ตอนที่ 1058

Alchemy Emperor of the Divine Dao

แม้ว่าหูเฟยหยินจะไม่พอใจจ้าวหลุน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลิงฮัน แล้วด้วยการที่นางเป็นคนไร้เดียงสา นางจึงลืมเรื่องของจ้าวหลุนไปนานแล้ว นางเพียงแค่มองหน้าอีกฝ่ายและพูดว่า “เจ้าเป็นใคร?”

อึก!

จ้าวหลุนแทบกระอักเลือด มันเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับหลิงฮัน จึงทำให้ท่านลืมว่าข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ?

แต่ถึงเขาจะโกรธ เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินหูเฟยหยิน และเพียงแค่พูดว่า “ข้าคือจ้าวหลุน บุตรชายของแม่ทัพจ้าว”

“โอ้ว อย่างนั้นนี่เอง” หูเฟยหยินเพียงแค่พยักหน้าไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

จ้าวหลุนไม่ไหวติ่ง ในเมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ เขาก็จะไม่ทำ และพูดแค่ว่า “พวกเราพร้อมแล้วที่จะนำกองทัพออกไปสู้เพื่อความรุ่งโรจน์ขององค์จักรพรรดินี!”

นางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “สมแล้วที่เป็นบุตรชายแม่ทัพจ้าวช่างกล้าหาญเหมือนกันไม่มีผิด!”

จ้าวหลุนรู้สึกพึงพอใจมาก เขามักจะเปรียบเทียบตัวเองกับพ่อของตัวเองอยู่เสมอ ถึงแม้เขาจะพอใจ แต่ก็แสร้งทำเป็นอ่อนน้อมและพูดว่า “ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ข้ายังไม่อาจเทียบกับพ่อของข้าได้แม้แต่น้อย”

หูเฟยหยินไม่สนใจคำพูดของจ้าวหลุน ที่นางพูดแบบนั้นออกไปเพราะนางไม่มีความสามารถที่จะนำกองทัพออกไปรบ และรู้สึกมีความสุขมากที่มีคนทำหน้าที่แทน ดังนั้นนางจึงมอบอำนาจทางทหารให้กับจ้าวหลุน เพราะอีกฝ่ายเป็นบุตรของแม่ทัพจ้าว เขามีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำทัพ

จากนั้นจ้าวหลุนก็พูดคุยรายละเอียดต่างๆกับแม่ทัพของแคว้นพิรุณบูรพา ซึ่งตำแหน่งของเขาไม่ได้มาเพราะพ่อของเขา แต่เป็นความสามารถในการต่อสู้ของเขาเอง แต่นี่เป็นการออกรบครั้งแรกของเขา จึงมีช่องว่างขนาดใหญ่ในเรื่องของทฤษฎีและกลยุทธ ถึงกระนั้นจ้าวหลุนก็ไม่ได้สนใจ เพราะเรื่องพวกนั้นเป็นแค่สิ่งที่จดอยู่ในกระดาษ

แม่ทัพของแคว้นพิรุณบูรพาเองก็ไม่สนใจ ตราบใดที่มีศิษย์ของสำนักนภาสีชาดตาย จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะก็จะส่งทหารและจอมยุทธที่แข็งแกร่งหลายคนมาที่นี่ มิฉะนั้นถึงแม้จะเอาชนะแคว้นราชสีห์ทองคำได้ แคว้นพิรุณบูรพาก็ต้องสูญเสียอย่างมหาศาล   พวกเขาวางกลยุทธ์ ซึ่งจ้าวหลุนเป็นผู้นำทัพในการบุกโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำ แล้วกองกำลังหลักของแคว้นพิรุณบูรพาก็จะใช้โอกาสนั้นข้ามแม่น้ำและบุกโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำจากด้านหลัง

หลังจากการสนทนา จ้าวหลุนก็เริ่มคัดเลือกสมาชิกกลุ่มบุกโจมตี

กลุ่มที่บุกโจมตีจะมีสมาชิกแค่พันคนเท่านั้น ถ้ามากไปกว่านั้นมันจะเป็นการผิดสังเกต

แน่นอนว่าจะมีเพียงแค่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะถูกรับเลือก

ในทางทฤษฎี หลิงฮันไม่น่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะถูกรับเลือก แต่เขาก็เป็นผู้ที่ถูกเลือก

นี่แสดงให้เห็นว่าจ้าวหลุนต้องการผลักดันหลิงฮันไปสู่ความตาย

แม้ว่าหลิงฮันจะมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่มีใครสามารถตำหนิจ้าวหลุนได้ ไม่ใช่ว่านี่เป็นการต่อสู้เพื่อจักรวรรดิของตัวเองหรอกหรือ? แล้วเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?

หลังจากสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ว่าหลิงฮันถูกเลือกเข้ากลุ่มลอบโจมตี นางก็รีบไปหาหูเฟยหยินทันทีเพื่อไม่ให้หลิงฮันอยู่ในกลุ่มของจ้าวหลุน แต่หลิงฮันกลับส่ายหัว เขาเลือกที่จะไปอีกฝั่งของแม่น้ำ

ในตอนแรกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับแคว้นราชสีห์ทองคำ แต่ตอนนี้เขาได้รับข้อมูลมามากพอแล้ว

ความแข็งแกร่งของแคว้นราชสีห์ทองคำนั้นไม่ได้เหนือไปกว่าแคว้นพิรุณบูรพามากนัก แล้วสำหรับจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองแห่ง แคว้นทั้งสองนี้เป็นเหมือนเขตกันชนที่ต้องรักษาเอาไว้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแคว้นทั้งสองถึงดำรงอยู่มาได้ถึงปัจจุบัน

แต่เป็นเพราะอะไรจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ถึงเคลื่อนไหว?

