ตอนที่ 725: เมืองแห่งเทพเจ้า
เจี้ยนเฉินประหลาดใจเล็กน้อย เขาถามด้วยเสียงเบา “ท่านลุงเซี่ย มันมีเบื้องหลังอื่นอยู่อีกใช่ไหม?”
ลุงเซี่ยพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว เหมือนที่เจ้าพูดนั้นแหละ มันมีเบื้องหลังที่น้อยคนนักที่จะรู้” เขาดื่มสุราจนหมดจอกอย่างช้า ๆ และพูด “ถ้าเจ้าต้องการโอกาสที่จะบรรลุไปถึงระดับ 7 เจ้าต้องเป็นสมาชิกหลักของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหรือเป็นคนของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ 3 ตระกูลของจักรวรรดิ มันเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะได้รับโอกาสนั้น อีกทั้งสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูลจะต้องไม่ยอมให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับสูงจากไปแน่ พวกเขาจะบีบบังคับหรือติดสินบนพวกนั้นเพื่อให้มาร่วมในกองกำลังของพวกเขา ดังนั้นในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่ทั่วทั้งทวีปเทียนหยวน เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทั้งหมดต้องอยู่ในสมาคมหรือในตระกูลใหญ่ทั้งสาม มีน้อยคนนักที่ไม่ได้ผูกติดอยู่กับสมาคมหรือตระกูลใหญ่ทั้งสาม แต่พวกเขาก็ต้องมีองค์กรที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับตระกูลโบราณหนุนหลังเพื่อที่จะรักษาอิสรภาพของพวกเขาไว้”
ลุงเซี่ยมองไปที่เจี้ยนเฉิน “เจ้าอาจจะเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง แต่ตำแหน่งนี้ไม่สามารถที่จะปกป้องเจ้าได้ นี้เพราะว่าอาณาจักรฉินหวงนั้นเป็นเพียงแค่อาณาจักรสาขาของสามตระกูลใหญ่เท่านั้น เมื่อเจ้าเปิดเผยตัวตนแล้ว มันจะทำให้เจ้าเคลื่อนไหวได้ยากขึ้นมาก อีกทั้งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะเป็นนักสู้ไม่ได้ แต่เจ้าไม่เพียงแต่จะเป็นเซียนผู้คุมกฎเท่านั้น จ้ายังจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอีกด้วย บางอย่างที่แปลกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นที่ทวีปเทียนหยวน ไม่เคยเลยตั้งแต่อดีตกาล เมื่อความลับที่เจ้าเป็นทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงถูกค้นพบโดยสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง มันจะส่งผลกระทบกับเจ้าแน่นอน เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ที่เจ้าจะต้องเผชิญ ข้าก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเจ้าไม่เปิดเผยความลับนั้นจนกว่าเจ้าจะมีพลังพอที่จะต่อกรกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้”
เจี้ยนเฉินเงียบไป สิ่งที่ท่านลุงเซี่ยพูดนั้นทำลายแผนการของเขาไปทั้งหมด ด้วยสิ่งที่รู้มา ไม่เพียงแต่เขาจะต้องปกปิดตัวตนของเขาซึ่งเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิเป็นความลับเท่านั้น เขายังต้องพยายามปกปิดมันให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้ามีคนรู้ว่าเขาเป็นทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงด้วยละก็ มันคงจะสร้างปัญหาให้เขาอย่างมาก
จากเรื่องที่ว่าเขาคือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้น เจี้ยนเฉินก็ได้รู้แล้วว่าการเปิดเผยมันนั้นจะมีผลกระทบบางอย่างแน่นอน เขามั่นใจว่าความแข็งแกร่งของเขาในฐานะเซียนผู้คุมกฎและตำแหน่งที่สำคัญที่เป็นถึงผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ความยากลำบากเพียงเล็กน้อยนี้จะไม่ได้เป็นปัญหาใด ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสถานการณ์นั้นจะรุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้ตอนแรกมาก มันเหนือกว่าความคาดหมายของเขา
