นีโรพบว่าเจ้าของสมาคมผู้นี้ช่างระมัดระตัวจริงๆ ตัวเธอเองยังมีความเคยชินให้สังเกตเห็นเช่นเวลาลูบกระเป๋าก็ยังสามารถสัมผัสกับหมากฝรั่งที่ตนเองชอบเคี้ยวได้
หลังแกะห่อเอาหมากฝรั่งออกมาเคี้ยวอยู่ในปากแล้ว นีโรก็หลับตา แบมือขวาออกมา
กลิ่นไอสีแดงโผล่ออกมาจากกลางฝ่ามือของเธอ ขณะเดียวกันพื้นดินที่ฝ่ามือของเธอเล็งตรงไปก็เริ่มโผล่อนุภาคเล็กๆ ออกมา
ของเหล่านี้เป็นแร่เหล็กที่ซ่อนอยู่ในดินใต้แม่น้ำ
ไม่นานแร่เหล็กเหล่านี้ก็เริ่มรวมตัวขึ้น ยืดยาว เปลี่ยนแปลง ขึ้นรูป สุดท้ายก็กลายเป็นรูปร่างแบบเดียวกับดาบยามะ นีโรหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมา ดีดเล็กน้อย ดูเหมือนจะพึงพอใจ
ลั่วชิวมองอย่างสนใจ
นีโรเขย่าดาบยามะในมือ พูดอย่างพึงพอใจมาก “คนของสมาคมมักจะเข้าใจว่าฉันสำเร็จถึงขั้นที่หนึ่งเท่านั้น ความจริงแล้วไม่ใช่เลย นับตั้งแต่ขั้นที่สองดาบยามะก็ไม่ยึดติดกับลักษณะภายนอกอีก ที่ลุงคุกเอาไปนั้นเป็นเพียงแค่แค่เปลือกเท่านั้น หากสมาคมต้องการรู้ความจริงอย่างน้อยก็ต้องรอให้พวกเขาหาผู้สืบทอดที่ล้มเหลวไปสิบครั้งแปดครั้งมาได้ก่อน และบางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้เลยก็ได้”
แต่เจ้าของสมาคมลั่วก็ได้แต่ส่ายหน้า ในขณะที่นีโรสร้างดาบนั้นก็สร้างของสีดำขรุขระบางอย่างออกมาด้วย
“อันนี้คือ” นีโรชะงักจากนั้นก็ย่อกายลงเริ่มขุดขี้เถ้ากับดินแถวนั้นมาผสมลงบนของสิ่งนี้ “ลุงคุกระมัดระวังมาก ไม่แน่ว่าในช่วงเช้า เขาอาจกลับมาดูว่าจำนวนซากศพครบไหม หากพบว่าขาดไปหนึ่งก็คงแย่มาก”
นีโรส่ายหน้าและพูดว่า “สภาวะแบบนั้นของลุงคุก ต่อไปหากพบกันเข้า…ก็ไม่ควรยั่วโมโหเขาจะดีกว่า”
“คุณเองก็ระมัดระวังตัวมากเช่นกัน” ลั่วชิวชม
หลังจัดการเสร็จแล้ว นีโรถึงปัดดินในมือออก จากนั้นก็วิ่งไปไกลหน่อยและขุดเอากล่องกล่องหนึ่งออกมาจากใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ภายในนี้มีกล่องใช้บรรจุวิญญาณที่เจ้าของสมาคมลั่วเคยมอบให้เธอไว้ใช้ รวมไปถึงแผ่นกลมที่ใช้ตามหานกหวีด และยังมีถุงใบเล็กอีกใบ
“กะไว้แล้วเชียวว่าลุงคุกจะต้องค้นเอาของในตัวฉันไป ยังดีที่ซ่อนเอาไว้ก่อน”
เธอเปิดกล่องบรรจุดวงวิญญาณ จับเอาวิญญาณที่เหลืออยู่ออกมา แล้วก็รีบวิ่งไปตรงหน้าลั่วชิว “นี่สำหรับซานเอ๋อร์ตัวปลอม นี่สำหรับเสี่ยวจือตัวปลอม พวกนี้ใช้สำหรับการรักษา…อา แป๊บเดียวก็ใช้หมดแล้ว”
ลั่วชิวพูดว่า “ที่จริงแล้วไม่ต้องให้ผมช่วยรักษาบาดแผลให้ก็ได้ อย่างน้อยขั้นสองของดาบยามะก็ทำให้คุณไม่ตายแล้ว”
นีโรส่ายหน้าและพูดว่า “แต่ฉันไม่อยากอยู่ในที่รกร้างกันดารแบบนี้ไปอีกหลายเดือน ฉันต้องรีบไปจากที่นี่ อีกอย่างจะต้องไม่เหลือร่องรอยใดๆ ให้ลุงคุกพบเจออีก”
