ตอนที่ 814 ชายอ้วนไร้ยางอาย ( จบ )

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 814 ชายอ้วนไร้ยางอาย ( จบ )

ฮองเฮาซั่งตกตะลึงขึ้นมาในทันใด

ดวงตาของนางจ้องเขม็งไปที่ชายอ้วนจนทำให้เขาตื่นตระหนกแล้วรีบร้อนเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “คือ…อากาศวันนี้มิเลวเลย”

“เจ้าหุบปากประเดี๋ยวนี้ ! ”

ชายอ้วนหุบปากอย่างรวดเร็ว มิต่างอันใดกับสามีที่กำลังเกรงกลัวภรรยาเลยสักนิด

ฮองเฮาซั่งกัดริมฝีปากแน่น จากนั้นก็เอ่ยอย่างขมขื่นว่า “หากในอดีตเจ้ามีความกล้าเยี่ยงนี้ เรื่องในวันนี้ก็คงมิเกิดขึ้น”

เมื่อชายอ้วนได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันเปล่งประกายขึ้นมาทันที เขาเอนกายไปเบื้องหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างมีความหวังว่า “บัดนี้ข้ามีความกล้าแล้ว ข้ายังมีโอกาสอยู่หรือไม่ ? ”

ฮองเฮาซั่งรู้สึกมิดีขึ้นมาทันใด “ ข้ามิใช่ตัวแทนของสวี่หยุนชิง ! บัดนี้ข้าคือฮองเฮาแห่งราชวงศ์หยู ! โปรดให้เกียรติข้าด้วย ! ”

“ข้าให้เกียรติเจ้าเสมอ ! ข้าย้ำกับเสี่ยวกวนอยู่บ่อย ๆ ว่าพ่อตาของเขามิดี แต่แม่ยายของเขาเป็นคนดี …เจ้ามิเชื่อเยี่ยงนั้นหรือ ? หากเจ้ามิเชื่อก็ลองถามเสี่ยวกวนเองเถิด ข้าสาบานได้ว่าข้าเอ่ยเยี่ยงนี้จริง ! ”

ชายอ้วนทำหน้าจริงจัง ฮองเฮาซั่งเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกว่าไขมันคงไหลเข้าสมองของเขาจนมากเกินไปเป็นแน่

“ข้ามิได้หมายความว่าเยี่ยงนั้น…”

“แล้วเจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? มิว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ข้าก็ให้เกียรติเจ้าเสมอ เจ้ามิให้ข้ากำจัดหยูไป๋ไป๋ ข้าก็จะมิยุ่งกับเขา นี่มิใช่การให้เกียรติเจ้าหรอกหรือ ? ”

ฮองเฮาซั่งรู้สึกว่าอยู่ที่นี่อีกต่อไปมิได้แล้ว นางต้องเริ่มเจรจาต่อรองให้แล้วเสร็จ และรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

“หยุดได้แล้ว พวกเรามาเข้าเรื่องเถิด เสี่ยวกวนมิได้เป็นอันใด และข้าอยากถามเจ้าว่าจะถอยทัพเมื่อใด ? ”

“เจ้า…” ชายอ้วนส่ายร่างบนเก้าอี้อย่างขัดเคือง “หยูไป๋ไป๋ต้องการสังหารเสี่ยวกวนทว่ามิสำเร็จ เขามิกล้ามาพบข้าเพราะกลัวว่าข้าจะใช้กระบี่ปลิดชีพเขา ให้ตายเถิด เจ้ามิสมควรมาเลยด้วยซ้ำ”

ชายอ้วนหยุดขยับร่างกาย ดวงตาเล็ก ๆ เปล่งประกายขึ้นมาทันใด “แต่ข้าก็ดีใจที่เป็นเจ้า เพราะถ้าเป็นหยูไป๋ไป๋ ข้าคงตัดศีรษะเขาไปตั้งแต่สองคำแรกแล้ว ส่วนเจ้า อ่า…ข้าอยากพบเจ้าจริง ๆ ”

“หุบปาก ! ”

ฮองเฮาซั่งรู้สึกอึดอัดต่อสถานการณ์นี้มากยิ่งนัก เหตุใดเขาถึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ ?

เมื่อก่อนเขามิได้เป็นแบบนี้นี่ !

ท่าทางของเขามิมีความเป็นจักรพรรดิอยู่ในตัวเลยสักนิด ทว่าเหมือนอันธพาลเสียมากกว่า !