ลุงเซี่ยพูดต่อ “นอกเหนือจากนั้น มันมีความลับสุดยอดของสมาคมอยู่ ความลับนี้มีผลต่อเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ทุกคน เหตุผลหลักที่ข้ามาที่นี่เพื่อมาหาเจ้าก็เพราะสิ่งนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็เก็บความกังวลไว้ในจิตใจ เขาจ้องตาของม่านลุงเซี่ยและรอว่าเขากำลังที่จะพูดอะไรต่อไป
ท่าทีของลุงเซี่ยเคร่งครึมขึ้น ซึ่งค่อนข้างเห็นได้ยาก “เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้ายังไม่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 การที่จะเข้าร่วมสมาคมนั้น เขาอาจจะควบคุมเจ้าเล็กน้อย แต่การควบคุมจะไม่มากขนาดนั้น สิ่งที่สำคัญคือถ้าเจ้าเป็นถึงระดับ 7 การกระทำทุกอย่างของเจ้าจะถูกควบคุมโดยสมาคมและบังคับให้เข้าสู่แผนงานลับ ไม่แค่เจ้าจะเสียอิสรภาพเท่านั้น เจ้าอาจจะถึงขั้นต้องเสียชีวิต”
หัวใจของเจี้ยนเฉินหยุดเต้น เขาไม่คิดว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะมีด้านที่มืดมิดแบบนี้
“ท่านลุงเซี่ย อะไรคือแผนงานลับที่ว่านั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินไม่สามารถหยุดความอยากรู้อยากเห็นในใจของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงถามออกมา
ลุงเซี่ยหยุดสักครู่ก่อที่จะพูดต่อ “ความลับที่จะก้าวข้ามระดับ 7 และไปให้ถึงระดับ 8”
เจี้ยนเฉินมึนไปเล็กน้อย “ท่านลุงเซี่ย มันมีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 ด้วยหรือในทวีปนี้ ? “
“เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 เป็นการมีอยู่ที่ต้องห้ามของสวรรค์ ทำไมมันถึงจะมีได้ง่าย ๆ ล่ะถ้างั้น ? ” ลุงเซี่ยเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่เพดานของโรงเตี้ยม สายตาของเขาเหมือนสามารถที่จะมองผ่านสิ่งกีดขวางได้หลายหลายอย่างและมองไปบนดวงดาวที่ห่างไกลออกไป “มันนานมากมากแล้วที่ไม่เคยมีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 มาปรากฏตัว ในความเข้าใจของข้าจากบันทึกโบราณนั้น เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 เคยปรากฏตัวขึ้นมาครั้งหนึ่งในโบราณกาล และมีเพียงครั้งนั้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีอีกเลย เพราะว่ามันเป็นการมีอยู่ที่ต้องห้ามของสวรรค์มากเกินไป”
“การมีอยู่ที่ต้องห้ามของสวรรค์ ? ลุงเซี่ย เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 นั้นมีความสามารถที่เยี่ยมขนาดนั้นเชียวหรือ ? ” ความอยากรู้ประทุขึ้นในใจของเจี้ยนเฉิน เขาเองก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ดังนั้นเขาจึงสงสัยมากว่าความสามารถอะไรที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมี
“เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 นั้นครอบครองความสามารถต้องห้ามของสวรรค์ ความสามารถนี้เยี่ยมมากจนเรียกว่าน่ากลัวทีเดียว พวกเขาสามารถปลุกวิญญาณที่ตกค้างที่อยู่ภายในยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎได้และชุบชีวิตเซียนผู้คุมกฎจากยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎที่เขาทิ้งไว้เมื่อเขาตายไป”
