ตอนที่ 1059

Alchemy Emperor of the Divine Dao

คิ้วของจ้าวหลุนขมวดเข้าหากัน สถานที่ที่เหมือนดินแดนแห่งความตายเช่นนี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของเขาอย่างสิ้นเชิง

เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?

แม้เขาจะศึกษาข้อมูลการทำสงครามมามากมาย แต่นั่นก็แค่ความรู้ที่เขียนไว้บนกระดาษ ตอนนี้เมื่อเขาต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเขาก็ชะงักจนทำอะไรไม่ถูก

“นายน้อยหลัว สถานการณ์ที่นี่ไม่ปกติ ข้าน้อยขอเสนอให้ล้มเลิกแผนการเดิมก่อนดีกว่า” ศิษย์อีกคนกล่าวขึ้นเพื่อโน้มน้าวจ้าวหลุน

จ้าวหลุนครุ่นคิดแต่ก็ส่ายหัวอย่างหนักแน่นและกล่าว “ไม่ ทำตามแผนเดิมต่อไป! จะอย่างไรการลอบโจมตีก็จะเริ่มในคืนนี้ พวกเราไม่จำเป็นต้องรีบกลับไปรายงานสถานการณ์ทันที”

นี่คือการนำทัพครั้งแรกของเขา เขาจะล้มเลิกแผนกลางคันได้อย่างไร? นอกจากนั้นเขาก็เกลียดชังหลิงฮันมาก เมื่อมีโอกาสดีๆเช่นนี้ มีรึที่เขาจะยอมปล่อยโอกาสทิ้งไป?

พวกเขายังไม่ลงมือและรอให้ถึงช่วงเย็นเพื่อบุกโจมตี

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อดวงจันทร์โผล่ขึ้นฟ้า พวกเขาก็เคลื่อนที่ไปยังืค่ายพักแรมของแคว้นราขสีห์ทองคำอย่างเงียบเชียบ

พวกเขาเป็นกองทัพเล็กๆและมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเพียงคนเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คาดหวังจะสร้างความเสียหายอะไรมาก เป้าหมายของพวกเขาคือสร้างความปั่นป่วนให้กับกองทัพแคว้นราชสีห์ทองคำเท่านั้น เพื่อที่กองทัพที่เหลือของแคว้นพิรุณบูรพาจะได้ข้ามแม่น้ำมาได้ง่ายขึ้น

ตราบใดที่กองทัพที่เหลือสามารถเคลื่อนทัพผ่านแม่น้ำคลื่นพิโรธมาได้ ก็เท่ากับว่าพวกเขาจะสามารถลงมือตอบโต้ได้

ท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน กองทัพพันคนเคลื่อนที่เงียบเชียบราวกับภูตผีมุ่งไปยังจุดค้างแรมกองทัพของแคว้นราชสีห์ทองคำ

แม้จะเป็นตอนกลางคืน จุดค้างแรมก็ยังส่องสว่างเนื่องจากมีกองไฟขนาดใหญ่เรียงรายอยู่รอบด้าน

“บุก!” จ้าวหลุนออกคำสั่ง ทันใดนั้นสมาชิกของกองทัพทุกคนก็เคลื่อนที่แยกย้ายกันพุ่งเข้าใส่ค่ายพักแรมของศัตรูราวกับพายุ

ถึงแม้กลุ่มคนพันคนจะไม่ถือว่ามากมายอะไร แต่พวกเขาทุกคนเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี พวกเขาพุ่งกระโจนใส่ค่ายพักแรมราวกับพยัคฆ์ร้าย

ในขณะที่บุกจู่โจมพวกเขาจงใจส่งเสียงคำรามที่ดังราวกับฟ้าผ่าเพื่อหวังให้กองกำลังของศัตรูชะงักตกใจ และยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังกองทัพที่อยู่ตรงฝั่งแม่น้ำคลื่นพิโรธด้วย

แน่นอนว่าการคำรามพร้อมกันของจอมยุทธระดับภูผาวารีนับพันย่อมสร้างคลื่นเสียงที่ทรงพลังพอที่จะทำให้จอมยุทธระดับทลายมิติระเบิดกลายเป็นกองโลหิต ค่ายพักแรมตอนนี้ราวกับถูกพายุระดับสิบเข้าจู่โจม

ทั่วทั้งกองทัพของแคว้นราชสีห์ทองคำตกอยู่ในความโกลาหลทันที ภายใต้อำนาจของคลื่นเสียง การออกคำสั่งของผู้นำของกองทัพแคว้นราชสีห์ทองคำจึงไม่ได้ผลเท่าไหร่

“ฮึ่ม!” เสียงคำรามที่เย็นชาดังถึงพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้นำชุดเกราะทอง เขายืนอยู่บนเสาค้ำธงของค่ายพักแรม ร่างของเขาสูงถึงสามฟุต ชุดเกราะแต่ละส่วนของเขามีลาวาสีแดงทะลักออกมา

“ผู้นำเพลิงสีชาด!” เหล่าทหารของแคว้นราชสีห์ทองคำสงบสติลงทันทีราวกับว่าหากชายที่ปรากฏตัวคนนี้เป็นคนลงมือ ปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขได้โดยง่าย

เหลี่ยวชิง เขาคือผู้นำกองทัพของแคว้นราชสีห์ทองคำ ฉายาของเขาคือ ‘เพลิงสีชาด’ เหล่าชิงเป็นดั่งพระเจ้าของแคว้นราชสีห์ทองคำ เขาเคยนำทัพทำสงครามมาแล้วหนึ่งร้อยเก้าครั้ง และพ่ายแพ้เพียงเจ็ดครั้ง

