ตอนที่ 813 ชายอ้วนไร้ยางอาย ( 1 )

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 813 ชายอ้วนไร้ยางอาย ( 1 )

“เพราะเหตุใดกัน ? ”

เพราะไร้เหตุผลเยี่ยงไรเล่า

ดูเหมือนว่าสวี่หยุนชิงมิต้องการจะเอ่ยถึง “คิดเสียว่าเขาตายไปแล้วเถิด เยี่ยงไรเสียเขาก็มอบราชวงศ์อู๋ให้แก่เจ้า”

ชายอ้วนโบกมืออย่างรวดเร็ว “ข้าเพียงช่วยเสี่ยวกวนดูแลเท่านั้น ข้ายังต้องดูแลหลานชายอีก… อ้อ ! เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เรื่องดูแลหลานข้ายกให้เป็นหน้าที่เจ้าก็แล้วกัน เพราะข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ! ”

สวี่หยุนชิงหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าอู๋ฉางเฟิงจะโยนความทุกข์ให้อีกฝ่ายหนักหนาเสียเหลือเกิน “หากเอ่ยถึงเรื่องดูแลหลานก็เหมือนว่าเจ้าละเอียดอ่อนกว่าข้ามากนัก อารมณ์หุนหันพลันแล่นเยี่ยงข้ามิเหมาะหรอก”

ใบหน้าของชายอ้วนบังเกิดความละอายใจขึ้นมาทันใด ต่อหน้าสวี่หยุนชิงเขามิสามารถเอ่ยอันใดได้เลย…อายุปูนนี้แล้วยังมีนิสัยเช่นนี้อยู่อีก จะทำเยี่ยงไรได้เล่า ? สวี่หยุนชิงจ้องมองไปที่สวนต้นท้อที่อยู่ด้านนอก ดอกท้อหลุดร่วงลงจากต้นทั้งหมดแล้ว เหลือไว้เพียงผลท้อมากมายอยู่บนต้น ดูเหมือนนางกำลังคิดอันใดบางอย่างอยู่ ผ่านไปสักพักถึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “จี้หยุนกุยอยู่ที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“หลังจากที่เขาและหูฉินไปสำรวจสุสานจักรพรรดิเสร็จก็ได้จากไปในทันที ได้ยินมาว่าหนทางที่จะไปต่อคือราชวงศ์หยู… ข้าขอถามเจ้าสักหน่อยสิ ข้าได้ยินมาว่าหูฉินชอบข้ามิใช่หรือ ? เหตุใดนางถึงดูสนใจจี้หยุนกุยมากกว่าข้าเล่า ? ”

สวี่หยุนชิงเหลือบมองชายอ้วน เห็นใบหน้าที่อวบอ้วนนั้นขยิบตาให้นางหนึ่งครา

“ในตอนนั้นคุณชายจี้มาจากภูเขาหมิน ทั้งยังมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ สิ่งสำคัญคือเขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์และรูปงามยิ่ง ยามนั้นหูฉินยังอยู่ในวัยแรกแย้ม เมื่อได้พบกับจี้หยุนกุยก็ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง พวกนางช่างเหมาะสมกันมากยิ่งนัก จะว่าไปข้าก็ทำผิดต่อพวกเขาและหวังว่าหูฉินคงมิเข้าใจข้าผิด”

“ดังนั้น…หูฉินเป็นสตรีที่ไร้เสน่ห์เย้ายวนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“สมองของเจ้าคิดอันใดอยู่กัน ? การที่พวกนางสามารถอยู่เคียงกันได้อีกครา ถือเป็นวาสนาที่เคยสร้างมาด้วยกันเมื่อชาติปางก่อน เจ้าอย่าเอาเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับ… หากเจ้ามีความกล้าสักนิด ซั่งรั่วซุ่ยจะไปแต่งงานกับหยูไป๋ไป๋หรือเยี่ยงไรกัน ? ”

เมื่อฟู่ต้ากวนได้ยินดังนั้น จิตใจก็พลันบังเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง

เขานั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ ก้มหน้าลง ทำราวกับว่าตนเองมิได้รับความยุติธรรมในเรื่องนี้และยากที่จะควบคุมความคับข้องใจเอาไว้ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกคราจากนั้นก็เหลือบมองไปที่สวี่หยุนชิงแล้วพึมพำว่า “ในตอนนั้น…มิใช่เพราะเจ้าหรือเยี่ยงไร”

