ตอนที่ 2830 สมบัติแห่งไฟ

เมื่อมองไปที่มงกุฎชำระโลกนั้น ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความสุขมากๆ

การตามหาสมบัติทั้งเจ็ดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าเขาจะมีสกิลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและสำรวจเรื่องนี้ แต่มันก็มีหลายวิธีที่จะใช้ปิดกั้นสกิลของเขาเช่นกัน ซึ่งมันก็เหมือนกับตอนนี้ที่เขาถือมงกุฎชำระโลกอยู่ แต่สกิลของเขามันกับไม่มีการตอบสนอง

แต่ตอนนี้หลังจากที่ฆ่าจักรพรรดิอสูรแล้ว เขากับได้รับมงกุฎนี้มาโดยบังเอิญ เรื่องนี้มันจึงจัดว่าน่าประหลาดใจอย่างมาก

หลังจากนั้นซือเฟิงได้รีบคลิกตรวจสอบข้อมูลของมงกุฎชำระโลกทันที เขานั้นอยากจะรู้มากๆว่าสมบัติแห่งไฟชิ้นนี้เป็นดั่งข่าวลือรึปล่าว ….

(มงกุฎชำระโลก)(เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน)

เดิมทีมันคือส่วนหนึ่งของสมบัติแห่งไฟ อย่างไรก็ตามมันได้ถูกปิดผนึกไว้ด้วยพลังของเทพปีศาจที่ชั่วร้าย และตอนนี้มันก็เต็มไปด้วยพลังงานแห่งความชั่วร้ายที่ปนเปื้อนจำนวนมาก ซึ่งการที่จะทำให้มันแสดงพลังเต็มที่ออกมาได้นั้น มันก็จำเป็นจะต้องชำระล้างพลังงานแห่งความชั่วร้ายนี้ซะก่อน มันจึงจะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมา และสามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่

สกิลใช้งาน 1 : เมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟ โดยมันจะช่วยทำให้ผู้เล่นสามารถนำเปลวไฟที่ตัวเองมีมาเปลี่ยนเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟได้ และหลังจากดูดซับเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟได้ ผู้เล่นก็จะสามารถควบคุมเปลวไฟได้ (โดยสามารถควบคุมได้สูงสุดที่เปลวไฟขั้นสี่)

สกิลใช้งาน 2 : โลกแห่งเปลวไฟ โดยจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟสามร้อยชิ้นเพื่อสร้างโลกแห่งเปลวไฟขึ้นมา ซึ่งมันจะมีโอกาสยี่สิบเปอเซ็นต์ที่จะทำให้ชนชั้นของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกแห่งเปลวไฟสูงขึ้น และมีโอกาสแปดสิบเปอเซ็นต์ที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกแห่งเปลวไฟตายอย่างสมบูรณ์

สกิลใช้งาน 3 : พลังงานศักสิทธิ์บริสุทธิ์ ซึ่งสามารถจะฟื้นฟูให้กลับมาใช้ได้โดยการดูดซับคริสตัลเทพเจ้า (จำนวนที่ต้องการคือ 20 จำนวนการดูดซับในปัจจุบัน : 0)
ไอเทมชิ้นนี้มีพลังลดลงไปเพราะอำนาจของเทพปีศาจที่ชั่วร้าย อย่างไรก็ตามสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำนั้นได้ช่วยชำระล้างมันไปในระดับหนึ่ง ….

ไม่สามารถถูกทำลายได้ และมีโอกาสจะดรอปเมื่อผู้เป็นเจ้าของตาย ….

“มันยากมากๆสำหรับจักรพรรดิอสูรที่จะสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขึ้นมาสักตัว แต่ด้วยความช่วยเหลือของมงกุฎนี้หลายสิ่งมันจึงง่ายขึ้นสำหรับเขาสินะ ….” ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเขาได้อ่านข้อมูลของมงกุฎชำระโลก

นี่มันทำให้เขาต้องยอมรับอย่างแท้จริงเลยว่าสมบัติทั้งเจ็ดของ God domain ที่เขาตามหาอยู่นั้น มันมีเอฟเฟคที่น่ากลัวและสามารถจะเขย่าโลกได้จริงๆ

สำหรับสิ่งมีชีวิต สมบัติแห่งไฟชิ้นนี้ก็จัดเป็นสมบัติชั้นยอดอย่างแน่นอน เพราะมันทำให้พวกเขาสามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตามมันก็มีโอกาสที่จะล้มเหลวและตายอย่างสมบูรณ์ถึงแปดสิบเปอเซ็นต์ ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ มันก็คงจะไม่มีใครใช้กับตัวเองแน่นอน

ส่วนคนอย่างจักรพรรดิอสูรที่สามารถสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ขึ้นมาได้มากมายนั้น เขาไม่จำเป็นต้องกลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้ว เขาสามารถจะใช้มันกับมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ และตราบเท่าที่เขาสามารถสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขึ้นมาได้สักตัวนั้น มันก็จัดว่าคุ้มค่ามากแล้วโดยไม่ต้องคิดถึงราคาที่ต้องจ่ายเลย …..

ปัญหาเดียวก็คือเรื่องของคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟ ….

