ตอนที่ 726: ตราเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง
ชายหนุ่มผู้นั้นคือเจี้ยนเฉิน การมาถึงของลุงเซี่ยนั้นทำให้แผนเดิมของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป ตอนนี้ เขาได้ละทิ้งตัวตนของเขาในฐานะนักสู้ออกไปและพร้อมที่จะไปที่เมืองแห่งเทพเจ้าเพื่อเข้าร่วมกับสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เพื่อจะได้กลายเป็นสมาชิกหลัก
โชคดีที่นักสู้ซึ่งเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในทวีปเทียนหยวน นี่เป็นเกราะป้องกันที่ดีให้กับเจี้ยนเฉินได้
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจเสือขาวตัวเล็กที่เกาะอยู่บนหัวของเขา เขาจ้องมองไปที่กำแพงเมืองราง ๆ ในที่ไกล ๆด้วยความสงสัยและพึมพำกับตัวเอง “นั่นคือหนึ่งในเจ็ดของเมืองหลวงของทวีปเทียนหยวนอย่างนั้นหรือ ? มันใหญ่มากจริง ๆ และจากกำแพงเมืองที่คดเคี้ยวนั้น ข้าสามารถรู้สึกได้เลยว่ามันคงอยู่มาตั้งแต่โบราณกาล มันใหญ่มากจนทำให้ข้ารู้สึกกดดัน”
“ฮาฮ่า ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ นี่ต้องเป็นครั้งแรกที่ท่านมาเมืองแห่งเทพเจ้าแน่ ท่านไม่ค่อยรู้เรื่องของเมืองนี้เหมือนกับพวกเรา เขาบอกว่านี้คือหนึ่งในเจ็ดเมืองหลวงของทวีปตั้งแต่ครั้งโบราณกาล และถูกทำให้เกิดขึ้นมาโดยเซียนจักรพรรดิที่ทรงพลัง เมืองนี้ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งอย่างเดียวเท่านั้นแต่ถูกปกป้องอยู่จากพลังที่ลึกลับ พลังป้องกันของมันนั้นเหนือจินตนาการ เขาว่ากันว่าในทวีปตอนนี้ ไม่มีใครสามารถทำลายการป้องกันของเมืองหลวงไปได้ เมื่อม่านพลังป้องกันของเมืองทำงาน แม้แต่เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ไม่สามารถเข้ามาได้” ทหารรับจ้างที่อยู่ถัดไปจากคนขับรถม้าที่กำลังขี่อยู่บนสัตว์อสูรพูด เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรม ๆ ดูเหมือนเขาจะเป็นชายที่ซื่อสัตย์และยังเป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างเล็ก ๆ กลุ่มนี้อีกด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นแค่เซียนปฐพี เขาก็เป็นคนท้องถิ่นที่เกิดและถูกเลี้ยงมาที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงมีความรู้เกี่ยวกับเมืองแห่งเทพเจ้านี้ดี
“ท่านหัวหน้าฮู่หยุน ท่านกำลังจะบอกว่าเมืองหลวงทั้งเจ็ดของทวีปนี้นี้ถูกทำให้เกิดขึ้นมาจากจอมยุทธที่เยี่ยมยอดจากครั้งโบราณกาลงั้นหรือ ? ” ความสนใจของเจี้ยนเฉินถูกกระตุ้นขึ้นขณะที่เขาถามไปที่ชายวัยกลางคน ลึก ๆ ในสายตาของเขา มันมีแววแห่งความไม่เชื่ออยู่
หัวหน้าฮู่หยุนหัวเราะคิกคักแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ข่าวลือนี้ไม่ใช่ความลับอะไรของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา มันชัดเจนว่าเมืองหลวงทั้งเจ็ดของทวีปเทียนหยวนนั้นถึงดึงขึ้นมาจากพื้นดิน ในอีกความหมายก็คือ งอกขึ้นมาจากพื้นดินนั้นแหละ ทั้งหมดนี้โดยเซียนจักรพรรดิหลายคนด้วยวิธีการพิเศษ แม้ว่ามันจะนานมากแล้ว แต่เมืองหลวงทั้งเจ็ดก็ยังคงมีพลังงานที่ทรงพลังอยู่ กำแพงที่มีวัสดุเสริมพลังนี้โดยพื้นฐานแล้วไม่สามารถทำลายได้”
