ตอนที่ 2831 เอฟเฟคของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่

เมื่อซือเฟิงได้เลือกจะทำการดูดซับเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟ เมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟในมือของเขาก็กลายเป็นลำแสงสีเทาเข้มและพุ่งตรงเข้าสู่ร่างของซือเฟิง ก่อนที่มันจะหายไปในทันที

ในช่วงเวลาที่ลำแสงสีเทาเข้มเข้าไปอยู่ในร่างกายของเขา ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากต้องกัดฟัน

นี่มันเจ็บมากๆ เจ็บเหลือเกิน !!!

มันเจ็บกว่าตอนที่เขาดูดซับเปลวไฟลึกลับขั้นสามซะอีก นี่ถ้าไม่ได้มีสกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟที่ทำให้เปลวไฟลึกลับกลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟเพื่อลดความยากในการดูดซับ และลดความเจ็บปวดในระหว่างกระบวนการลง ซือเฟิงก็คิดว่าเขาคงไม่อาจจะทนได้ไหวแน่ๆ ….

หลังจากนั้นไม่นานแถบกระบวนการดูดซับก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของซือเฟิง แต่แถบนี้มันก็เพิ่มขึ้นช้ามาก และมันเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งเปอเซ็นต์เท่านั้นในช่วงเวลาเกือบสิบวินาที

“แม้จะมีสกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟคอยช่วย เปลวไฟลึกลับขั้นสี่มันก็ยังถูกดูดซับได้ยากมากๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉัน มันถึงมีผู้เชี่ยวชาญแค่ไม่กี่คนที่สามารถใช้เปลวไฟลึกลับขั้นสี่ได้ ….”

เมื่อมองไปยังแถบกระบวนการดูดซับ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

และตอนนี้มันก็ทำให้ซือเฟิงเริ่มสงสัยแล้วว่า ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้เปลวไฟลึกลับขั้นสี่ได้ในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น ได้ใช้วิธีพิเศษในการดูดซับมันแบบเขารึปล่าว ….

หากนับรวมในชีวิตที่ผ่านมาของเขาด้วย เขาได้เล่น God domain นานกว่าทศวรรษแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเกมแบบผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้ในชีวิตที่แล้วของเขา แต่เขาก็มั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ของเขาจากทั้งชีวิตที่ผ่านมาและชีวิตนี้นั้น มันน่าจะทำให้ความอดทนทางจิตของเขามีมากพอจะเทียบกับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้ ….

อย่างไรก็ตามเมื่อมาทำการดูดซับเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ที่ถูกทำให้อ่อนแอลง เขากับยังคงตกอยู่ในความเจ็บปวดและทรมาณมากๆ

3% …. 10% …. 30% ….

“ทน !!!”

“ฉันต้องทนกับมันให้ได้ !!!”

ซือเฟิงกัดฟันของเขา ในขณะที่ดวงตาของเขาแดงก่ำ และใบหน้าของเขานั้นซีด
เผือดมากๆ

หลังจากนั้นเวลาก็ค่อยๆผ่านไปทีละนิดๆ ซึ่งเมื่อแถบกระบวนการดูดซับมีเริ่มไปได้ไกลขึ้น มีเปอเซ็นต์มากขึ้น กระบวนการดูดซับมันก็ยิ่งช้าลงไป และหลังจากผ่านไปสองชั่วโมงแถบกระบวนการดูดซับนี้ก็ได้มาถึงที่เจ็ดสิบสามเปอเซ็นต์ ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงจินตนาการได้ออกเลยว่ากว่ามันจะไปถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้น เขาจะต้องแย่แค่ไหน

แถมนับตั้งแต่ที่แถบกระบวนการดูดซับของเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ไปถึงหกสิบเปอเซ็นต์ ความแตกต่างของเปลวไฟนี้กับเปลวไฟที่ซือเฟิงดูดซับไปก่อนหน้านี้มันก็เริ่มปะทะกันอย่างรุนแรงในทะเลจิตวิญญาณที่อยู่ลึกเข้าไปในจิตใจของซือเฟิง

เมื่อแถบกระบวนการดูดซับมาถึงเจ็ดสิบสี่เปอเซ็นต์ ซือเฟิงก็แทบจะนอนลงไปกับพื้นแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกว่าสติของเราเริ่มพร่ามัว และร่างกายของเขาก็เริ่มสูญเสียการควบคุม

“ผลกระทบของการดูดซับเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่นั้นมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ หากฉันยังคงปล่อยให้มันดำเนินต่อไปทั้งแบบนี้ แม้ว่าจิตวิญญาณของฉันจะไม่ถูกทำลายลง แต่ฉันก็คิดว่าฉันน่าจะหมดสติไปจากผลของการดูดซับแน่ๆ” ซือเฟิงที่รู้สึกสติเริ่มพร่ามัวพยายามกัดฟัน และลืมตาให้มากขึ้น “ฉันต้องหาวิธีต้านทานผลกระทบของมัน ไม่งั้นฉันคงไม่สามารถจะทนได้จนถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แน่ !!!”

ในสถานะที่ยังคงดูดซับอยู่แบบนี้ หากผู้เล่นหมดสติไป กระบวนการดูดซับทั้งหมดจะล้มเหลวทันที

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็ได้เลือกจะใช้เทคนิคบางอย่างเพิ่มค่าความต้านทานทางจิตของเขาเพื่อใช้รับมือกับผลกระทบของกระบวนการดูดซับเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย ….

และหลังจากที่แถบกระบวนการดูดซับมาถึงแปดสิบเปอเซ็นต์แล้ว ซือเฟิงก็ได้ค้นพบความลับเรื่องหนึ่ง คือ ตอนนี้ความถี่ของผลกระทบที่มีมากขึ้นเรื่อยๆนั้นเริ่มเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นครั้งสองเท่าทุกวินาที ไปจนถึงสาม สี่ และห้าเท่าทุกวินาทีแล้ว

ซึ่งตอนนี้มันก็ทำให้ซือเฟิงนั้นต้องเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองลงไปเพิ่มขึ้นในการใช้เทคนิคเพิ่มค่าความต้านทานทางจิตนี้ ซือเฟิงไม่กล้าที่จะประมาท หรือไม่ระวังแม้แต่วินาทีเดียว เพราะท้ายที่สุด เขารู้ดีว่าถ้าเขาพลาดนั้น เขาจะหมดสติไปทันทีแน่นอน และทุกอย่างที่เขาทนมาจนถึงตอนนี้มันก็จะกลายเป็นเรื่องไร้ค่า

83% …. 87% …. 92% ….

ยิ่งเปอเซ็นต์ของแถบกระบวนการดูดซับเพิ่มขึ้นไปสูงและใกล้เสร็จมากเท่าไหร่ ผลกระทบจากการดูดซับนี้มันก็ยิ่งทำให้ซือเฟิงรู้สึกเจ็บปวด และอึดอัดมากขึ้น จนเขารู้สึกแทบหายใจไม่ออก

“ยังอีกงั้นหรอ ?”

ซือเฟิงเหลือบไปมองที่แถบกระบวนการดูดซับ และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขากำลังจะพังลง

ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดมากๆทั้งร่างกาย และจิตใจ ซึ่งหากเขาไม่ได้โฟกัสการใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และสมาธิทั้งหมดไปกับการดูดซับเปลวไฟนี้ ตอนนี้เขาจะได้หมดสติลงไปในทันทีแน่นอน

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังจะทนไม่ไหวแล้ว มันก็มีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมาที่หูของเขา

ระบบ : เมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ได้หลอมรวมเข้ากับเปลวไฟลึกลับอื่นๆเรียบร้อย และกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้เล่นซือเฟิง

ระบบ : ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณสามารถหลอมรวมเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ได้สำเร็จ ค่าสถานะทั้งหมดของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างถาวรสามร้อยแต้ม ค่าสถานะทั้งหมดของคุณจะเพิ่มขึ้นสิบเปอเซ็นต์ ร่างกายทางกายดีขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ ความเร็วในการตอบสนองเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ การควบคุมจิตดีขึ้นสี่สิบเปอเซ็นต์ ค่าความต้านทานไฟเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยห้าสิบแต้ม ค่าความต้านทานน้ำแข็งเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยห้าสิบแต้ม สามารถควบคุมเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ชิ้นนี้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ และเพิ่มความสามารถในการควบคุมธาตุไฟขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์

เมื่อได้ยินข้อมูลจากเสียงแจ้งเตือนของระบบซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อที่จะสัมผัสว่าทุกอย่างมันสำเร็จลงไปจริงๆแล้ว ….