สวี่หยุนชิงโกรธขึ้นมาทันใด “หุบปากประเดี๋ยวนี้ ! เอ่ยราวกับข้าเหนี่ยวรั้งเจ้าไว้อย่างนั้นแหละ อย่าคิดมากเลยเพราะอีกสักครู่คนรักเก่าของเจ้าก็จะมาถึงแล้ว อย่าลืมทำตามที่เสี่ยวกวนเขียนไว้ในจดหมายด้วยเล่า…”

นางจ้องมองไปทางชายอ้วนเขม็ง แล้วเอ่ยว่า “จงจำเอาไว้ว่า ห้ามเปิดเผยเรื่องที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาดโดยเฉพาะซั่งรั่วซุ่ย เข้าใจหรือไม่ ? ”

ชายอ้วนขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ อืม เข้าใจแล้ว… เจ้าจะไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

สวี่หยุนชิงถอนหายใจยาว “จะอยู่เป็นก้างเนื่องด้วยเหตุอันใดกันเล่า ? ให้อยู่รอเจ้าเชิญข้าทานข้าวหรือเยี่ยงไร ? ข้ามิกล้าถ่วงเวลาที่เจ้าจะได้พบกับอดีตคนรักหรอกนะ ข้าไปล่ะ ลาก่อน ! ”

“เฮ้เฮ้เฮ้…เจ้าจะไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“…ไปเอนหลังในหลุมศพของข้า ! ” จากนั้นสวี่หยุนชิงก็ใช้วิชาตัวเบาเหินเวหากลับไปยังหลังภูเขา

“…”

จากนั้นซูฉางเซิงก็ได้ลุกขึ้นยืน “ศิษย์น้อง เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของนาง มิว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ศิษย์พี่มิอยู่ขัดขวางเจ้าแล้วเช่นกัน ขอตัวลา ! ”

“เฮ้เฮ้เฮ้ ท่านจะไปที่ใดอีกกัน ? ”

“ข้าเห็นว่าอากาศเริ่มร้อน จึงจะกลับไปพักร้อนที่กระท่อม”

……

……

เมฆขาวเคลื่อนคล้อย มองเห็นร่องรอยเซียนได้เลือนลาง

ชายอ้วนละสายตากลับมา จากนั้นก็หันศีรษะไปยังห้องที่อยู่ใกล้ลานนี้ เขาตะโกนว่า “เจ้าออกมาได้แล้ว หนานกงอี้หยู่ ! ”

เสียงประตูถูกเปิดออก จากนั้นหนานกงอี้หยู่ก็วิ่งออกมา “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมหูหนวกมิได้ยินสิ่งใดเลยพ่ะย่ะค่ะ… เหมือนว่าขบวนเสด็จของฮองเฮาซั่งจะมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่ต้ากวนเงยหน้าขึ้นพลางชำเลืองตามอง ไอหยา…หยูไป๋ไป๋เจ้าสารเลว เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้แต่เจ้ากลับให้สตรีเดินทางมาเจรจาแต่เพียงผู้เดียวเยี่ยงนั้นหรือ ?

จากนั้นเขาก็ขยับลงจากเก้าอี้ สวมรองเท้าผ้าสีฟ้าพลางเดินไปยังสวนท้อ

ส่วนฮองเฮาซั่งสวมชุดลำลองสีเขียวอ่อน เดินมาที่สวนท้อโดยไร้องครักษ์ มีเพียงนางกำนัลเท่านั้นที่ติดตามมาด้วย

พวกนางได้พบกันบริเวณกลางป่า สบตากันชั่วครู่ ชายอ้วนแตะไปที่จมูก ยกยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยว่า “เจ้า…ยังคงงดงามเหมือนแต่ก่อน มิเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด”

นัยน์ตาของฮองเฮาซั่งเป็นประกาย “เสี่ยวกวนมักจะเรียกเจ้าว่าบิดาอ้วน เมื่อได้ยินบ่อยครั้งเข้า ข้าจึงเผลอคิดไปว่าเจ้าจะอ้วนได้สักเท่าใดกัน คาดมิถึงว่าเจ้าจะอ้วนขึ้นมากเพียงนี้… ตอนนั้นข้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะมิขอพบเจ้าอีกชั่วชีวิตนี้ ทว่าโชคชะตาก็กำหนดให้ข้าต้องมาพบเจ้าอีกครา”

ชายอ้วนยิ้มเย้ยหยัน “รู้สึกมีความใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมหรือไม่ ? ”

“เหลวไหล… ! สู้มิพบกันเลยจะดีกว่า เหตุใดเจ้าจึงอ้วนได้ถึงเพียงนี้กัน ? ”

ชายอ้วนรู้สึกประหม่า “ข้ามิได้อยากอ้วนสักหน่อย…คือ พวกเรามาเพื่อเจรจามิใช่สนทนาเรื่องอ้วน เชิญ ! ”