เจี้ยนเฉินสูดหายใจค้างอยู่อย่างนั้น เขาจ้องไปที่ป้อมที่ยิ่งใหญ่ของเมืองเมื่อเขาเข้าใกล้เมืองมากขึ้นและมันทำให้ยากที่จะเข้าใจว่าจะมีทักษะอะไรที่ทรงพลังถึงขนาดที่จะดึงกำแพงนี้ขึ้นมาจากพื้นดินได้
ในการเดินทางต่อที่เหลือ ไม่มีใครพูดอะไร เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ในรถม้าที่หรูหราและมุ่งหน้าเข้าไปที่เมืองแห่งเทพเจ้าอย่างช้า ๆ พร้อมกับกลุ่มทหารรับจ้าง
กำแพงของเมืองสูงกว่าร้อยเมตร มันเป็นสีขาวเหมือนหิมะและสะท้อนเหมือนกระจกที่ไม่มีรอยแตกร้าวใด ๆ เลย เมืองทั้งเมืองดูเหมือนว่าถูกแกะสลักมาจากหินซึ่งโลกเป็นผู้ทำมัน กำแพงสีขาวหิมะนั้นแท้จริงแล้วมันได้สะท้อนกับแสงแดดทำให้เกิดแสงสีขาวพร่ามัว มันได้เติมเต็มให้พื้นที่นี้ดูศักดิ์สิทธิ์
มีประตูทางเข้าเมืองที่มีคนพลุกพล่านอยู่ทั้งหมด 16 ประตู ทหารรับจ้างและพ่อค้านับไม่ถ้วนกำลังเดินเข้าออกจากเมืองในขณะที่รอบ ๆ ประตูมีทหารจำนวนมากยืนอยู่ในชุดเกราะสีเงินจาง ๆ พวกเขาจ้องอย่างเย็นชาไปที่ผู้คนที่ผ่านไปมา ทุก ๆ กลุ่มที่ผ่านเข้ามาจะต้องจ่ายเหรียญทองแวววาว 1 เหรียญเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการเข้าเมือง นี้เป็นหนึ่งในวิธีหารายได้ของสามตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเจี้ยนเฉินได้ผ่านประตูเมืองเข้ามา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคร่งเครียด นี้เป็นเพราะว่าเขาสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงพลังที่มากมายและบริสุทธ์ที่ซ่อนอยู่ในกำแพงเมือง นี้เป็นครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนว่าตัวเขานั้นช่างเล็กน้อยเพียงใดเหมือนกับเรือพายเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ อีกทั้งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่นี้ได้กดดันวิญญาณภายในของเจี้ยนเฉินไว้ ซึ่งมันทำให้เหมือนกับว่าเขากำลังต่อสู้อยู่กับพลังที่มองไม่เห็น
“นี่คือพลังของเซียนจักรพรรดิงั้นหรือ ? เหมือนว่าข่าวลือที่เล่ากันมาจะเป็นจริง เมืองหลวงทั้งเจ็ดของทวีปนั้นถูกดึงขึ้นมาจากพื้นดินจริง ๆ ด้วยเซียนจักรพรรดิในอดีต” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง
เขาเข้ามาในเมืองแห่งเทพเจ้าโดยไม่ได้ติดขัดอะไร ก่อนที่จะเดินทางต่อไปอีก 50 กิโลเมตร ตอนนี้เจี้ยนเฉินออกจากรถม้าและไม่ลืมที่จะโยนถุงที่เต็มไปด้วยเหรียญม่วงให้กับหัวหน้าฮู่หยุน เขาเดินทางต่อไปหลังจากนั้น
ฮู่หยุนมองไปที่ถุงที่เต็มไปด้วยเหรียญม่วงแวววาวและตกตะลึงขึ้นมาทันที เขาร้องออกมา “ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ มันไม่ได้มากขนาดนี้นะ ท่านจ่ายเรามาเกิน”
“หัวหน้าฮู่หยุน พี่น้องของท่านเหนื่อยมามากแล้วกับการเดินทางในครั้งนี้ เอาเงินส่วนที่เกินเป็นสินน้ำใจให้กับพวกเขาเถอะ” เสียงของเจี้ยนเฉินลอยมาจากข้างหน้า เขาเดินต่อไปโดยไม่หันหลังกลับมาและหายไปอย่างรวดเร็วบนถนนที่พลุกพล่าน
