ตอนที่ 174

The Great Worm Lich

โรงฆ่าสัตว์ LS มีพื้นที่เกินกว่าสามตารางกิโลเมตรซึ่งอาจมีใหญ่กว่าหมู่บ้านหรือเมืองเล็ก ๆ บางแห่ง

 

เมื่อมองผ่านหน้าต่างไปยังโรงงานที่ยื่นออกมาจนสุดสายตา มิเชลอุทานด้วยความตกตะลึงพร้อมดวงตาเบิกกว้าง “นี่มันเป็นเหมือนเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งด้วยซ้ำ!”

 

“เหมือนเมืองเล็ก ๆ งั้นหรอ … ไม่มีเมืองที่ไหนจะมีขนาดเท่าสามตารางกิโลเมตรในสหรัฐฯหรอกนะ” จางลี่เฉินชะลอความเร็วขณะขับผ่านประตูโรงงาน

 

เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นเอกซ์พลอเรอร์ที่คุ้นตาพวกเขาก็รีบทำหน้าที่กันอย่างเคร่งขรึมในทันใด “สวัสดียามบ่ายครับมิสเตอร์จาง”

 

“สวัสดียามบ่าย” ชายหนุ่มชี้ไปยังรถดอดจ์และแกรนด์เชอโรกีที่ตามมาด้านหลังสองคันแล้วพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “สองคันข้างหลังนี้มากับฉัน ปล่อยให้พวกเข้าไปได้เลย … อ้อ มิสเตอร์ชาร์ลีอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”

 

“น่าจะอยู่ที่อาคารสำนักงานใหม่เพื่อมอบหมายงานให้กับพนักงานใหม่อยู่นะครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอายุน้อยตอบคำถามของจางลี่เฉินได้อย่างละเอียด

 

น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเห็นว่าพนักงานคนนี้กำลังพยายามทำผลงานให้เข้าตาเป็นครั้งที่สองแล้ว เขาเพียงพูด “ขอบใจ” กลับไปจากนั้นก็ขับรถเข้าไปจอดที่หน้าอาคารสำนักงานของเขาเอง

 

หลังกผ่านการประชุมและการวางแผนมาอย่างดีหลายสิบครั้งเพื่อจัดระเบียบพื้นคอนกรีตให้เรียบและสะอาด เอกซ์พลอเรอร์ก็ได้จอดนิ่งสนิทที่ด้านหน้าอาคารสำนักงานสองชั้น

 

ชายหนุ่มก้าวลงจากรถเพื่อสูดอากาศเย็น ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดที่ลอยมาตามลมจากโรงฆ่าสัตว์ เมื่อเห็นคนหนุ่มสาวลงมาจากรถด้วยสีหน้าตกใจไม่ยอมหยุดเขาก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ห้องทำงานอยู่ข้างบน ขึ้นไปดื่มกาแฟกันก่อนเถอะแล้วเดี๋ยวจะไปขอให้ใครสักคนพาทุกคนไปดูว่าโรงฆ่าสัตว์ที่ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยมันเป็นอย่างไร มันไม่ได้รุนแรงอย่างที่ทุกคนคิดเพราะงั้นเกรงว่าจะทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง … ”

 

“โอ้พระเจ้า! ลี่เฉิน นี่โรงงานของนายจริง ๆ น่ะเหรอ?!” ทันใดนั้นแรนดี้ที่ไม่ได้ยินจางลี่เฉินกำลังอธิบายก็ตะโกนถามเสียงดัง

 

“ใช่” จางลี่เฉินเดินเข้าไปในอาคารสำนักงาน เขาหันไปบอกผู้ช่วยมาใหม่สองคนที่เพิ่งเริ่มงานว่า “ช่วยเอากาแฟและโค้กขึ้นไปให้ที่ชั้บบนให้ที” จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูโลหะแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังสำนักงานอันใหญ่โตของเขาที่ชั้นสอง

 