“อ๋อ ใช่แล้ว ดูเหมือนฉันจะมีส่วนลดด้วยใช่ไหม ของพวกนี้ยังมีเหลืออยู่ใช่ไหม” ทันใดนั้นนีโรก็ถาม
“เรื่องเล็กเท่านี้ คุณหนูนีโรยังคิดจะใช้ส่วนลดด้วยหรือ” ลั่วชิวเอ่ย
“แน่นอน มีปัญหางั้นเหรอ” นีโรพูดอย่างแปลกใจ “ส่วนลดเป็นของฉัน ฉันจะใช้ยังไงก็เป็นสิทธิ์ของฉัน อีกอย่าง ฉันใช้ส่วนลดหมดเร็ว พวกนายก็สามารถหาประโยชน์จากฉันได้สะดวกเท่านั้นไม่ใช่เหรอ”
ลั่วชิวไม่คิดจะต่อปากกับผู้หญิงคนนี้จึงพูดเบาๆ ว่า “คุณลูกค้า นี่เป็นส่วนที่เหลืออยู่”
เขาคืนดวงวิญญาณบางส่วนให้นีโร
นีโรส่ายหน้าและพูดว่า “ใช้อันนี้ซื้อความโชคดี…ให้แม่ลูกคู่นั้นเถอะ”
ลั่วชิวพูดเบาๆ ว่า “คุณหนูนีโรใจดีจริงๆ”
นีโรถลึงตามาอย่างไม่พอใจ “อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันเองก็เป็นผู้หญิงนะ เอาเถอะ ที่จริงแล้วฉันกับนายก็พูดคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าของสมาคมผู้ร้ายกาจ ฉันไปแล้วนะ…ครั้งหน้าถ้าฉันไม่มีที่ไปแล้วค่อยมาพึ่งนายใหม่ก็แล้วกัน บาย”
เธอส่งจูบลอยมาให้เจ้าของสมาคมอีกแล้ว
ทรราชของสมาคมไมเคิลจึงประสบผลสำเร็จในแกล้งตายและหลบหนีจากสมาคมได้ชั่วคราวแบบนี้นี่เอง
…
…
เป็นเวลาเดียวกันกับเมื่อวาน คุกที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา…เวลานี้เมื่อเขาคิดถึงเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน คุกก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“สลัดหลุดจากที่นี่ก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่สร้างปัญหาให้ฉันอีก” คุกพึมพำอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกันนั้นก็หันหน้าไปมองประตูห้อง
ถึงจะเป็นตอนที่ยังเป็นมาร์คและยังไม่ฟื้นฟูความทรงจำก็ยังมีสัญชาตญาณแจ้งเตือนเลยไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย
เสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาไม่สามารถหลบซ่อนจากการได้ยินของเขาได้
เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าประตูครู่หนึ่ง บนประตูถึงมีเสียงเคาะประตูเบาๆ และยังมีเสียงของซานเอ๋อร์พูดว่า “มาร์ค คุณนอนหรือยัง”
คุกนิ่งไปครู่หนึ่งถึงพูดว่า “มีเรื่องอะไร”
ซานเอ๋อร์ที่คิดว่าจะไม่ได้รับคำตอบและกำลังจะจากไปด้วยความผิดหวังหันหน้ากลับมา เข้าไปใกล้ประตูและพูดเบาๆ ว่า “พรุ่งนี้คุณ…จะไปแล้วเหรอ”
“ใช่”
“…จะกินข้าวเช้าก่อนไปไหม”
“ฉันจะไปก่อนฟ้าสาง”
“ความทรงจำของคุณฟื้นฟูกลับมาแล้วใช่ไหม ตอนกลับมาฉันรู้สึกว่าคุณไม่เหมือนเดิม” ซานเอ๋อร์พูดแนบประตูเบาๆ
ไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไม่ว่าท่าทางของเขาหรือความรู้สึกของเธอล้วนแต่ไม่เหมือนเดิม ซานเอ๋อร์จับความรู้สึกอะไรบางอย่างได้
“ใช่”
หลังเธอครุ่นคิดแล้วก็รวบรวมความกล้าพูดว่า “มาร์ค คุณ…อยากจะอยู่ต่อไหม”
ภายในห้องเงียบไปนาน
ซานเอ๋อร์น่าจะรู้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ ร่างกายเธอไถลลงมาตามบานประตู นั่งลงกอดสองขาของตนเองไว้
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ชายที่บุกเข้ามาในชีวิตของเธอนั่งอยู่หรือยืนพิงประตูอยู่กันแน่ และก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
หลังผ่านไปนาน ซานเอ๋อร์ถึงเงยหน้าขึ้นมาพูดเบาๆ ว่า “เสี่ยวจือ…คงจะเสียใจมาก”
เสียงคุกดังออกมาว่า “เด็กจะลืมคนและสิ่งต่างๆ ได้ไว”
ซานเอ๋อร์หันไปถามว่า “แล้วผู้ใหญ่ล่ะ”
คุกพูดแนบประตูว่า “พอเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้ใหญ่ก็จะเป็นเหมือนกัน”
ซานเอ๋อร์หัวเราะอย่างอ้างว้าง ไม่นานก็พูดว่า “ก็ใช่ หากไม่ดูรูปภาพ ฉันก็เกือบลืมใบหน้าของสามีไปแล้วเหมือนกัน”
คุกไม่พูดอะไร
ซานเอ๋อร์คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ นับตั้งแต่ที่เสี่ยวจือพบผู้ชายคนนี้จนกระทั่งเขาเข้ามาพักอยู่ในบ้านของตนเอง
เริ่มรู้สึกว่าการมีผู้ชายสักคนในบ้านก็ไม่เลว…เวลาที่ป่วย…เวลาที่ไม่มีที่พึ่ง
หลากหลายช่วงเวลา
ถึงคำนินทาจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่เสียงหัวเราะดังขึ้นในร้านขายเต้าหู้อีกครั้ง
“เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหมือนกับความฝันเลย” ซานเอ๋อร์หัวเราะ…เธอคิดถึงเรื่องกระดากใจ
“อืม” คุกตอบกลับมาเช่นนี้
สำหรับเขาแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับมาร์คก็เหมือนเป็น…ประสบการณ์ที่ไม่สามารถปลดปล่อยได้
“แต่ก่อนฉันไม่เคยคิดว่าจะพบเจอเรื่องราวมากมายขนาดนี้มาก่อน”
ซานเอ๋อร์จับใบหน้าพูดว่า “แต่งงานเร็ว มีลูก มีสามีที่ไม่เลว ต่อมาสามีตายก็คิดจะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ คุณรู้ไหม มีบางครั้งฉันก็คิดว่าหลังผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ฉันอาจจะเป็นเหมือนพวกป้าๆ แถวบ้านที่เริ่มเร่งให้ลูกสาวแต่งงาน”
“สิบกว่าปี เร็วเกินไป” คุกพูด
“เร็วเกินไปเหรอ” ซานเอ๋อร์ชะงัก จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
“เธอหัวเราะอะไร” คุกขมวดคิ้วขึ้น
ซานเอ๋อร์หัวเราะมากไปหน่อย หัวเราะจนเกือบร้องไห้ออกมา “อยากหัวเราะเฉยๆ ไม่ได้หรือไง”
“แล้วแต่เธอ” คุกพูด
“มาร์ค คุณมักจะเย็นชาแบบนี้เสมอเลยเหรอ”
“เพราะไม่มีอะไรที่น่าหัวเราะ” คุกก็พิงประตูนั่งลง พิงหลังอยู่กับประตูบานเดียวกันกับเธอโดยไม่รู้ตัว
“คงไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยเจอเรื่องที่มีความสุขมาก่อนหรอกนะ”
“มีปัญหางั้นเหรอ”
“ไม่มีหรอก แค่รู้สึกว่าน่าสงสารก็เท่านั้น” ซานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ถึงจะเป็นฉันเอง แต่ก่อนก็ยังพบเจอเรื่องที่ทำให้มีความสุขมากมาย อา คิดถึงสมัยมัธยมปลายจริงๆ…ใช่แล้ว คุณรู้ไหมว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนอยู่มัธยมปลาย มีเด็กผู้ชายดื้อหลายคนในห้องแอบสอดแผ่นซีดีหนังลามกไว้ในหนังสือของอาจารย์คาบวิชาภาษาจีน ต่อมาภรรยาของอาจารย์พบเข้า ได้ยินว่าคืนนั้นไม่ได้นอนทั้งคืน พอเข้าสอนในวันถัดมา พวกเด็กผู้ชายพวกนั้นก็ถูกลงโทษให้วิ่งรอบสนามและพูดว่า ‘ต่อไปจะไม่ดูซีดีหนังลามกอีก’ พวกเราก็พากันมุงดู น่าหัวเราะมาก คุณคิดยังไง…”
คุกพูดว่า “มีอะไรน่าหัวเราะงั้นเหรอ”
ซานเอ๋อร์ถามกลับไปว่า “ไม่ตลกงั้นเหรอ”
ซานเอ๋อร์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “งั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คุณจะต้องหัวเราะแน่ ฉัน…”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่นอกประตูเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของตนเอง ส่วนผู้ชายก็นั่งฟังนิ่งๆ อยู่ด้านในประตู ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงท้ายสุดเขาไม่ได้หัวเราะเลย เพียงแค่ส่ายหน้าและใช้คำพูดง่ายๆ ตอบกลับไปเท่านั้น
“นี่ก็ไม่ตลกอีกงั้นเหรอ” ซานเอ๋อร์ถามคำถามเดิม
“ไม่ตลก ทำไมเธอไม่บอกอาจารย์ไปตรงๆ เลยล่ะ”
…
“แบบนี้ล่ะ”
“ธรรมดา”
…
ผ่านไปนานมาก
ซานเอ๋อร์หลับอยู่หน้าประตูโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นภายในห้องก็สว่างขึ้น จากนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นมา
…
…
ต่อมาซานเอ๋อร์ตื่นขึ้นเพราะความหนาวเย็นยามเช้า เธอยืนขึ้นมาและเปิดประตูห้อง ภายในนั้นว่างเปล่าไม่มีใครสักคนแล้ว
ซานเอ๋อร์กอดแขนตนเองแน่น มองดูผ้าห่มที่เรียบร้อยเหมือนไม่เคยใช้งานมาก่อน อีกทั้งยังมีเสื้อผ้าที่พับอย่างเรียบร้อยบนผ้าห่ม จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง
หงส์ไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่สยายปีกเหมือนบินได้ตัวหนึ่งวางอยู่บนนั้น ตะกร้าใต้โต๊ะมีเศษไม้ที่ถูกกวาดทิ้งหลงเหลืออยู่
ซานเอ๋อร์ยื่นมือไปที่หงส์ไม้แล้วพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เปิดผ้าม่านในห้อง เปิดหน้าต่าง อากาศด้านนอกเย็นขึ้นนิดหน่อย
เธอพิงหน้าต่าง มองดูพระอาทิตย์ขึ้นและยิ้มหวาน
ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปเหมือนสายน้ำ
ตอนต่อไป →