พอเอ่ยคำนั้นออกไป ผู้คนทั้งหมดก็พากันตกตะลึง!
จะให้ตู๋กูซิงหลันไปเป็นอนุ?
นัยตาสีครามจับจ้องอยู่บนร่างของตู๋กูซิงหลัน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนาง ช่างมีชีวิตชีวางดงามดุจดอกท้อ พอยิ่งมองดูอย่างละเอียดลออขึ้นไปอีก นัยตาสีดำนั้นช่างเย็นชาและลึกล้ำสุดหยั่ง
เยี่ยอิงพึงพอใจอย่างยิ่ง
ริมฝีปากสีแดงของนางยกยิ้ม “เจ้าสมควรขอบคุณตนเองที่เจ้าเกิดมามีรูปโฉมเช่นนี้ ถึงได้มีคุณสมบัติเข้าสู่เผ่ามังกรทมิฬของข้า กลายเป็นอนุภรรยาในพี่ชายของข้า”
ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันเคาะลงไปบนใบมีอของดาบยักษ์เบาๆ “หืม?”
เยี่ยอิงโบกมือเบาๆ ก็เห็นชาวมังกรผู้นั้นเก็บของขวัญกลับคืนมาจากลู่กว่าง นำมายื่นตรงหน้าตู๋กูซิงหลันแทน
“นี่คือไข่มุกพลังวิญญาณของเผ่ามังกรทมิฬของเรา พอเจ้าแต่งเข้ามา ไข่มุกพลังวิญญาณนี้ก็จะเป็นของเจ้า” เส้นผมยาวสลวยสีครามที่หยิกเป็นลอนราวสาหร่ายในท้องทะเลของเยี่ยอิงพลิ้วไหวราวกับกำลังเริงระบำ นางมีความสูงพอๆกับตู๋กูซิงหลัน ดวงตาคู่นั้นมองตรงมายังนาง
“ของขวัญที่มอบให้กับวังมังกรตะวันตกก่อนหน้านี้ก็จะเก็บคืนมาทั้งหมด และมอบให้กับเจ้าด้วย”
ว่าแล้ว เปลือกหอยสีดำชิ้นนั้นก็เปิดออกมา ภายในมีไข่มุกสีดำขนาดเท่าไข่ไก่อยู่เม็ดหนึ่ง มันเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณและพลังมังกรที่แข็งแรง ให้ความรู้สึกประหนึ่งถูกหางมังกรโอบรัดเอาไว้
ลู่เวยมองดูไข่มุกที่แฝงพลังมังกรเม็ดนั้น ก็ริษยาจนสองตาแดงก่ำจนเลือดแทบจะหยดออกมา
มุกพลังวิญญาณมังกรเม็ดนี้ เดิมทีจะต้องเป็นของนางต่างหาก!
ทำไมถึงได้นำไปให้กับมนุษย์บัดซบผู้นั้นได้?
นางเป็นเพียงแค่มนุษย์ผู้หนึ่ง มีคุณสมบัติอันใดจะได้เป็นอนุของไท่จื่อเผ่ามังกรทมิฬกัน?
ชือหลีเองก็งงงันไปแล้ว นางคิดไม่ถึงว่า องค์หญิงผู้นั้นจะไปถูกใจตู๋กูซิงหลันเข้า
ตู๋กูเจวี๋ยสีหน้าบูดบึ้งขึ้นมาในทันที น้องสาวของตนเองเป็นถึงฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นเหยียน คนที่ไล่ตามนางมีอยู่ทั่วแผ่นดิน แล้วจะให้ไปเป็นอนุของมังกรตัวหนึ่ง?
ช่างน่าหัวเราะ!
ยิ่งไปกว่านั้น เคยได้ยินมาว่าพวกมังกรอุปนิสัยวิปริต น้องสาวที่โดดเด่นงดงามของเขาแต่งไปมิใช่ว่าจะถูกรังแกจนตายหรอกหรือ?
ตู๋กูเจวี๋ยก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง คิดจะไปถกเหตุผลกับองค์หญิงผู้นั้น
แต่พอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว ก็ถูกชือหลีกระตุกแขนเสื้อดึงกลับมา
กลับเป็นชือหลีที่ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง บังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้ด้านหลัง นัยตาสีแดงคู่นั้นมองไปยังเยี่ยอิง
“องค์หญิงเพคะ นี่คงจะไม่ดีเท่าไหร่กระมั้ง?”
นางเอ่ยต่อไป “นางเป็นสหายของข้า ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้เลย ที่พวกท่านต้องการคือองค์หญิงทะเลตะวันตก มิใช่ผู้อื่น”
ตู๋กูซิงหลันมาเพื่อช่วยเหลือนาง แล้วนางจะปล่อยให้ตู๋กูซิงหลันถูกเผ่ามังกรทมิฬหมายตาได้อย่างไร?”