“ห้องทำงานนี้ใหญ่กว่าห้องโถงของ UCLA ซะอีก! นี่มันอะไรกัน? โรงงานขนาดใหญ่ …สำนักงานใหญ่… นายทำได้ยังไงเนี่ยลี่เฉิน” แรนดี้เดินมองไปรอบ ๆ ภายในห้องสำนักงานพลางถามเสียงดัง

 

“ทำอะไร? สร้างโรงงานที่มีพื้นที่ 3.5 ตารางกิโลเมตรแบบนี้น่ะเหรอ? ก็…หลังจากที่นายได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่สำคัญแล้ว การพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะนำมาซึ่งผลกระทบแบบคลัสเตอร์และสิ่งที่นายต้องทำคือรับการสนับสนุนจากธนาคาร เอาล่ะทุกคนมานั่งนี่ก่อนสิ” จางลี่เฉินชี้ไปที่โซฟาและหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาชาร์ลี “ชาร์ลี คุณยังอยู่ที่อาคารใหม่หรือเปล่า?”

 

“ครับบอส มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?”

 

“มาที่ห้องทำงานของผมที แล้วก็พาที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยมาด้วยนะ เอาคนที่เก่งและดีที่สุดในโรงงานของเรามาเลย”

 

“ได้ครับบอส ผมจะรีบไปในทันที”

 

“แล้วพบกัน” จางลี่เฉินวางสายจากนั้นผู้ช่วยสาวที่ยิ้มแย้มแจ่มใสก็ได้ขึ้นมาเสิร์ฟกาแฟและโค้กให้กับพวกเขาทุกคน “โค้กของคุณค่ะ”

 

“ขอบใจ” ชายหนุ่มยกแก้วโค้กขึ้นแล้วจิบ “เดี๋ยวที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยจะมาและคุณทุกคนก็จะสามารถ…”

 

“ลี่เฉิน ฉันเห็นแชมเปญบลูเบอร์รี่ระดับสูงอยู่ขวดหนึ่ง” แรนดี้เดินออกจากมุมด้านซ้ายของสำนักงานที่ถูกบดบังด้วยพุ่มไม้สีเขียวมรกตในขณะที่ถือขวดแชมเปญขนาดใหญ่ไว้ในอ้อมแขน “นายควรใช้สิ่งนี้เพื่อต้อนรับเราสิ”

 

“แรนดี้ นายอายุ 21 แล้วหรือไง?”

 

“พระเจ้า! นี่นายกำลังอยู่ในยุค ‘การห้ามสุราในสหรัฐ’ ในปี 1930 อยู่หรือยังไง? มีเพียงบุคคลที่อายุ 21 ปีขึ้นไปเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ กฎหมายที่ไร้สาระที่ไม่มีใครยอมทำตามนอกจากนาย!” แรนดี้กล่าวขณะเปิดจุกแชมเปญด้วยเสียงดัง ‘ป๊อป’

 

แชมเปญสาดทั่วใบหน้าของเขาทันทีที่ฝาจุกเปิดออก หลังจากที่เขาอ้าปากกว้างเพื่อรับแชมเปญบลูเบอร์รี่ที่เท่ากับสองสามแก้วเสร็จแล้วเขาก็วิ่งไปที่โซฟาและนั่งลง

 

จางลี่เฉินทำได้แค่เพียงยิ้มรับ “แรนดี้ ถ้านายดื่มแล้วก็ไม่ควรขับรถ”

 

“ลี่เฉิน ฉันไม่ใช่คนบ้าระห่ำแบบนั้น ฉันจะไปขับรถหลังดื่มเสร็จได้ยังไง” แรนดี้ตอบก่อนจะจิบกาแฟแก้วหนึ่งเพื่อให้เขาสามารถใส่แชมเปญลงไปในแก้วที่ว่างเปล่าและดื่มมันได้อีก

 

“โอ้? แต่นายดูเหมือนคนบ้ามากเลยนะในตอนนี้”

 

“ถ้านายได้เข้ามหาลัยเมื่อไหร่นายจะรู้เองว่าพฤติกรรมของฉันเป็นเรื่องปกติมากขนาดไหนเมื่อนายได้อยู่หอพัก ใช่แล้วลี่เฉิน! มีบางอย่างที่ฉันอยากรู้มาก ๆ อยู่อย่าง! โรงงานขนาดใหญ่แบบนี้สามารถสร้างรายได้ให้นายเท่าไหร่?! นายช่วยบอกฉันหน่อยจะได้ไหม?”