เขาเป็นจิตวิญญาณของกองทัพ ตราบใดที่มีเขาอยู่กองทัพก็จะหนักแน่นมั่นคงราวกับขุนเขา

“ก็แค่ศัตรูกลุ่มเล็กๆ จะแตกตื่นกันทำไม?” เหลี่ยวชิงเค้นเสียงเหยียดหยาม เสียงของเขาก้องกังวาลไปทุกซอกมุมของค่ายพัก

“ขอรับ!” ทหารของแคว้นราชสีห์ทองคำตะโกนตอบรับโดยไร้ความโกลาหลอีกต่อไป

พวกเขาจับอาวุธแน่นและตอบโต้ไปยังกลุ่มที่บุกเข้ามาพร้อมกับคำรามเสียงดัง ถึงแม้กองทัพของพวกเขาจะมีจอมยุทธระดับภูผาวารีอยู่เพียงไม่กี่คน แต่ในด้านจิตใจที่ฮึกเหิมพวกเขาไม่แพ้แน่นอน

ทางด้านหลิงฮัน เขาทำเพียงป้องกันตัวเองอยู่เงียบๆ

นี่ไม่ใช่สงครามของเขาแต่เป็นความบาดหมางระหว่างแคว้นราชสีห์ทองคำกับแคว้นพิรุณบูรพา ทำไมเขาจะต้องลงมือสังหารผู้บริสุทธิ์ด้วย?

และเพราะการที่เขาไม่แสดงพลังออกไปเต็มที่ เขาจึงไม่ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งโจมตี

เขาไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อยและกำลังอยู่ในอารมณ์ครุ่นคิดว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงมีกลิ่นอายแห่งความตายไปทั่วทุกที่?

ที่นี่ไม่ใช่เพียงมีแค่คนที่ตกตาย แต่ขนาดดอกไม้ นก หรือแมลงต่างๆก็ยังตายด้วยเหมือนกัน สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่?

แต่ทันใดนั้นเอง สัญชาติญาณของเขาก็ตื่นตัวและรีบหลบเลี่ยงขยับไปด้านซ้าย

ตูม!

พื้นดินบริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ถูกบดขยี้แหลกกระจายด้วยพลังที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ทหารที่สู้กับเขาในบริเวณนั้นเมื่อครู่ถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อ

การโจมตีเมื่อครู่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน การที่โจมตีผ่านพื้นดินแล้วแต่ก็ยังเหลือพลังทำลายขนาดนั้นไม่มีทางเป็นการลอบโจมตีของจอมยุทธระดับภูผาวารีแน่นอน แต่เป็น…ระดับสุริยันจันทรา!

หากศัตรูเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ทำไมต้องลอบโจมตีด้วย? ทั้งสองกองทัพกำลังเข้าปะทะกันอยู่แค่อีกฝ่ายบุกมาโจมตีเขาตรงๆก็พอแล้วแท้ๆ

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียว

คนที่ลอบโจมตีคือจ้าวหลุน!

หลิงฮันมองไปยังจ้าวหลุนที่กำลังสู้อยู่กับเหลี่ยวชิง เมื่อสายตาของเขามองไปยังร่างของจ้าวหลุน เขาก็พบว่าอีกฝ่ายชำเลืองมองกลับมาหาเขาพร้อมกับจิตสังหาร

เป็นจ้าวหลุนแน่นอนที่ลอบโจมตีเขา!

แปลกมาก ทำไมจ้าวหลุนถึงสามารถต่อกรกับเหลี่ยวชิงได้?

หลิงฮันเห็นชัดเจนว่าด้านหลังของเหลี่ยวชิงมีดวงตะวันและดวงจันทร์อยู่สองอัน ซึ่งหมายถึงเหลี่ยวชิงมีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นปลาย ส่วนจ้าวหลุนนั้นเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราไม่นาน

ความต่างของทั้งสองคนนั้นคืออย่างน้อยเจ็ดดาว! จ้าวหลุนเป็นอัจฉริยะสี่ดาวและไม่สามารถใช้งานอำนาจแห่งจักรภพได้ เขาจะสามารถทดแทนความต่างอีกสามดาวได้อย่างไร? หรือว่าจู่ๆเขาก็กลายเป็นอัจฉริยะเจ็ดดาวไปแล้ว?

ไม่ใช่!

หลิงฮันมองไปยังเกราะของจ้าวหลุนที่ปลดปล่อยแสงสว่างออกมา เกราะนี้ทำหน้าที่ราวกับเป็นคนที่สู้ตัวจริงแทนจ้าวหลุน

สมบัติ มันคือสมบัติที่แท้จริง!

มันคือเกราะอัศจรรย์ที่ช่วยให้จ้าวหลุนมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นถึงสามดาว

“ฮ่าๆๆ ได้เวลากำจัดพวกสวะให้สิ้นซากแล้ว!” เสียงหัวเราะดังขึ้น ปรมาจารย์นับร้อยคนปรากฏตัวโดยที่ด้านหลังของพวกเขามีดวงตะวันและดวงจันทร์ปรากฏอยู่

ระดับสุริยันจันทรานับร้อยคน!

ต่อให้แคว้นราชสีห์ทองคำจะมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามากกว่าร้อยคนก็ตาม แต่ตอนนี้มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

หลิงฮันนึกในใจทันทีว่าจอมยุทธเหล่านี้จะต้องเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์แน่นอน!

สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่แต่เดิมก็แปลกประหลาดอยู่แล้ว นี่ยังมีจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์มาเกี่ยวข้องอีก ซึ่งทำให้เขาถึงสงครามกับแคว้นราชสีห์ทองคำซึ่งแต่เดิมก็มีจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์เป็นคนบงการแต่แรก

ทำไมต้องเป็นสถานที่ที่เหมือนดินแดนแห่งความตายแห่งนี้อีกแล้ว?