GGS:บทที่ 881 ลือลั่น

 

ในห้องห้องหนึ่ง ได้มีงานแกะสลักไม้ไผ่วางกองอยู่ที่มุมห้อง มีชายแก่คนหนึ่งกำลังถืองานแกะสลักไม้ไผ่ขึ้นมาดูอย่างดื่มด่ำและสบายอารมณ์

ทันใดนั้นประตูห้องได้ถูกเปิดออกในทันทีพร้อมเด็กสาวที่มีกระอยู่บนใบหน้าได้พุ่งเข้ามาและพูดด้วยเสียงดังก้องว่า “ครูคะ มีบางอย่างเกิดขึ้นค่ะ”

“ตกใจหมดเลยไอ้เด็กนี่” ชายแก่ถึงกับดุด่าออกมาเพราะเขานั้นตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้นจริงๆ

“ขอโทษค่ะ” เด็กสาวหน้ากระได้แลบลิ้นออกมาอย่างน่าตบหัวสักทีก่อนจะพูดออกมาว่า “แต่มีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆนะคะ”

“เกิดอะไรขึ้น” ชายแก่ถามออกมา

“หนูไม่แน่ใจค่ะ ครูดูด้วยตัวเองดีกว่า” สาวหน้ากระได้ส่งโทรศัพท์มือถือของเธอให้ชายแก่ดู มันเป็นข่าวที่ว่างานแกะสลักหินในสวนฟางหลินในลานกิจกรรมเมืองจงหยุนนั้นถูกเสนอซื้อด้วยราคาสูงริบลิ่ว

ชายแก่ได้เลื่อนข่าวเพื่อดูเนื้อหาดู ทันทีที่เขาได้เห็นรูปปั้น สายตาของเขานั้นเบิกกว้างในทันที นั่นก็เพราะว่ารูปมันชัดมากจนเห็นได้ยันรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเลยทีเดียว

“พระเจ้า” ชายแก่ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งอุทานออกมา มือของเขากำโทรศัพท์แน่น สายตาของเขาจับจ้องไปยังรูปราวกับว่ากำลังคัดลอกรายละเอียดไว้ในหัวสมองก็ไม่ปาน

และเขาทำท่าตื่นเต้นก่อนจะพูดออกมาว่า “สมบูรณ์แบบ ช่างเป็นงานที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ทำไมงานดีๆแบบนี้ถึงได้ไปอยู่ในสวนได้กัน” พูดจบทันใดนั้นเขาก็ได้เหลือบไปเห็นซื่อของซูจื้งแวบหนึ่งทำให้ชายแก่คนนั้นมึนตึงในทันที ก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า “เป็นซูจิ้งอีกแล้วรึ”

 

ชายแก่คนนี้คือเต๋าฉินซูคนที่เคยช่วยซูจิ้งซ่อมแซมเก้าอี้นั่งไฮ่หนานเอาไว้ครั้งหนึ่ง โดยแลกกับการที่ซูจิ้งต้องมอบไม้ไผ่ดำให้ ต่อให้ทั้งสองได้มีโอกาสเจอหน้ากันอีกครั้งในงานเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ของผู้อาวุโสซี่

ในวันนั้นเขาได้ตกตะลึงกับงานแกะสลักหินมีชีวิตมาแล้ว เขาเองก็ไม่คิดว่าซูจิ้งนั้นยังจะสร้างเรื่องโดยการนำงานแกะสลักหินมาไว้ในสวนสาธารณะแบบนี้อีก

หากว่านี่เป็นความจริงล่ะก็ งานชิ้นที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณธ์นั้นย่อมดูดีกว่า แต่งานชิ้นนี้เองก็สวยงามจนทำให้สวนฟางหลินสมบูรณ์แบบขึ้นมาได้ หาเทียบกันแล้ว