 

ในสังคมตะวันตก การถามเกี่ยวกับรายได้ของผู้ชายเทียบเท่ากับการถามอายุของผู้หญิง มันเป็นคำถามที่หยาบคายมากและมีเพียงคนอย่างแรนดี้ที่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงและมีบุคลิกที่มีชีวิตชีวามากเกินไปเท่านั้นที่จะสามารถโพล่งคำถามแบบนี้ออกมาได้

 

เมื่อได้ยินคำถามจากปากเขาทุกคนก็เงียบสนิทเพื่อรอให้จางลี่เฉินตอบ

 

“มันเพิ่งเพิ่มเป็นวันละ 1 ล้านต่อวัน” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม

 

ขณะนั้นเองชาร์ลีก็เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมชายวัยกลางคนตัวเล็กคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดเสื้อคลุมขณะถือหมวกสีแดงโดดเด่นไว้ในมือข้างหนึ่งของเขา

 

จางลี่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจแรนดี้ที่กำลังตกใจจนพูดไม่ออกหลังได้ยินคำตอบจากเขาแต่มองไปที่ชาร์ลีและคนอื่นแทน “สวัสดียามบ่านชาร์ลี คน ๆ นี้เป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดของโรงงานเราใช่ไหม?”

 

“ใช่ครับบอส แอนนิคจบการศึกษาด้านวิศวกรรมความปลอดภัยจากมหาวิทยาลัยวอล์คเกอร์ตัน เขามีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยมานานถึง 19 ปีในโรงฆ่าสัตว์โอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในแคลิฟอร์เนียตอนใต้”

 

“แค่ได้ฟังก็ดูน่าเชื่อถือมากแล้ว มิสเตอร์แอนนิค ผมมีงานให้คุณทำนิดหน่อย ช่วยพาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีกลุ่มนี้ไปเยี่ยมชมกระบวนการฆ่าสัตว์ของโรงงานเราให้ทีจะได้ไหม? หวังว่าคุณจะสามารถแนะนำพวกเขาได้อย่างดีและต้องแน่ใจว่าคุณได้ใส่ใจกับความปลอดภัยให้กับพวกเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน”

 

การถูกเรียกตัวโดยบุคคลสำคัญของบริษัทไปยังสำนักงานส่วนตัวแต่กลับได้กลับได้รับหน้าที่งานที่ไร้สาระมากที่สุดแอนนิคก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ตามเขาแสร้งทำเป็นยอมรับงานที่จางลี่เฉินมอบให้ด้วยความยินดีพร้อมด้วยสัญญาที่เคร่งขรึมก่อนจะนำกลุ่มคนหนุ่มสาวออกจากสำนักงานไปพร้อมกับเขา

 

ก่อนจากไปไรย์ลีเอ่ยถามกับเขาว่า “ลี่เฉิน นายไม่ไปเยี่ยมดูโรงงานกับพวกเราหรอกหรอ?”