“นังมนุษย์ผู้นั้นนิสัยยโสโอหังจะตายไป ไหนเลยจะมองเห็นไท่จื่อของเผ่ามังกรทมิฬอยู่นสายตา?” ลู่เวยฉวยโอกาสกล่าวต่อไป “คนเขาเป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นเหยียน ใครจะไปยอมละทิ้งตำแหน่งฮ่องเต้ ไปเป็นอนุกัน?”
คำพูดของลู่เวยสร้างความไม่พอใจให้กับเยี่ยอิง เส้นผมของนางสยายขึ้นมา หัวคิ้วบังเกิดลายมังกรสีดำตัวหนึ่งกำลังเคลื่อนไหว
ตู๋กูซิงหลันเหลือบตาไปมองดูลู่เวยแวบหนึ่ง สายลมหอบหนึ่งก็ซัดออกไปจากฝ่ามือ เสียงฝ่ามือฟาดลงไปบนศีรษะของลู่เวยดังเปรี้ยง นางรู้สึกเหมือนสมองพลิกกลับไปรอบหนึ่ง
คนมึนงงจนคิดจะอาเจียนออกมา
“หนวกหู” ตู๋กูซิงหลันเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง
จากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็หันกลับไปมองดูเยี่ยอิง “แต่ว่านางก็พูกถูก ข้าไม่สนใจไท่จื่อของพวกท่าน”
นางพูดพลาง ก็ควงดาบยักษ์บนหัวไหล่ “ข้าตู๋กูซิงหลันชีวิตนี้จะไม่เป็นอนุของผู้ใดทั้งนั้น”
กริยาของนางทั้งเย็นชาทั้งหยิ่งทนง
ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นองค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬ แต่ความทรนงในตนเองของตู๋กูซิงหลันก็มิได้ลดลงไปแม้แต่น้อย
คนอย่างตู๋กูซิงหลันนั้น หากมีผู้ใดให้ความเคารพนางหนึ่งนิ้ว นางก็จะเคารพเขาหนึ่งจั้ง
แต่หากใครไม่เคารพในตัวนาง นางย่อมไม่เกรงใจอีกต่อไป
“เป็นแค่มนุษย์สามัญผู้หนึ่ง แต่กลับกล้าโอหังได้ถึงเพียงนี้?” คราวนี้แม้แต่เยี่ยอิงที่มาจากเผ่ามังกรก็ยังขุ่นเคืองขึ้นมา
ถึงแม้ว่าจะถูกกักเอาไว้ยังก้นทะเล แต่ว่าในแก่นแท้ของพวกเขายังคงหยิ่งทนงในความสูงส่ง เผ่ามนุษย์ ในสายตาของพวกเขานั้นแทบจะไม่ต่างอะไรกับพวกมด
อย่าว่าแต่จะให้นางเป็นอนุของไท่จื่อเลย แม้แต่เป็นเพียงสาวใช้ที่ล้างเท้าให้กับไท่จื่อ นางก็สมควรจะคุกเข่าลงกราบกรานด้วยความซาบซึ้งใจแล้ว แล้วยังจะกล้ามาบอกว่าไม่สนใจไท่จื่อของพวกเขาอีกหรือ?
เยี่ยอิงจดจ้องไปยังนาง นางเคยพบเจอพวกมนุษย์มาเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยเห็นมนุษย์ที่หยิ่งทนงขนาดนี้มาก่อน
นางพยายามข่มอารมณ์ขุ่นเคืองในใจลงไป ส่งยิ้มเย็นชาไปให้กับตู๋กูซิงหลัน “แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ”
ตู๋กูซิงหลันเองก็ส่งยิ้มกลับไป “ขอโทษที ในพจนานุกรมของเราไม่มีคำว่า ‘เสียใจ’ สองคำนี้”
เส้นผมยาวสลวยของนางพลิ้วไปด้านหลัง ชุดกระโปรงสีแดงก็ไหวเบาๆ ชักสีนางที่เคยใช้ยามแสดงละครเรื่อง BOSSออกมา
ริมฝีปากแดงราวสีเลือดของนางเผยความเ**้ยมเกรียมโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด
ข้างกายยังมีกระดูกมังกรที่อาบไปด้วยเลือดสดๆทั้งเส้นวางอยู่ กลิ่นเลือดคาวคละคลุ้ง ระเหยเป็นไอหมอกสีแดงไปทั่วด้านหลังของนาง
แม้แต่เยี่ยอิงก็ยังรู้สึกได้ ว่าสตรีผู้นี้จะต้องร้ายกาจอย่างยิ่ง
นางยิ่งเกิดความสนใจในตัวของตู๋กูซิงหลันมากกว่าเดิม…..