พวกเขามีความตั้งใจที่จะก่อสงครามกับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะอย่างนั้นหรือ?

อะไรคือจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งนี้?

เว้นแต่!

เป้าหมายของแคว้นราชสห์ทองคำไม่ใช่อาณาเขตตั้งแต่แรก!

หลิงฮันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาจะรู้ได้หลังจากที่ทำการตรวจสอบเรื่องนี้เท่านั้น

ดังนั้น หลิงฮันจึงไม่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มบุกโจมตี ในเมื่อเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม เขาก็จะสามารถไปไหนมาไหนได้มิใช่หรือ? แต่การเข้าร่วมกลุ่มบุกโจมตีนั้นแตกต่างกัน เขาสามารถออกจากกลุ่มและเข้าไปสำรวจพื้นที่ของศัตรูได้

แล้วยิ่งหลิงฮันมีหอคอยทมิฬอยู่ในมือ เขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

หลิงฮันอธิบายสิ่งที่เขาวิเคราะห์ให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ฟัง และเมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ว่าไม่มีทางที่นางจะหยุดยั้งเขาได้ นางจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้น

“เจ้าและข้าต่างก็เป็นผู้ติดตามของราชินีที่เก้า ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ พวกเราก็ไม่สามารถหลบหนีได้” หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่ควรทำอะไรพละการโดยที่ไม่ได้รับคำสั่ง มิเช่นนั้น พวกเขาจะถูกลงโทษตามกฎของกองทัพ

สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ ถึงแม้หูเฟยหยินจะมีสถานะสูงส่ง แต่ความสามารถในการต่อสู้ของนานนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย

“สัญญากับข้า ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าห้ามทอดทิ้งราชินีที่เก้าไว้ด้านหลังเป็นอันขาด ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางนั้นเหนือกว่าจินตนาการของเจ้ามาก” หลิงฮันกล่าวเตือนสติ แต่ก็ไม่ได้บอกความจริง เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังเกือบถูกจักรพรรดินีฆ่า

“อืม!”สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า

“ภรรยาข้าจะว่าไปแล้วทำไมพวกเราไม่มาทำลูกกันตอนนี้เลยล่ะ? ถ้าข้าไม่กลับมาจะเป็นเช่นไร?” หลิงฮันเริ่มฉวยโอกาศ

สุ่ยเยี่ยนยวี่มองตาขาวใส่หลิงฮันทันทีและพูดว่า “เจ้าอันธพาล!” นางผลักหลิงฮันออกไปทันที และบิดเอววิ่งจากไป

บนพื้นที่สูงนอกค่ายทหาร จ้าวหลุนกำลังยืนกอดอกและกวาดสายตามองค่ายทหารด้วยความภาคภูมิใจ และแสยะยิ้มอยู่ตรงมุมปาก

ครั้งนี้หลิงฮันจะต้องตายอย่างแน่นอน!

หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไป จ้าวหลุนจะออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นพร้อมกับทหารของเขา และจะเดินอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาและหูของแคว้นราชสีห์ทองคำ จากนั้นก็จะข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ แล้วรอให้ถึงเวลากลางคืนเพื่อลอบโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำ

แม้ว่าสำหรับจอมยุทธแสงสลัวตอนกลางคืนจะไม่มีผล แต่คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาพักผ่อนในตอนกลางคืน ดังนั้นการลอบโจมตีในตอนกลางคืน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

กลุ่มทหารหนึ่งพันนายเริ่มออกเดินทาง หลังจากที่เดินทางได้ประมาณสองถึงสามร้อยไมล์ พวกเขาก็เริ่มข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ

เรือเดินสมุทรจำนวนห้าลำสามารถขนคนได้ทั้งหมดร้อยคนต่อหนึ่งครั้ง หลังจากที่ข้ามฝากทั้งหมดสิบครั้ง ทหารหนึ่งพันนายก็ข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำคลื่นพิโรธ

หืม?

นี่มันอะไรกัน?

เกิดอะไรขึ้น!

เมื่อพวกเขาข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ ทุกคนก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะแผ่นดินของที่นี่เต็มไปด้วยปราณแห่งความตายที่รุนแรง

แผ่นดินนั้นแห้งแล้ง ดอกไม้และต้นไม้ตายหมด แม้แต่เสียงของแมลงยังไม่ได้ยิน

บนท้องฟ้าพวกเขาก็ยังไม่เห็นนกสักตัว แม้จะจ้องมองเป็นเวลานานแล้วก็ตาม

ราวกับว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความตาย

“นายน้อยหลัว ที่นี่แปลกประหลาดมาก พวกเราควรกลับไปรายงานสิ่งที่พวกเราเห็นก่อนดีหรือไม่?” ศิษย์คนหนึ่งถาม เขาเป็นหนึ่งในคนของจ้าวหลุน ดังนั้นเวลานี้เขาจึงกล้าเปิดปากพูด