ถนนในเมืองแห่งเทพเจ้านั้นกว้างขวาง สามารถที่จะจอดรถม้าได้หลายสิบคันจากอีกด้านไปถึงอีกด้าน เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆในขณะที่เขาเดินอยู่ที่ถนนและสลับไปมองบนท้องฟ้าบ้างเป็นครั้งคราว ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในเมืองแห่งเทพเจ้า เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งธรรมชาติที่หนาแน่นมากกว่าข้างนอกหลายเท่า ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางของเมืองมากเท่าไหร พลังก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นมากเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นพลังเซียนธาตุแสงในบริเวณรอบ ๆ เขาก็ยังมากกว่าข้างนอกหลายเท่าอีกด้วย ถ้าเขาต้องการที่จะใช้พลังเซียนธาตุแสง เจียนฉินเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานเท่าไหรนักในการไปถึงขีดจำกัดในการรวบรวมพลัง มันช่วยเขาประหยัดเวลาได้มากในการรวบรวมพลัง
นอกเหนือจากนั้น ยังมีผู้คนที่มีพลังมากมายในเมืองแห่งเทพเจ้า คนที่เดินเท้าและทหารรับจ้างที่เดินอยู่บนถนนส่วนใหญ่เป็นเซียนปฐพีและแม้แต่เซียนสวรรค์ก็ถือเป็นเรื่องปกติ มันยากมากที่จะพบเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงข้างนอกเมือง แต่มันกลับดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติที่จะพบเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในทุก ๆ ที่ที่นี่
ไม่แม้แต่เมืองแห่งเทพเจ้าที่เป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองหลวงของทวีปจะเป็นที่ซึ่งเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะมารวมตัวกัน แต่ผู้คนที่แข็งแกร่งจำนวนมากก็ยังมีมากมายที่นี่
อย่างไรก็ตาม เรื่องหนึ่งที่พุ่งเข้ามาในความสนใจของเจี้ยนเฉินก็คือ เขาเห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลายคนบนถนน ทุก ๆ คนนั้นมีตราที่มีหลากหลายสี บ้างก็สีน้ำตาล สีส้ม สีเหลือง สีเขียว และสีอื่น ๆ
ในตอนนั้นเอง เสือตัวเล็กก็ได้ตื่นขึ้นมา มันยืนอยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉินและพิงไปที่หัวของเขา มันชูหัวขึ้นมาและมองไปทั่วด้วยดวงตาคู่ใหญ่ที่สดใสของมันที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุก ๆ สิ่งล้วนดูแปลกใหม่สำหรับมัน
ในตอนนี้เอง เสียงควบม้าหลายตัวลอยมาแต่ไกลไกล ผู้คนหลายสิบคนที่ขี่สัตว์อสูรอยู่ได้มุ่งหน้ามาทางเจี้ยนเฉิน ผู้นำของกลุ่มเป็นชายและหญิงอายุประมาณยี่สิบกว่ากว่า ผู้ชายใส่เสื้อสีฟ้าดูสูงและแข็งแรงกำยำ ส่วนผู้หญิงนั้นใส่เสื้อสีขาวและดูค่อนข้างมีเสน่ห์ ผิวของนางดูเหมือนจะนุ่มเหมือนไขมันของแกะและนางค่อนข้างน่ารักที่เดียว นางมองไปที่พ่อค้าและทหารรับจ้างสองข้างทางด้วยสายตาเหยียดหยามเล็กน้อยในขณะที่นางแสดงท่าทางที่เย่อหยิ่งออกมา
“หืมม ? ” เมื่อหญิงคนนั้นกวาดสายตาอย่างไม่ตั้งใจมาที่เจี้ยนเฉิน นายก็เห็นเสือตัวน้อยบนไหล่ของเจี้ยนเฉินทันที สายตาที่สดใสและบริสุทธิ์ของเสือนั้นติดแน่นฝังลึกไปข้างใจของหญิงสาวทันที
“ช่างเป็นสัตว์ตัวน้อยที่น่ารักอะไรเช่นนี้ ! ” หญิงคนนั้นร้องออกมาเสียงดัง นางมองไปที่เสือด้วยความสนใจ นางไม่สามารถปิดบังใบหน้าที่รักใคร่ในตัวเสือได้