 

“ไม่ล่ะ ฉันเบื่อที่จะต้องดูอะไรพวกนั้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังมีเรื่องต้องคุยกับชาร์ลีอีกด้วย ไปเถอะไรย์ลี ถ้าเธอรู้สึกกลัวหรือรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจมาก ๆ ก็ปิดตา กลั้นลมหายใจแล้ววิ่งออกจากตรงนั้นเพื่อไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเอาซะนะ” จางลี่เฉินโบกมือขณะที่เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม

 

หลังจากที่พี่น้องและชายหนุ่มหญิงสาวที่มาจากแอลเอหายตัวไปจากห้องทำงานแล้วเขาก็รีบปิดประตูแล้วหันมากระซิบเสียงเบากับชาร์ลีในทันทีว่า “ชาร์ลี มิสเตอร์ดอลบี้ ดิ๊กลินได้พบกับฉันเมื่อเช้าแล้วมีเรื่องขอให้ฉันทำอะไรบางอย่าง เขาหวังว่าในการเลือกตั้งปีหน้าหลังจากที่ประธานาธิบดีผิวสีอันเป็นที่รักของพวกเราได้ออกจากทำเนียบขาวไป เราจะสามารถมีอิทธิพลต่อการเมืองในนิวยอร์กและช่วยบุคคลที่มีอำนาจบางคนให้นั่งอยู่ในทำเนียบขาวได้ คุณคิดว่าเรามีความสามารถถึงในระดับนั้นหรือเปล่า?”

 

แม้ชายหนุ่มจะพูดด้วยน้ำเสียงที่บางเบาอย่างมากแต่มันเป็นเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ดังลั่นสำหรับชาร์ลี

 

ชายคนหนึ่งที่อยู่ในวงการธุรกิจนิวยอร์กมานานกว่า 30 ปีและยังคงเป็นเพียงชนชั้นรองมาตลอดเริ่มเห็นแนวทางที่นำไปสู่การเป็นบุคคลชั้นหนึ่งสำหรับตัวเองได้แล้ว

 

ในตอนนั้นเขาต้องการเวลาเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองเลยไม่ได้ตอบคำถามของจางลี่เฉินไปในทันที “บอส ขอเวลาผมสักหน่อยนะครับ ขอผมคิดอะไรสักหน่อยก่อนนะครับ”

 

หลังจากไตร่ตรองภายในสำนักงานอย่างเงียบเชียบมาเกือบ 10 นาที ชาร์ลีย์ก็ให้คำตอบในเชิงบวกกับเขาไปว่า “เรามีความสามารถมากพอที่จะมีอิทธิพลต่อฐานเสียงในนิวยอร์ก แต่ถ้าเป็นการลงคะแนนเสียงแบบดั้งเดิมของพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันเช่นนั้นพลังที่อ่อนแอของเราจะไม่คุ้มค่าใด ๆ แต่ในสภาวะที่ผันผวนของนิวยอร์กอยู่ตลอดพวกเราสามารถเข้าร่วมเล่นโดยการตรวจสอบและปรับสมดุลที่ละเอียดอ่อนมากได้ ไม่ ไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นคุณ! คุณมีพลังนี้อยู่ในมือของคุณแล้วนะครับ!”

 

“ฉัน? ไม่ ๆ  ๆ ชาร์ลีย์ มิสเตอร์ดอลบี้กับฉันมีแผนทำงานร่วมกันเพื่อสร้างห้องปฏิบัติการชีวภาพขนาดใหญ่ที่แอฟริกาและฉันจะไปต่างประเทศในไม่ช้าเพื่อทำการตรวจสอบที่นั่นสักพักใหญ่ ๆ แต่เนื่องจากคุณคิดว่า LS กรุ๊ปมีความสามารถในการมีอิทธิพลต่อการลงคะแนนเสียงของนิวยอร์กถ้างั้นฉันจะส่งเรื่องนี้ให้คุณจัดการไปเลยก็แล้วกัน ติดต่อมิสเตอร์ดอลบี้และพูดคุยเกี่ยวกับเขาให้เข้าใจ” จางลี่เฉินเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วนั่งลงก่อนจะดึงจดหมายแต่งตั้งอันยาวเหยียดออกจากลิ้นชักเพื่อเซ็นชื่อของเขา “ผู้จัดการชาร์ลี…”

 

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังพึมพำ เขาหมุนจดหมายนัดแล้ววางไว้ตรงหน้าชาร์ลี