เต๋าฉินซูเองก็ได้คิดว่างานที่สวนนี้ต่อให้งานแกะสลักหินชิ้นที่สวนฟางหลินแม้จะไม่ได้ดูมีชีวิตชีวา แต่กลับรู้สึกงามตากว่าจนงานแกะสลักที่มีชีวิตชิ้นนั้นก็ยังเทียบไม่ได้เลย

“ไปที่สวนฟางหลินกัน” เต๋าฉินซู่วางงานแกะไม้ไผ่ของเขาลงในทันทีและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “ได้ค่ะ หนูจะลองไปคุยกับศิษย์พี่ให้ขับรถให้นะ” สาวหน้ากระได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

เธอเองนั้นก็เริ่มคิดว่างานแกะสลักเหล่านี้เริ่มหน้าเบื่อแล้วเหมือนกัน หากเธอได้เห็นงานแกะสลักที่ราคาทะยานฟ้าชิ้นนั้นก็คงไม่เลวเลย

 

ในสตูดิโอแห่งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 40-50 ปีกำลังแกะสลักหินอ่อนอยู่ ถึงแม้ว่าจะพึ่งแกะสลักไปได้เพียงครึ่งเดียวแต่ก็สามารถมองออกได้ว่างานแกะสลักหินอ่อนชิ้นนี้คือม้าที่มีลายเส้นที่นุ่มมือ และผิวพรรณอันสวยงามกำลังทำท่าวิ่งอยู่

“ครูครับ มีข่าวใหญ่ครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยที่ทีกระหืดกระหอม

“เกิดอะไรขึ้น” ชายวัยกลางคนที่กำลังแกะสลักอยู่นั้นไม่ได้หันหลังกลับไปดูแต่อย่างใด เขายังคงจับจ้องไปที่ผลงานของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า

“ดูนี่สิครับ” ชายหนุ่มได้ส่งโทรศัพท์มือถือให้ชายแก่ แน่นอนว่านั่นคือข่าวที่มีภาพของรูปปั้นในสวนฟางหลิน

ในตอนแรกชายวัยกลางคนแค่เหลือบมองเท่านั้น แต่ทันทีที่หางตาเห็นภาพ เขาต้องหันควับไปดูพร้อมหนังตาที่กระตุกจนร้อนผ่าว เพียงไม่นานนัก ใบหน้าของเขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสีเลยทีเดียว

ชายคนนี้คือเจียงซีเซีย หนึ่งในช่างแกะสลักหินที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของจีน เขานั้นมีชื่อเสียงยิ่งกว่าเต๋าฉินซู่เสียอีก

ยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นยังมีฝีมือในงานแกะสลักหินอ่อนเป็นพิเศษ แน่นอนว่ากับเรื่องนี้แล้วย่อมไม่มีใครเทียบเคียบเขาได้ นี่คือสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดจนมาได้เห็นรูปถ่ายนี้

เขายิ่งดูด้วยความใจจดใจจ่อ ยิ่งจ้องมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเท่านั้น

“รูปนี่ถ่ายจากที่ไหนกัน” เจียงจิเซียพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“สวนฟางหลินที่อยู่ในลานกิจกรรมเมืองจงหยุนครับ” ชายหนุ่มพูดออกมา

“เราไปที่นั่นกัน” เจียงจิเซียรูปโยนเครื่องมือในมือทิ้งและรีบตรงไปยังสวนฟางหลินในทันที

 

ในขณะเดียวกันชาวเน็ตทั้งหลายที่เห็นข่าวและภาพนี้ต่างก็ต้องการไปเห็นกับตาตัวเองทั้งนั้น ด้วยงานสลักสาวงามที่สุดแสนจะงดงามแบบนี้ ไม่มีใครที่ไม่อยากจะเห็นด้วยตาตัวเองอยู่แล้ว

ในตอนนี้ที่สวนฟางหลินเต็มไปด้วยผู้คน แน่นอนว่ารวมถึงเต๋าฉินซู่และเจียงซิเซียด้วยเช่นเดียวกัน

นอกจากนั้นยังมีเหล่าศิลปินอีกมากหน้าหลายตาที่พยายามดันตัวเองไปจนอยู่แถวหน้า แน่นอนว่าสถานการณ์นี้ช่างโกลาหลจนชวนตกตะลึง

มีศิลปินบางคนทำท่าจะลงน้ำข้ามไปหางานแกะสลักนางฟ้าเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ามี รปภ. ที่ผอ.หวังให้มาคอยดูล่ะก็คงจะข้ามไปเรียบร้อยแล้ว

“พระเจ้า ใครเป็นคนแกะสลักงานนี้กัน” เจียงซิเซียได้ตกตะลึงทันทีที่เห็นงานแกะสลักนี้กับตา

“เยี่ยม คุณเจียงมานี่ก็ดีแล้ว งานชิ้นนี้ใช่งานของคุณรึเปล่า ครั้งล่าสุดที่ได้ยินเรื่องของคุณได้ข่าวว่าใกล้บรรลุขั้นได้แล้วนี่” เต๋าฉินซูพูดทักออกมาโดยอยู่ไม่ไกลจากเจียงซิเซียนัก

“คุณเต๋าเองก็มาที่นี่ด้วยหรือเนี่ย ผลงานชั้นเลิศเช่นนี้จะเป็นของผมได้เช่นไรกันเล่า งานชิ้นนี้เลิศเลอระดับที่แม้แต่ผมเองก็ย่างเข้าไม่ถึงแม้แต่ปลายก้อยเลยด้วยซ้ำ ” เจียงซิเซียส่ายหัวและพูดออกมา

“งั้นเป็นงานของใครกัน” ชายแก่อีกคนที่อยู่ใกล้ๆได้เอ่ยถามออกมา

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงมีเพียงซูจิ้งเท่านั้นแหล่ะที่รู้” เต๋าฉินจูหยุดคิดสักพักก่อนที่จะอธิบายต่อว่า “คุณเองก็น่าจะพอจำได้อยู่มั้ง

 

เมื่อไม่นานมานี้ที่โรงประมูลห้วงเวลาและกาลอวกาศได้ทำการประมูลรูปปั้นเหมือนมีชีวิต ครั้งนั้นเองก็มีซูจิ้งเป็นคนหามา และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมคิดว่าซูจิ้งน่าจะเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งที่อยากจะเก็บงำฝีมือเอาไว้”

“เป็นไปได้” เหล่าศิลปินพยักหน้ายอมรับแนวคิดนี้กันหมดทุกคน

ในตอนนี้เหล่านักเก็บสะสมเองก็ได้เข้ามา และเมื่อหันไปเห็นงานแกะสลักหินตัวที่เป็นประเด็นพวกเขาก็แทบจะตะโกนถามราคาในทันใด

ในขณะนั้นเมื่อทุกคนเหลือบไปเห็นเหล่าศิลปินชั้นยอดทุกคนต่างก็นิ่งสงบในทันทีพวกเขากำลังคิดอยู่ว่าต้องรีบเคลื่อนไหวก่อนที่จะถูกตัดหน้า

แต่พวกเขาไม่มีวิธีติดต่อซูจิ้งจึงได้ เมื่อทุกคนได้เห็นผอ.หวังจึงรีบเสนอราคาเพื่อให้เขาติดต่อซูจิ้งแทน ผอ.หวังตอนนี้กลายเป็นช่องทางเพียงหนึ่งเดียวที่ทุกคนจะหวังพึ่งได้ในครั้งนี้

“ในอ้อมแขนของฉันนนนน ในสายตาของเธออออออ เมื่อลมหายใจแห่งฤดูใบไม้ผลิอันบริสุทธิ์ ที่ใดกันเล่าที่มีหญ้าเขียวววววว….”