ชายหนุ่มที่อยู่ถัดไปจากนางก็เห็นเสือตัวเล็กนั้นด้วย เขาให้ไปทางหญิงสาวแล้วยิ้ม “ถ้าน้องชอบมันล่ะก็ พี่ชายคนนี้จะซื้อมันให้เจ้าเป็นของขวัญเอง” ด้วยเหตุนั้น ชายหนุ่มจึงขี่สัตว์อสูรของเขาไปขวางทางเดินของเจี้ยนเฉินไว้ เขาตรวจดูก็รู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่สมาชิกของตระกูลใหญ่ในเมืองแห่งเทพเจ้านี้ เขาผ่อนคลายลงแล้วพูด “พี่ชาย น้องสาวของข้าสนใจสัตว์เลี้ยงของเจ้า บอกราคามาซิ ข้าจะซื้อมัน” แม้ว่าชายหนุ่มนี้จะยิ้ม แต่น้ำเสียงของเขาช่างเย็นชา เขาพูดกับเจี้ยนเฉินคล้ายคล้ายกับเป็นการออกคำสั่ง
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ได้มองแม้แต่หน้าของชายหนุ่มแล้วพูดอย่างเยือกเย็น “ไม่ได้มีไว้ขาย ! ” แล้วเขาก็เดินอ้อมชายหนุ่มนั้นไป
สายตาของชายหนุ่มนั้นเย็นชา เขาหันกลับมาแล้วจ้องไปที่ร่างที่ผอมเพรียวของเจี้ยนเฉิน “ดูเหมือนพี่ชายจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง แล้วทำไมพี่ชายไม่ติดตราสัญลักษณ์ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงล่ะ ? “
“ตราสัญลักษณ์ ? ” เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงเริ่มคิด ภาพตราสัญลักษณ์หลากสีที่ถูกติดโดยเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลายคนที่เขาได้เห็นมาแล้วก็ลอยเข้ามาในหัว
“ดูเหมือนตรานี้จะถูกแจกจ่ายโดยสมาคม มันน่าจะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงฐานะของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง
หญิงสาวในชุดขาวข้างหน้าเจี้ยนเฉินที่ขี่สัตว์อสูรขั้นที่สี่มีท่าทางที่เย่อหยิ่ง นางเดินมาเพื่อจะดูขนาดร่างกายของเจี้ยนเฉิน แต่เมื่อนางเห็นรูปร่างของเจี้ยนเฉิน นางก็ประหลาดใจเล็กน้อย นางพูด “เจ้าค่อนข้างรูปงามเลยทีเดียว ด้วยท่าทางและการแต่งตัวของเจ้า เจ้าดูเหมือนจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง แต่เจ้าไม่มีตราสัญลักษณ์จากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ดังนั้นความสามารถของเจ้าน่าจะเพิ่งตื่นในฐานะที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและเจ้ายังไม่ได้ไปยืนยันตัวกับสมาคม”
“อะไรก็ช่างเถอะ ถึงจะจะเป็นระดับ 1 หรือไม่ใช่แม้แต่ระดับ 1 ข้าก็มองว่าเจ้าเป็นที่พอใจในสายตาของข้า ถ้าเจ้าให้ลูกเสือนั้นเป็นของขวัญแก่ข้า ข้าจะละเว้นเจ้าและให้เจ้าเป็นผู้ติดตามของข้า ตราบใดที่เจ้ายังติดตามข้าอยู่ ข้าจะสอนทักษะให้แก่เจ้า”
เจี้ยนเฉินมองขึ้นไปและจ้องไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่บนสัตว์อสูรด้านบน เขามองไปที่อกของหญิงสาวนั้น มีตราสัญลักษณ์สีเขียวอยู่
เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าสีแต่ละสีนั้นบ่งบอกถึงอะไร แต่เขาก็บอกได้ว่าสีเขียวนั้นค่อนข้างหายากในหมู่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เขาเห็นทั้งหมด 20 คนนั้น มีแค่สองสามคนเท่านั้นที่มีตราสีเขียว นอกนั้นเป็นสีน้ำตาล สีส้มหรือสีเหลือง
“ขอโทษด้วย ข้าไม่ขายเจ้าสัตว์ตัวน้อยนี้ แล้วก็ไม่ให้เป็นของขวัญด้วย” เจี้ยนเฉินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นเขาก็เดินต่อไปโดยไม่มองกลับมาเลย
“เจ้าไม่รู้จักสำเนียกตัวเองเอาซะเลย ! ” หญิงสาวผู้นั้นก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันที