้วแต่เธอ” คุกพูด 

 

 “มาร์ค คุณมักจะเย็นชาแบบนี้เสมอเลยเหรอ” 

 

 “เพราะไม่มีอะไรที่น่าหัวเราะ” คุกก็พิงประตูนั่งลง พิงหลังอยู่กับประตูบานเดียวกันกับเธอโดยไม่รู้ตัว 

 

 “คงไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยเจอเรื่องที่มีความสุขมาก่อนหรอกนะ” 

 

 “มีปัญหางั้นเหรอ” 

 

 “ไม่มีหรอก แค่รู้สึกว่าน่าสงสารก็เท่านั้น” ซานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ถึงจะเป็นฉันเอง แต่ก่อนก็ยังพบเจอเรื่องที่ทำให้มีความสุขมากมาย อา คิดถึงสมัยมัธยมปลายจริงๆ…ใช่แล้ว คุณรู้ไหมว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนอยู่มัธยมปลาย มีเด็กผู้ชายดื้อหลายคนในห้องแอบสอดแผ่นซีดีหนังลามกไว้ในหนังสือของอาจารย์คาบวิชาภาษาจีน ต่อมาภรรยาของอาจารย์พบเข้า ได้ยินว่าคืนนั้นไม่ได้นอนทั้งคืน พอเข้าสอนในวันถัดมา พวกเด็กผู้ชายพวกนั้นก็ถูกลงโทษให้วิ่งรอบสนามและพูดว่า ‘ต่อไปจะไม่ดูซีดีหนังลามกอีก’ พวกเราก็พากันมุงดู น่าหัวเราะมาก คุณคิดยังไง…” 

 

คุกพูดว่า “มีอะไรน่าหัวเราะงั้นเหรอ” 

 

ซานเอ๋อร์ถามกลับไปว่า “ไม่ตลกงั้นเหรอ” 

 

ซานเอ๋อร์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “งั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คุณจะต้องหัวเราะแน่ ฉัน…” 

 

ผู้หญิงที่นั่งอยู่นอกประตูเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของตนเอง ส่วนผู้ชายก็นั่งฟังนิ่งๆ อยู่ด้านในประตู ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงท้ายสุดเขาไม่ได้หัวเราะเลย เพียงแค่ส่ายหน้าและใช้คำพูดง่ายๆ ตอบกลับไปเท่านั้น 

 

 “นี่ก็ไม่ตลกอีกงั้นเหรอ” ซานเอ๋อร์ถามคำถามเดิม 

 

 “ไม่ตลก ทำไมเธอไม่บอกอาจารย์ไปตรงๆ เลยล่ะ” 

 

… 

 

 “แบบนี้ล่ะ” 

 

 “ธรรมดา” 

 

… 

 

ผ่านไปนานมาก 

 

ซานเอ๋อร์หลับอยู่หน้าประตูโดยไม่รู้ตัว 

 

ทันใดนั้นภายในห้องก็สว่างขึ้น จากนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง 

 

ฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นมา 

 

… 

 

… 

 

ต่อมาซานเอ๋อร์ตื่นขึ้นเพราะความหนาวเย็นยามเช้า เธอยืนขึ้นมาและเปิดประตูห้อง ภายในนั้นว่างเปล่าไม่มีใครสักคนแล้ว 

 

ซานเอ๋อร์กอดแขนตนเองแน่น มองดูผ้าห่มที่เรียบร้อยเหมือนไม่เคยใช้งานมาก่อน อีกทั้งยังมีเสื้อผ้าที่พับอย่างเรียบร้อยบนผ้าห่ม จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง 

 

หงส์ไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่สยายปีกเหมือนบินได้ตัวหนึ่งวางอยู่บนนั้น ตะกร้าใต้โต๊ะมีเศษไม้ที่ถูกกวาดทิ้งหลงเหลืออยู่ 

 

ซานเอ๋อร์ยื่นมือไปที่หงส์ไม้แล้วพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เปิดผ้าม่านในห้อง เปิดหน้าต่าง อากาศด้านนอกเย็นขึ้นนิดหน่อย 

 

เธอพิงหน้าต่าง มองดูพระอาทิตย์ขึ้นและยิ้มหวาน 

 

ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปเหมือนสายน้ำ