มนุษย์ที่สามารถเลาะกระดูกราชามังกรได้ผู้หนึ่ง มนุษย์ที่มีความกล้าจะต่อต้านนางได้ผู้หนึ่ง ยังน่าสนใจกว่าสตรีเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลมากนัก
สตรีผู้นี้หากว่าสามารถคลอดบุตรให้กับพี่ชายละก็….บางทีอาจจะเป็นทารกศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้?
ประกายตาของเยี่ยอิงเข้มข้นขึ้นมา นางขยับร่างวูบหนึ่ง แส้สีเงินในมือก็สะบัดออกไปในทันที
เป็นความรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาดทำให้คนไม่อาจหลบพ้นได้
ต่อให้เป็นชือหลี ก็เห็นเป็นเพียงแสงแวบเดียว แค่ชั่วแวบนั้นก็พุ่งมาถึงตัวของตู๋กูซิงหลันแล้ว
พวกเขาได้แต่หลั่งเหงื่อๆเย็นออกมาทั่วร่าง
เผ่ามังกรทมิฬ…..ยังคงเป็นผู้ที่ไม่อาจล่วงเกินได้แม้แต่น้อย!
ความแข็งแกร่งของพวกเขายังมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลได้แต่ต้องกราบกรานเป็นบรรพชนเท่านั้น
วันนี้องค์หญิงเสด็จมาด้วยพระองค์เอง แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตา
แส้นี้พอฟาดออกไป ต่อให้ไม่ตายก็ต้องถลกหนังออกมาชั้นหนึ่ง
พวกลู่เวยต่างก็ยินดีขึ้นมา มนุษย์ผู้นั้นชั่งยโสโอหังเกินไปแล้ว ……อีกประเดี๋ยว นางจะต้องชดใช้ค่าตอนแทนในความยโสของนาง
แส้ของเยี่ยอิงฟาดออกไป ได้ยินเสียง ‘เปรี้ยง’ ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก็เห็นว่าตู๋กูซิงหลันใช้ดาบยักษ์สกัดเอาไว้
เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ก็เกิดเป็นดอกไม้เพลิงขนาดใหญ่ที่แสนงดงาม
ทันทีที่แรงระเบิดที่รุนแรงนั้นสว่างวาบออกไป เสาหลักทั้งสี่ต้นในตำหนักกลางของวังมังกรก็แตกร้าวขึ้นมา
ทั่วทั้งตำหนักเกิดเสียงสั่นสะเทือนเลือนลั่น มีแต่เศษฝุ่นละอองตกลงมาใส่ศีรษะ
ภายในวังมังกรนั้นไม่มีน้ำทะเล สิ่งของต่างๆจึงตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง
อาวุธของเยี่ยอิงนั้นหากมองดูอย่างผิวเผินก็คือแส้เส้นหนึ่ง แต่ว่าเมื่อมองดูอย่างละเอียดถึงได้เห็นว่าเป็นดาบกระดูกที่พลิ้วไหวได้เล่มหนึ่ง เป็นใบมีดดาบสิบสองชิ้นเชื่อมต่อกัน พอสะบัดออกไปก็เป็นเหมือนดั่งแส้เส้นหนึ่ง
พอฟาดลงมายังตู๋กูซิงหลัน ถึงได้เห็นชัดว่าดาบกระดูกที่คมกริบเล่มนั้น ร้อยรัดอยู่บนดาบยักษ์ทั้งเล่ม
เยี่ยอิงนั้นแต่ไหนแต่ไรมิใช่คนที่ชอบพูดพล่ามอย่างไร้สาระ ตอนนี้นางอดทนมาเกินพอแล้ว จึงคิดแต่จะคว่ำตู๋กูซิงหลันลงให้จงได้
เดิมที ดาบยักษ์ในมือของตู๋กูซิงหลัน นางเองก็มิได้เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
แต่ใครจะรู้ว่า ดาบที่มองดูแล้วเหมือนจะสามัญธรรมดาเล่มนั้น กลับสามารถสะกัดดาบโซ่ของนางเอาไว้ได้?
ดาบโซ่กระดูกสิบสองข้อพันอยู่บนดาบยักษ์ เปล่งประกายแสงที่เยือกเย็นออกมา
เยี่ยอิงเพิ่มพลังในมือ คิดจะกระชากดาบยักษ์ในมือของตู๋กูซิงหลันออกมา
ตู๋กูซิงหลันย่อมไม่เปิดโอกาสให้กับนาง พลิกฝ่ามือออกไป
……………………………….
ไรท์: (ตะโกนบอกสามีไปว่า ) พ่อๆ เขาตบกันแล้ว! อาการของคนติดนิยายจีน
ตอนต่อไป “นี่ไปหาเรื่องกับจอมมารตนใดเข้าแล้ว?”