หลังจากนั้นในชั่วพริบตา ซือเฟิงก็รู้สึกว่าเปลวไฟลึกลับขั้นสี่นี้เริ่มเข้ามาเติมเต็มร่างกายของเขา ขณะที่จิตวิญญาณของเขาที่อ่อนแอลงไปก่อนหน้านี้จากผลของกระบวนการดูดซับก็เริ่มฟื้นฟูตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว แถมพูดกันตามตรงมันยังพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นด้วย ตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกว่าเขาสามารถสัมผัสหลายสิ่งในสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

“นี่มันคือพลังของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่งั้นหรอ ?!”

ซือเฟิงนั้นรู้สึกเหมือนเขาได้เกิดใหม่เลย ตอนนี้ หลังจากที่เขาดูดซับเปลวไฟลึกลับขั้นสี่นี้เข้าไป เขารู้สึกอย่างชัดเจนเลยว่าเขาได้รับการปรับปรุงอย่างมากในทุกๆด้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องค่าความแข็งแกร่งทางจิต (จิตวิญญาณนั่นแหละ) ที่ตอนแรกเขาอยู่ในขั้นกลางของขั้นสี่ แต่ตอนนี้เขาได้ขึ้นมาอยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นสี่แล้ว

อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลที่ให้แก่ร่างกาย และจิตวิญญาณของเขาจะน่าทึ่ง แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือพลังดิบที่เขาได้รับเพิ่มมาจากเปลวไฟลึกลับขั้นสี่

เปลวไฟลึกลับขั้นสี่นี้เมื่อซือเฟิงใช้งานมัน มันจะช่วยเพิ่มพลังทำลายล้างขึ้นหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ช่วยเพิ่มพลังของสกิลธาตุไฟทุกสกิลขึ้นหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ และในเวลาเดียวกันนั้นมันก็จะส่งผลให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้อยห้าสิบเปอเซ็นต์เมื่อใช้ในตอนที่ทำการเล่นแร่แปรธาตุหรือปรุงอาหาร และมันก็จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตไอเทมของทุกสายอาชีพขึ้นยี่สิบห้าเปอเซ็นต์ด้วย

เมื่อได้รับรู้ถึงเอฟเฟคทั้งหมดของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ที่เขาพึ่งดูดซับเข้ามา ในที่สุดซือเฟิงก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเปลวไฟลึกลับขั้นสี่จึงเป็นดั่งตำนานใน God domain เอฟเฟคที่มันมอบให้ผู้ที่ครอบครองนั้นแข็งแกร่ง และน่ากลัวมากจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟคที่ช่วยในด้านการต่อสู้หรือสายอาชีพ พวกมันล้วนให้ผลที่ท้าทายสวรรค์อย่างมาก

ในเวลานี้โดยอาศัยเปลวไฟลึกลับขั้นสี่นี้ เขาจะสามารถโซโล่กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดในเลเวลเดียวกันได้สบายๆเลย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ซือเฟิงสนใจมากที่สุดก็คือเอฟเฟคที่มันจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตไอเทมของทุกสายอาชีพขึ้นยี่สิบห้าเปอเซ็นต์

“ด้วยการอาศัยเปลวไฟลึกลับขั้นสี่นี้ ตอนนี้ฉันจะมีอัตราความสำเร็จในการผลิตอาวุธระดับอีปิคราวสามสิบเปอเซ็นต์แล้ว !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

ในตอนที่เขาได้รับแบบแปลนของเซ็ทมานาขั้นสามจำลองมานั้น เขายังไม่แน่ใจมากนักว่าเขาจะทำมันได้สำเร็จไหม เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากไม่มีอัตราความสำเร็จที่มากพอ เขาก็ไม่อยากจะเสี่ยงสร้างมัน เนื่องจากแร่เงินลึกลับ ซึ่งเป็นวัสดุที่สำคัญที่ต้องใช้สร้างเซ็ทมานาขั้นสามนั้นมันหายากมากๆ โดยมันหายากมากพอๆกับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เลย