เป็นไปตามคาด ฟู่ต้ากวนหุบปากอย่างเชื่อฟัง ทว่าดวงตาเล็ก ๆ ทั้งสองข้างยังคงทอประกายคล้ายกับคาดหวังในบางสิ่งอยู่

ฮองเฮาซั่งสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็พยายามข่มน้ำเสียงให้สงบ

“เสี่ยวกวนเคยเอ่ยว่าราชวงศ์หยูเป็นสถานที่ที่เขาถือกำเนิดและเติบใหญ่ขึ้น ฝ่าบาททรงทำผิดพลาดในเรื่องนี้จริง ทว่าเสี่ยวกวนก็ปลอดภัยแล้ว เจ้าสั่งถอนทัพได้หรือไม่ ? ”

“…”

“หากเจ้าอยากทำสงครามจริง ๆ ข้าคงห้ามมิได้ แต่สำหรับครอบครัวของเสี่ยวกวน แม้ข้าจะเป็นฮองเฮาแต่ก็มิสามารถรับรองได้ว่าฝ่าบาทจะกระทำการไร้เหตุผลต่อครอบครัวของเสี่ยวกวนหรือไม่…”

“ข้าทราบมาว่าโจวถงถงพาคนไปที่จินหลิง เจ้าคิดว่าเขาจะโยกย้ายผู้คนจำนวนมาก โดยที่ฝ่าบาทมิทราบได้เยี่ยงนั้นหรือ ?

สถานที่แห่งนั้นคือเมืองจินหลิง ! ศูนย์รวมพลังอำนาจของราชวงศ์หยู ! แม้ว่าพวกเขาจะออกจากจวนฟู่ได้อย่างปลอดภัย ทว่าก็ยังมีอีกหลายร้อยชีวิตในจวนเยี่ยนและจวนต่ง มีสมาชิกมากมายของทั้งสองจวนที่เป็นข้าราชการอยู่ในวังหลวง เจ้าสามารถละเลยชีวิตของพวกเขาได้เยี่ยงนั้นหรือ เจ้าเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของพวกเขาได้หรือเยี่ยงไรกัน ? ”

“…”

“เจ้าเงียบเนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ? เมื่อครู่เจ้ายังเอ่ยจ้อมิหยุดอยู่เลยนี่ ! ”

ชายอ้วนทำหน้าเศร้าสลดลงทันใด “ก็เจ้าบอกให้ข้าหุบปากมิใช่หรือ ? ”

ฮองเฮาซั่งรู้สึกเดือดดาลมากยิ่งนัก อยากฟาดชายอ้วนที่อยู่เบื้องหน้าให้ตาย

“เรื่องที่สมควรเอ่ยกลับมิเอ่ย แต่เรื่องที่มิสมควรเอ่ยกลับเอ่ยไม่หยุด”

ชายอ้วนหัวเราะร่า เผยสีหน้าสดใส ดวงตาเล็กหรี่จนเป็นเส้นโค้ง “มิได้พบกันนาน ดังนั้นพวกเรามิสมควรมาทะเลาะกันเยี่ยงนี้ เปลี่ยนมาเอ่ยเรื่องฉางเฟิงมิดีกว่าหรือ ? อ้อ ข้ายังมีสุราเลิศรสด้วยนะ มาดื่มด้วยกันสักหน่อยดีหรือไม่ ? ”

“อู๋ ! ต้า ! หลาง ! ”

“อ่า ? ”

แววตาของฮองเฮาซั่งอาบไปด้วยเพลิงโทสะทั้งสองข้าง “ข้าจะถามเจ้าอีกครา ว่าเจ้าจะถอนตัวหรือไม่ ? ”

อู๋ต้าหลางหัวเราะลั่น “ถอนตัว ถอนตัว ถอนตัว มิใช่แค่ถอนกำลังทหารหรอกหรือ เจ้าคงโกรธจนเอ่ยผิดเอ่ยถูก… ลองสงบจิตสงบใจลงแล้วมองทิวทัศน์ตรงนี้สิ แม้จะมิงดงามเท่าเมืองจินหลิง ทว่ามันก็มีดีในแบบของมันเอง…”

“หุบปาก ! ”

ฟู่ต้ากวนหุบปากและนั่งตัวตรง แสดงออกถึงความเรียบง่ายและตรงไปตรงมาบนใบหน้า

หน้าอกของฮองเฮาซั่งกระเพื่อมขึ้นลงเพราะอารามโกรธ ดวงตาของชายอ้วนมองขึ้นลงตามจังหวะ เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วเปิดปากหัวเราะอย่างแสนเสียดายว่า “ตอนนั้นข้าช่างโง่เขลาเสียจริง ! ”

“เจ้า…เจ้าหลับตาประเดี๋ยวนี้ ! ”

ฟู่ต้ากวนหลับตาแต่เปิดปากเอ่ยมิหยุด “รั่วซุ่ย…แท้จริงมันคือความเข้าใจผิดทั้งหมด ข้ารู้ว่าเจ้าไร้ความสุขตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้ามิชอบดอกไม้และมิชอบปลูกมันด้วย แต่เพราะความเหงาเจ้าจึงทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อฆ่าเวลา”

ทันใดนั้นน้ำเสียงของชายอ้วนก็พลันอ่อนโยนขึ้นมา เขาหลับตาเอ่ยช้า ๆ ให้ลอยเข้าหูของฮองเฮาซั่ง ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดฝุ่นผงในอดีตออกไป

“ในยามนั้นข้ามิได้เปิดใจ ข้าเอาแต่ฝึกวรยุทธ์ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเสี่ยวกวนจึงมิชื่นชอบการต่อสู้ ข้าถูกต้นไม้บดบังจนมองมิเห็นทัศนียภาพรอบกาย”

“รั่วซุ่ย แท้ที่จริงในตอนที่เจ้ามาเยือนเมืองหลินเจียง เมื่อรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่แปด ตัวข้าอยู่ที่จวนชินอ๋องในซ่างหลินโจว ข้าแอบวิ่งไปหาเจ้าในคืนหนึ่ง… เป็นช่วงเวลาที่เจ้ากำลังอาบน้ำพอดี”

ฮองเฮาซั่งหน้าแดงก่ำ แต่ครานี้นางมิได้โกรธแต่อย่างใด “อย่าเอ่ยถึงมันอีกเลย ปล่อยให้เรื่องในอดีตผ่านไปเถิด บัดนี้เจ้าก็มีนางสนมทั้งห้าที่ช่วยคลายทุกข์ให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ ? เอาเป็นว่าจงออกราชโองการถอนทัพเสีย ส่วนพรุ่งนี้ข้าต้องกลับแล้ว”

“เหตุใดถึงมิไปที่เมืองกวนหยุนด้วยกันเล่า ? ”

“ยังมิถึงเวลา ข้าจะไปเยี่ยมเยือนเมื่อเสี่ยวกวนขึ้นครองบัลลังก์”

ฟู่ต้ากวนลืมตาขึ้น จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “จะมิให้โอกาสข้าสักหน่อยหรือ ? ”

“อย่าได้คิดเหลวไหลเชียว ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นผู้ทำลายมันเองจำมิได้หรือ ? บัดนี้ข้าคือสตรีของหยูไป๋ไป๋ ดังนั้นอย่าได้คิดจะทำลายชื่อเสียงของข้า ! ”

“อ่า…” ชายอ้วนนั่งตัวตรง ใบหน้าที่เปี่ยมความหมายพลันมลายหายไป

เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาสนทนาเรื่องราชการกันเถิด หยูไป๋ไป๋เกือบทำให้เสี่ยวกวนตกตาย เขาต้องชดใช้ ! ”

ฮองเฮาซั่งตื่นตกใจขึ้นมาทันใด “เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่ เหตุใดถึงกลับคำเยี่ยงนี้ ? ”

“ข้ามิได้กลับคำ ! ข้าจะถอยทัพก็ต่อเมื่อเมืองชายแดนแห่งนี้และเมืองซินโจวทางเหนือของราชวงศ์หยูตกเป็นของราชวงศ์อู๋แล้วเท่านั้น มิเช่นนั้น…ข้าจะทำสงครามกับหยูไป๋ไป๋ ! ”

“เจ้ามิกลัวว่าเขาจะฆ่าล้างตระกูลฟู่หรือเยี่ยงไร ? ”

“ก็ให้เขากล้า ! เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถเชิญศิษย์พี่ใหญ่ไปสังหารหยูไป๋ไป๋ที่ราชวงศ์หยูได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียว”

“ฮึฮึ…” ชายอ้วนหัวเราะเย้ยหยัน “ข้าจะแย่งชิงเจ้ากลับสู่อ้อมอกแล้วสังหารหยูไป๋ไป๋เสีย ! ”

สีหน้าของฮองเฮาซั่งเปี่ยมไปด้วยโทสะ “เจ้าอ้วน เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ! ”

“ข้าเคยแสร้งทำตัวเป็นคนดี แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าการหน้าด้านมันดีกว่ามากโข ! ”