หากเงื่อนไขนี้แปรเปลี่ยนเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ทั่วไป ป่านนี้มันคงจะมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายเกิดขึ้นนับหมื่น นับแสนตัวแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมจักรพรรดิอสูรจึงตัดสินใจเข้าไปควบคุมมือแห่งนักบุญ

“อย่างไรก็ตามผลของสกิลโลกแห่งเปลวไฟนี้มันก็จัดว่ามีประโยชน์มากจริงๆ และแม้มันจะมีโอกาสเพียงยี่สิบเปอเซ็นต์ที่จะช่วยปรับปรุงชนชั้นสิ่งมีชีวิต แต่มันก็ยังคงสามารถจะใช้ทำกำไรได้อย่างมหาศาล” ซือเฟิงมองไปที่สกิลโลกแห่งเปลวไฟ และพึมพำออกมา

สิ่งมีชีวิตที่พูดถึงกันนี้มันไม่ใช่แค่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงอะเม้าท์บินได้ อะเม้าท์บนบก และ NPC รวมไปถึงผู้เล่นด้วย เพียงแต่ว่าโลกแห่งเปลวไฟนี้มันไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้เล่นมากก็เท่านั้น อย่างมากมันก็น่าจะช่วยปรับปรุงแค่ค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพได้ในระดับหนึ่ง โดยท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นจะได้รับประโยชน์มากแค่ไหนจากมันก็คงขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเอง

แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับอะเม้าท์บินได้ อะเม้าท์บนบก และ NPC เพราะสิ่งนี้มันอาจช่วยปรับปรุงและเพิ่มพลังให้กับพวกเขาได้อย่างมาก

อย่างไรก็ตามด้วยอัตราความสำเร็จที่มันมีเพียงแค่ยี่สิบเปอเซ็นต์นั้นมันก็ทำให้ซือเฟิงไม่กล้าที่จะเสี่ยง เนื่องจากอะเม้าท์บนบก อะเม้าท์บินได้ และองครักษ์ส่วนตัวที่มีศักยภาพสูงนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหาได้ง่ายๆ ถ้าเขาตัดสินใจใช้สกิลนี้กับอะไรพวกนี้และต้องสูญเสียมันไป เขาคงจะต้องร้องไห้ไปหลายวันแน่นอน ….

อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นค่อนข้างประหลาดใจมากๆกับสกิลอีกสกิลหนึ่งของมงกุฎชำระโลก

“สกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟนี่มันเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ ….”

เปลวไฟที่ทรงพลังนั้นอาจไม่ได้มีความหมายสำหรับผู้เล่นทั่วไป แต่มันมีความหมายมากๆโดยเฉพาะกับพวกช่างตีเหล็ก และนักเล่นแร่แปรธาตุ เพราะมันจะเป็นอุปกรณ์ระดับเทพที่ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตได้อย่างมากเลย

โดยเฉพาะกับบรรดาเปลวไฟลึกลับที่หายากมากๆ

แต่อย่างไรก็ตามมันยากมากๆที่ผู้เล่นคนหนึ่งจะดูดซับเปลวไฟเข้ามาได้ และในครั้งสุดท้ายที่ซือเฟิงทำการดูดซับเปลวไฟลึกลับขั้นสามมานั้น กระบวนการทั้งหมดมันก็เป็นไปอย่างทรมาณและเจ็บปวดมากๆ

ซึ่งสกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟมันสามารถจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยทำให้กระบวนการดูดซับทั้งหมดนั้นมีความทรมาณและเจ็บปวดน้อยลง รวมทั้งทำให้ดูดซับได้ง่ายขึ้นด้วย

และหากให้พูดกันตามตรงดูจากผลของสกิลนี้นั้น มันนับเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์อย่างมากเลยทีเดียว

แถมหากมงกุฎชำระโลกนี้ได้รับการชำระล้างพลังงานที่ชั่วร้ายออกไป มันก็จะสามารถรวบรวมเปลวไฟมาเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์แห่งไฟที่สูงกว่าขั้นสี่ได้ด้วย !!!

เมื่อคิดได้ดังนี้ซือเฟิงก็ได้รีบนำเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ที่เขาพึ่งได้รับมาออกมาจากกระเป๋าของเขาด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “เดิมทีฉันคิดว่า ฉันคงจะรออีกสักพักกว่าที่จะมีความสามารถมากพอจะดูดซับมันได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่จำเป็นต้องรอแล้ว”

ซือเฟิงนั้นรอที่จะได้ทำการดูดซับและควบคุมเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ที่เขาพึ่งได้รับมานี้มานานแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นก็ไม่กล้าที่จะทำการดูดซับและควบคุมมันอย่างมั่วๆ เพราะว่าหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นมา มันมีสิทจะส่งผลถึงการพัฒนาในอนาคตของเขาได้

แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ในเมื่อมีมงกุฎแล้ว เขาจึงคลายกังวลในเรื่องนี้ลงไปได้มาก

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้รีบเปิดใช้งานสกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟเพื่อทำให้เปลวไฟลึกลับขั้นสี่ในมือเขากลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟทันที ….

ซึ่งหลังจากผ่านไปราวยี่สิบวินาทีนั้นกระบวนการทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ และซือเฟิงก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นที่หูของเขา

ระบบ : คุณต้องการจะดูดซับเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ไหม ?

“ดูดซับ !!!”

เมื่อได้เห็นการแจ้งเตือนนี้ของระบบ ซือเฟิงก็ได้เลือกจะทำการดูดซับอย่างไม่ลังเลยในทันที ….