และอีกอย่างหนึ่งคือ แม้ว่าเขาจะมีสิทธิ์สังเคราะห์แร่เงินลึกลับขึ้นมาได้ แต่มันก็ต้องใช้เปลวไฟลึกลับขั้นสูงที่บริสุทธิ์มากๆ โดยเปลวไฟลึกลับขั้นสามนั้นมันไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามีทุกอย่างแล้ว และเขาก็พร้อมที่จะผลิตมันแล้ว

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีการสร้างเซ็ทมานาขั้นสามจำนวนมาก ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้วีดีโอคอลมาหาเขา

ซึ่งซือเฟิงก็ได้รับสายของเธอทันที โดยเขาได้มองไปยังไฟเออร์แดนซ์ที่ตอนนี้เป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์โดยรวมในเมืองสกายสปริง และถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นที่เมืองสกายสปริงรึปล่าว ?”
ตอนนี้เมื่อพวกเขามีป้อมปราการเคลื่อนที่คอยปกป้องหอคอยแห่งพันธสัญญาลับแล้ว มันจึงทำให้ไม่มีมหาอำนาจใดในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ที่กล้าจะตั้งตนเป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีกเลย ดังนั้นนี่มันจึงควรจะเป็นเวลาดีที่สุดที่พวกเขาจะสามารถฟื้นฟูตัวเอง และจัดการเรื่องเมืองสกายสปริงได้ มันไม่ควรจะมีสิ่งใดที่จะเป็นปัญหากับพวกเขาอีกแล้วในอาณาจักรทวินทาวเวอร์

“ไม่มี เพียงแต่ว่าตอนนี้มันมีผู้เล่นจำนวนมาก เข้ามาที่สถานที่พักกิลของเราเพื่อสมัครเข้าร่วมกิล” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวพลางยิ้มอย่างขมขื่น “เพียงครึ่งวัน สภาสิบแปดปีกของเราได้รับผู้เล่นเข้ามาเพิ่มแล้วราวห้าแสนคน ซึ่งในหมู่ผู้เล่นเหล่านี้มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นคน ซึ่งนี่มันทำให้อาวุธและอุปกรณ์ที่เราได้รับมาจากการต่อสู้ในเมืองสกายสปริงใกล้หมดลงแล้ว หากเราไม่สามารถหาพวกมันมาเสริมได้ การพัฒนาของสภาสิบแปดปีกก็จะต้องหยุดชะงัก และไม่สามารถขยายออกไปต่อได้”

“ฉันเข้าใจล่ะ …” ซือเฟิงพยักหน้าเข้าใจทันที เมื่อเขาได้ยินรายงานนี้จากไฟเออร์แดนซ์ ก่อนที่เขาจะยิ้มและพูดว่า “ฉันมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิค พร้อมกับอาวุธและอุปกรณ์ระดับต่ำกว่านั้น เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหรือมากกว่าอยู่จำนวนหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะใส่มันลงไปในคลังกิล นี่มันน่าจะพอทำให้เรารับมือกับสถานการณ์นี้ไปได้
สักพัก”

ไฟเออร์แดนซ์พยักหน้าให้กับคำพูดของซือเฟิง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะรู้ว่าซือเฟิงมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับต่างๆที่เลเวลนี้อยู่บางส่วน แต่เธอก็คิดว่ามันไม่น่าจะเพียงพอ ด้วยอาวุธและอุปกรณ์แบบนี้หลายร้อยชิ้น มันน่าจะหมดลงในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

อย่างไรก็ตามก่อนที่ไฟเออร์แดซ์จะทันได้คิดอะไรเพิ่มเติม เธอก็ได้เห็นอาวุธและอุปกรณ์จำนวนหนึ่งปรากฎขึ้นในคลังกิลของสภาสิบแปดปีก

โดยอาวุธและอุปกรณ์เหล่านี้เป็นของที่ซือเฟิงได้ซื้อมาจากโลก God domain ยุคโบราณ ตลอดไปจนอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆที่เขาได้รับมาจากการล่าที่ภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ ซึ่งมันมีมากกว่าหกพันชิ้น โดยทุกชิ้นล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหรือมากกว่าทั้งหมด และแม้แต่ระดับที่แย่ที่สุดก็ยังอยู่ในระดับทองแดง