ร่างกายของเจี้ยนเฉินกระตุกโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจ้องมองลุงเซี่ยด้วยความเหลือเชื่อและคลื่นแห่งความประหลาดใจก็กระหน่ำขึ้นภายในจิตใจของเขา
“ทะ ท่านลุงเซี่ย มะ มันคือเรื่องจริงหรือ ? พวกเขาสามารถที่จะใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเพื่อชุบชีวิตเจ้าของมันได้จริงหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถามเสียงสั่น
“ถ้าถามว่าจริงหรือไม่ อันนี้ข้าก็ไม่รู้ มันเป็นแค่เรื่องข่าวลือที่ข้าอ่านมาจากบันทึกโบราณบางอัน เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับตระกูลขนาดใหญ่ในทวีปเทียนหยวนโดยปกติแล้ว ตระกูลโบราณทุกตระกูลรู้เรื่องนี้และแม้แต่ตระกูลสันโดษบางตระกูลก็รู้เรื่องนี้ด้วย” ท่านลุงเซี่ยพูด
ใจของเจี้ยนเฉินเริ่มเต้นเร็ว ก่อนหน้านี้เขารู้เรื่องนี้มาจากตู่กูเฟิงและหวงหลวนระหว่างการรวบรวมทหารรับจ้าง แต่เขาคิดว่ามันเป็นข่าวลือมั่ว ๆ ในตอนนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจมัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้ยินข้อมูลเดียวกันนั้นจากท่านลุงเซี่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อมัน
แม้ว่าทุก ๆ อย่างจะดูเหลือเชื่อไปหมดและทำให้เจี้ยนเฉินเกิดความไม่เชื่อ แต่ความปรารถนาอย่างมากก็เกิดขึ้นในใจของเจี้ยนเฉิน ความปรารถนาที่อยากจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8
“เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 นั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้ามจากสวรรค์ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าข้าจะถึงระดับนั้นได้หรือไม่ในชั่วชีวิตของข้า” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง
“ท่านลุงเซี่ย มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 คนไหนหรือไม่ที่ไม่ต้องการที่จะทำมัน ? ” เจี้ยนเฉินถาม
“เจ้าไม่รู้หรอกว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 นั้นบ้าคลั่งแค่ไหนในการที่จะไปถึงระดับ 8 พวกเขายอมแลกแม้กระทั่งชีวิต แม้ว่าจะมีแค่สองสามคนที่ไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการค้นคว้าในอดีต แต่พวกเขาก็สูญเสียอิสรภาพแล้วเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในสมาคม แม้แต่พวกเขาพยายามที่จะหนี พวกเขาก็จะถูกจับมาอีกครั้งด้วยผู้ยอดยุทธจากตระกูลทั้งสาม” ลุงเซี่ยพูด
เจี้ยนเฉินบูดบึ้ง ข้อมูลที่ลุงเซี่ยบอกเขานั้นทำให้เขาต้องโยนเรื่องเกี่ยวกับสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เขาเคยคิดทิ้งไปเลย
ทันใดนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็คิดบางอย่างออก เขาถาม “ท่านลุงเซี่ย จะมีใครจำเสือขาวได้หรือไม่ ? “
ลุงเซี่ยมองไปที่เสือขาวที่กำลังหลับอยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉิน “ในทวีปเทียนหยวนนั้น มีน้อยกว่าสิบคนที่จดจำพยัคฆ์ปีกเทวะได้ และไม่มีคนเหล่านั้นอยู่ในสามจักรวรรดิใหญ่ ดังนั้น เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าจะต้องไม่เปิดเผยตัวของพยัคฆ์ปีกเทวะให้ใครเห็นก่อนที่มันจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 สัตว์อสูรระดับ 7 สามารถรู้สึกการยับยั้งได้จากสายเลือดของเทพเจ้าสัตว์ในพยัคฆ์ปีกเทวะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ภาระที่หนักอึ้งในใจของเจี้ยนเฉินก็เหมือนจะพังทลายลง เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นตอนนี้