 

เมื่อได้เห็นจดหมายที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอด ชาร์ลีไม่รู้ว่าเขาควรจะยิ้มยินดีหรือร้องไห้เพราะสุขใจกันมากแทน

 

ในระบบของบริษัทสมัยใหม่ที่ส่วนของผู้ถือหุ้นจะแสดงถึงวาทกรรมสุดท้าย ผู้จัดการทั่วไปจะเป็นผู้จัดการของบริษัทที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการเท่านั้น อย่างไรก็ตในกรณีที่ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นและเพื่อความมั่นคงของบริษัท จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะเปลี่ยนผู้จัดการทั่วไปได้บ่อย ๆ

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งสำหรับบริษัทอย่าง LS ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ในตลาดผู้ขาย ชาร์ลีย์ตั้งใจจะทำงานที่นี่จนกว่าเขาจะเกษียณหลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทั่วไป

 

อย่างไรก็ตามหากเขาพยายามโน้มน้าวคะแนนเสียงของนิวยอร์กโดยใช้อิทธิพลของ LS กรุ๊ปและเมื่อผู้สมัครที่พวกเขาช่วยเหลือล้มเหลวระหว่างการเลือกตั้ง ข้อผิดพลาดครั้งใหญ่จะถูกบัญญัติขึ้นในทันที

 

เป็นไปได้มากที่คณะกรรมการบริษัทหรือจางลี่เฉินจะยกเลิกสัญญาจ้างเขาด้วยค่าชดเชยเล็กน้อยเพื่อเอาใจผู้ที่ได้รับการชนะการเลือกตั้งในครั้งนั้น

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าชาร์ลีย์จะไม่มีทางให้หลบหนีต่อสถานการณ์ตรงหน้านี้ได้เลย จิตใจของเขาหมุนวนไปมาและรอยยิ้มที่น่ารื่นรมย์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าในขณะที่เขาเซ็นชื่อลงในจดหมายแต่งตั้งที่จางลี่เฉินได้ลงนามไว้แล้ว “นี่คือความรับผิดชอบของผมครับบอส เบี้ยตัวเล็ก ๆ ควรเป็นผู้ยื่นเรื่องดังกล่าวในขณะที่กษัตริย์จะยังคงซ่อนตัวอยู่ ไม่ต้องกังวลและโปรดวางใจได้ว่าผมจะทำอย่างเต็มที่เพื่อทำตามคำขอของคุณให้สำเร็จ”

 

จางลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าชาร์ลีจะคิดว่าจริง ๆ แล้วเขากำลังพยายามหลบหนีจากสำนักข่าวกรองของประเทศเพื่อเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมของเขาในการแสร้งทำที่จะย้ายไปข้างหน้าเพื่อซ่อนความตั้งใจที่จะล่าถอย ไม่เพียงเท่านั้นการรับรู้ของชาร์ลีที่มีต่อเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

“พูดอะไรน่ะชาร์ลี?” จางลี่เฉินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนมาเป็นจริงจังมากขึ้นในขณะที่เขาขมวดคิ้ว “ช่างมันเถอะ โปรดจำไว้ว่าหลังจากที่ฉันออกจากสหรัฐฯไปแล้วฉันจะไม่สามารถติดต่อคุณได้และคุณจะได้รับสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการดูแลบริษัท เว้นแต่จะมีบางอย่างที่สำคัญเป็นพิเศษให้ติดต่อที่มิสเตอร์ดอลบี้ในทันทีและไปที่สำนักงานของเขาโดยตรง พูดถึงชื่อของฉันและตำแหน่งของคุณ ถึงตอนนั้นฉันเชื่อว่าเขาจะให้คุณได้เข้าพบ แล้วไว้เจอกันใหม่ ชาร์ลี”

 

“ขอบคุณที่วางใจในตัวผมนะครับ! แล้วไว้เจอกันครับบอส!” ชาร์ลีโบกมือลาก่อนจะเดินออกจากสำนักงานไป