ซูจิ้งที่อยู่บ้านในตอนนี้ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์มาดูก็พบว่าเป็นผอ.หวัง เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้และรีบรับโทรศัพท์มาในทันที

“คุณซูครับ มีคนเสนอราคามาที่แปดล้านหยวน คุณจะมารึเปล่าครับ” ผอ.หวังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ผมบอกแล้วนี่ครับว่าถ้าเสนอราคาต่ำๆมาอย่าได้มากวนผม มันเสียเวลา” ซูจิ้งแสร้งทำเป็นบ่นออกมา

“แปดล้านยังน้อยไปหรือครับ” สายตาของผอ.หวังแข็งค้างในทันที

“ต่ำไปมากเลยครับ” ซูจิ้งพูดออกมา

ผอ.หวังทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่วางสายไป หลังจากนั้นสักพัก ผอ.หวังได้โทรมาอีกครั้งหนึ่ง

“คุณซู มีคนเสนอมาที่สิบล้านหยวน หลังจากนั้นก็มีคนเสนอมาที่สิบสามล้านหยวน แล้วก่อนที่ผมจะตัดสินใจโทรมามีคนหนึ่งตะโกนมาที่ยี่สิบล้านหยวนครับ”

“ต่ำไปครับ”

“เอ่ออออ คุณซูคุณอาจได้ยินผมไม่ชัดนะ เขาเสนอมาที่ยี่สิบล้านหยวนครับ”

“ผมได้ยินชัดดีครับ และราคานี้ก็ยังต่ำไป”

“…..” ผอ.หวังได้แต่นิ่งอึ้งไป หากราคายี่สิบล้านยังถือว่าต่ำเกินไปแล้วล่ะก็ ทำไมเขาช่างมั่นใจในเรื่องราคาได้มากขนาดนี้กัน

หากคิดถึงราคาแรกที่ถูกเสนอมาที่สองหมื่นหยวนนั้น ช่างเป็นช่องว่างที่ห่างกันมากนัก นี่ทำให้เขาต้องถามออกมาว่า “ราคาเท่าไหร่ที่คุณต้องการขายหรือครับคุณซู”

“อย่างที่ผมบอกไว้กับชาวต่างชาตินั่นแหล่ะครับ รูปปั้นชิ้นนี้ผมวางไว้ในสวนฟางหลินนั้นเพียงให้ทุกคนได้มีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกดื่มด่ำของอารมณ์ศิลป์อย่างแท้จริง ผมนั้นไม่ได้คิดจะขายแต่อย่างใด

หากมีใครสักคนมาเสนอราคาที่มากกว่าสองร้อยล้านหยวนล่ะก็ ผอ.หวังค่อยโทรมาบอกผมแล้วกัน หากเสนอน้อยกว่าสองร้อยล้านหยวนล่ะก็คุณไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้นหรอกครับ” ซูจิ้งพูดออกมา

ผอ.หวังเมื่อได้ยินดังนั้นก็หน้ามึนในทันที พลางคิดออกมาว่า สองร้อยล้านหยวนเนี่ยนะ

 

ข่าวของรูปปั้นประดับสวนที่มีการเสนอราคาไปแล้วกว่ายี่สิบล้านหยวนก็ยังไม่ขายออกไปนี้สร้างชื่อเสียงเลื่องลือไปอย่างมาก

แม้แต่อลันและแอนนา สองชาวต่างชาติที่เข้ามาเสนอราคาเป็นคนแรกเองที่กำลังหาวิธีได้รูปปั้นนี้มาก็ยังต้องประหลาดใจเมื่อเห็นราคาที่สูงขนาดนี้

แม้แต่ทางฝั่งอเมริการเองก็ยังกังวลเรื่องนี้เหมือนกันว่าราคาจะเกินกว่าที่พวกเขาจะรับได้ ไม่ทันไรก็มีข่าวว่าราคาสูงขึ้นไปอยู่ที่ห้าสิบล้านหยวนเรียบร้อยแล้ว

เรื่องนี้ยิ่งทำให้เป็นที่ลือลั่นในอินเตอร์เน็ตอย่างบ้าคลั่งราวกับน้ำที่กำลังเดือดดาล