“เจี้ยนเฉิน ข้าบอกสิ่งที่เจ้าจำเป็นจะต้องรู้ไปหมดแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตัดสินใจเลือกทางที่ฉลาด ไปเถอะ ! ” ด้วยคำพูดนั้น ลุงเซี่ยก็หายไปอย่างไร้เสียงใด และในเวลาเดียวกันนั้น ม่านพลังใสที่อยู่รอบโต๊ะก็ได้หายไปด้วย
ทันทีที่ม่านพลังนั้นหายไป เจี้ยนเฉินก็ได้ยินเสียงดังหึ่ง ๆ ของโรงเตี้ยม อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่นั้นไม่รู้เรื่องเลยว่าชายชราที่นั่งอยู่ข้างหน้าเจี้ยนเฉินได้หายไป ความจริงแล้ว พวกเขาไม่แม้แต่จะสนใจว่าพวกเขานั่งด้วยกันเมื่อไรเหมือนกับมันเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
เจี้ยนเฉินลุกขึ้นอย่างช้า ๆ สิ่งที่ท่านลุงเซี่ยบอกนั้นทำลายแผนเดิมของเขาอย่างหมดสิ้น ในตอนนี้ เขาได้คิดแผนใหม่ที่จะได้รับโอกาสที่จะไปถึงระดับ 7
เจี้ยนเฉินไม่อยากกินอาหารแล้ว เขายืนขึ้นจากเก้าอี้ หันหลังแล้วออกจากร้านอาหารไป เขาขี่สัตว์อสูรระดับ 4 แล้วออกจากสถานที่นั้นไป
หลังจากที่เจี้ยนเฉินออกไป คนที่เดินผ่านที่ซึ่งเจี้ยนเฉินและท่านลุงเซี่ยเคยนั่งอยู่ที่ร้านอาหาร ก็เห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารที่ราคาแพง ชายคนนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย เขาคิดอย่างหนัก และท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาร้องออกมาเสียงดัง “ข้าจำได้แล้ว ไอ้เฒ่านั้น มันไปที่ไหน ! ? มันไม่ได้จ่ายเงิน ! ” คนคนนั้นวิ่งออกมาข้างนอกและมองไปยังถนนที่คึกคัก เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจไปที่บนฟ้าในขณะที่เขาบ่นออกมา “บ้าเอ้ย นั้นมันเงินเดือนของข้าทั้งเดือนเลยนะ”
เจี้ยนเฉินพบโรงเตี้ยมในเมืองชั้นแรกและวางแผนใหม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะทำหลังจากวันนี้ สามวันถัดมา เจี้ยนเฉินก็ออกจากเมืองไป และบินไปที่หนึ่งของเมืองหลวงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ เมืองแห่งเทพเจ้า นั้นเพราะว่าสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอยู่ที่นั่น
สองวันต่อมา ระหว่างทางไปสู่เมืองแห่งเทพเจ้า รถม้าที่หรูหราก็วิ่งผ่านมาบนทางนั้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้เกิดฝุ่นกลุ่มใหญ่รอบ ๆ รถม้า มีทหารรับจ้างประมาณ 50 คนกำลังคุ้มครองรถม้านี้อยู่
“ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ เหลืออีกแค่ 30 กิโลเมตรเท่านั้นก่อนที่เราจะถึงหนึ่งในสามเมืองหลวง เมืองแห่งเทพเจ้า” ในตอนนี้ คนขับรถม้าได้ยื่นหัวเข้าไปในรถม้าและรายงาน
จู่ ๆ ประตูที่ปิดอยู่อย่างแน่นหนาของรถม้าก็เปิดออก ซึ่งเผยให้เห็นคนหนุ่มที่ดูเหมือนจะอายุราวยี่สิบเศษในชุดคลุมยาวสีขาวที่หรูหรา ชายหนุ่มผู้นี้รูปงามและท่าทีธรรมดา และสายตาที่ไร้ความรู้สึกของเขาดูน่าหลงไหลอย่างมีเอกลักษณ์เหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ชายหนุ่มจ้องมองไปที่กำแพงของเมืองใหญ่ซึ่งสามารถเห็นได้ลาง ๆ จากที่ไกล ๆ และเผยให้เห็นถึงสายตาที่น่าสงสัยของเขา
“ฮืมมมม” ในตอนนี้ เสียงร้องนุ่มนวลของสัตว์ก็ดังออกมาจากรถม้า มันคือลูกเสือสีขาวราวหิมะขนาดเท่าแมวกำลังนอนแผ่อยู่บนหัวของคนหนุ่มนี้แล้วยืนขึ้นมองไปที่กำแพงที่ไกลออกไป สายตาแห่งความสงสัยก็ถูกเห็นได้ในแววตาที่สดใสของมัน