ฮองเฮาซั่งจ้องมองชายอ้วน จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ความรู้สึกที่มิสามารถอธิบายออกมาได้ นางเดินเข้าไปในลานพร้อมกับฟู่ต้ากวน

หลังจากที่หนานกงอี้หยู่ชงชาเสร็จแล้ว ก็ได้ลุกขึ้นแล้วทำความเคารพ “กระหม่อมขอถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

“มิต้องมากพิธีหรอก หลานสาวของท่านช่วยชีวิตบุตรีของข้าเอาไว้ จะว่าไปแล้วก็เป็นข้าที่ต้องขอบคุณท่านเสียมากกว่า”

“มิได้ มิได้…” หนานกงอี้หยู่ยกยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยว่า “พวกนางล้วนเป็นฮูหยินขององค์ชาย องค์หญิงเก้าออกเรือนก่อนจึงสมควรเป็นพี่ ส่วนนางในฐานะน้องสาวก็สมควรทำเช่นนี้ เชิญพระองค์นั่งลงก่อนเถิด”

ฮองเฮาซั่งนั่งลง ตามมาด้วยชายอ้วนที่กำลังจะนั่งลงข้าง ๆ นาง…

“ฝั่งโน้น… ! ”

ก่อนที่บั้นท้ายของชายอ้วนจะสัมผัสเข้ากับเก้าอี้ก็เกิดชะงักงันขึ้นมาทันพลัน จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา แล้วเปลี่ยนไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับฮองเฮาซั่งแทน

สีหน้าของฮองเฮาซั่งค่อย ๆ แดงเรื่อ พลางจ้องมองชายอ้วนด้วยสายตาตำหนิ…

“แค่กแค่ก…” หนางกงอี้หยู่กระแอมไอสองคราติด จากนั้นก็ตบไปที่หน้าผากของตน “กระหม่อมอายุปูนนี้แล้วจึงลืมง่าย เชิญทั้งสองพระองค์สนทนากันเถิด ส่วนกระหม่อมเพิ่งนึกได้ว่ามีเอกสารราชการต้องจัดการ ขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

เอ่ยจบก็รีบเดินไปที่ห้องด้านข้างลาน แล้วปิดประตูทันที

หนางกงอี้หยู่ตบหน้าอกตนเองเบา ๆ ยืนพิงหลังกับประตูห้อง จากนั้นก็ส่ายศีรษะไปมาแล้วพึมพำว่า “เรื่องบางเรื่องสู้มิรู้เสียยังจะดีกว่า มิแปลกใจเลยที่ตาเฒ่าจัวอี้สิงยืนยันว่าจะมิติดตามมาด้วย ดูเหมือนว่าสายน้ำจะไหลเชี่ยวพอตัว ! ”

เมื่อหนานกงอี้หยู่จากไปแล้ว ในลานอันเงียบสงบนี้จึงเหลือเพียงชายอ้วนและฮองเฮาซั่ง

ชายอ้วนมองบานประตูที่ปิดสนิทด้วยความขมขื่น จากนั้นก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมารินชาสองถ้วย “นี่คือเกาซานหยุนวู่ เมื่อก่อนเจ้าชอบดื่มชานี้มากนี่ ลองชิมดูสักหน่อยเถิด”

“บัดนี้ข้ามิชอบดื่มมันแล้ว”

“…เอ่อ แล้วบัดนี้เจ้าชอบดื่มชาชนิดใดเล่า ? ”

ฮองเฮาซั่งเบนสายตามามองชายอ้วน “เมื่อก่อนข้าให้เจ้านั่งด้านข้าง เจ้ากลับมิกล้า คอยแต่จะเดินตามหลังสวี่หยุนชิงอยู่ตลอดเวลา ! ข้าบอกว่าปวดท้องจึงเรียกให้เจ้าไปเอาน้ำร้อนมาให้ แต่เจ้าก็มิสนใจ แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหงซิ่วจาวเพื่อต้มเกาซานหยุนวู่ให้สวี่หยุนชิง…”

“อู๋ต้าหลาง ข้าสมรสกับหยูไป๋ไป๋เนิ่นนานแล้ว แน่นอนว่าข้าสุขสบายดี ตอนนี้เจ้ามาเอาใจใส่ข้าเพื่ออันใดกัน ? ”

ชายอ้วนเหมือนเด็กทำความผิด เขาก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย “หากเจ้าอยากคืนดีกับข้า…” เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเยือกเย็น “ข้าจะสังหารหยูไป๋ไป๋ดีหรือไม่ ? ”