เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดกลางทะเลดุร้ายกลับกลายเป็นคนจิตใจเมตตา อารมณ์ที่บอกถึงความตกใจถูกแสดงขึ้นบนใบหน้าของชายชราที่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีฟ้าและสีเหลืองจาง ๆ จากนั้นชายชราที่ขี่ปลาตัวใหญ่ก็ระบายยิ้มแล้วก็ค่อย ๆ คลายมือที่จับแผงคอปลาไว้ออกขณะมองรอบ ๆ ทะเลสีฟ้าคราม
หลังจากนั้นการแสดงออกที่บอกถึงการอุทิศตนแก่พระเจ้าและไร้ความกลัวก็แสดงขึ้นบนใบหน้า เขาจ้องแผ่นหนังสัตว์ในมือจางลี่เฉินพร้อมกับเหยียดแขนออกทั้งสองข้างก่อนจะทำท่าเหมือนกับกำลังสวดภาวนา
ทันใดนั้นแสงสีขาวที่นุ่มนวลก็เปล่งออกมาจากร่างของชายชรา ร่างกายของเขาเริ่มเลื่อนลอยทีละน้อย
ฉากที่แปลกประหลาดนี้สร้างความตกใจให้กับจางลี่เฉินเป็นอย่างมาก
ร่างกายของเขาแข็งทื่อ กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขานูนออกมาเหมือนกับชิ้นเหล็ก
แต่หลังผ่านไปได้ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็สังเกตได้ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่ออีกเลยนอกจากร่างของชายชราที่ค่อย ๆ กลายเป็นเหมือนลูกบอลแห่งแสงและร่างของเขาที่ค่อย ๆ หายไป
“ทำไมต้องพยายามทำตัวเองให้เป็นเหมือนหลอดไฟถ้าสิ่งที่จะทำคือการฆ่าตัวตาย? มันหมายความว่าอะไรกันแน่?” หลังจากผ่านไปราว ๆ 30 – 50 วินาทีจางลี่เฉินจ้องมองชายชราผู้ไร้ค่าที่ทิ้งเสื้อคลุมสีเทาของเขาไว้บนปลาแปลก ๆ ก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเอง “แปลงร่างตัวเองให้เป็นแสง คำที่คล้ายกับลูกอ๊อดบนหนังสัตว์… แต่มันไม่ใช่ภาษาที่เรารู้จักสักหน่อย … ไม่เข้าใจเลยสักนิด…”
จางลี่เฉินก้มหน้ามองแผ่นหนังสัตว์ในมือขณะพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ ตัวขีดเขียนที่เหมือนลูกอ๊อดแปลก ๆ ยังคงมีอยู่ดังเดิมทว่าตอนนี้เขากลับเข้าใจมันได้อย่างกับปาฏิหาริย์!
“ตอนที่ข้าไล่ตามการย้ายถิ่นฐานของชาวเงือกมาที่ทะเล ข้าลงเรือระยะไกลขนาดใหญ่มาโดยไม่ได้ตั้งใจจนมาถึงหมู่เกาะเฮลล์ไฟร์ที่เหล่าคนเถื่อนอาศัยอยู่ ที่นี่ข้าได้พบกับกลุ่มผู้ลี้ภัยที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เครื่องจักร และการเล่นแร่แปรธาตุที่ยอดเยี่ยม … ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นดูเหมือนจะอยู่บนเรือเหล็กเป็นประจำทุกวัน แต่แล้วพวกเขาก็ได้มาเปิดการตั้งถิ่นฐานเล็ก ๆ ขึ้นบนเกาะในที่สุด เมื่อพิจารณาจากวิธีที่คนเถื่อนของเกาะเฮลล์ไฟร์อนุญาตให้พวกเขาสร้างบ้านบนเกาะ ข้าสงสัยว่าพวกมันจะต้องได้รับบทเรียนที่โหดร้ายจากคนเหล่านั้นมาแล้วอย่างแน่นอน ข้ามีความสุขมากกับสิ่งนี้ ภายหลังข้าพบว่าผู้ลี้ภัยที่มาตั้งถิ่นฐานลงบนเกาะกลับปฏิบัติต่อคนเถื่อนอย่างอ่อนโยน พวกเขาแลกเปลี่ยนกระจกใสและขนมหวานสีดำที่ให้กลิ่นหอมแปลก ๆ กับคนเถื่อนเพื่อแลกกับเมล็ดพืชไร้ค่าและการปรับปรุงหน้าดินเพื่อนำเมล็ดเหล่านี้ไปใช้ ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นแหล่งการเกษตรกรรมที่ดี …”
เมื่อจางลี่เฉินอ่านมาถึงส่วนนี้ เขาสังเกตเห็นว่าถ้อยคำที่เขียนบนแผ่นหนังสัตว์ในมือของเขาใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว “ดูเหมือนจะเป็นไดอารี่ที่ไม่มีบริบทมากนัก…” จางลี่เฉินที่กำลังมึนงงอยู่กับตัวเองแต่แล้วเขาก็สังเกตได้ว่าถ้อยคำทั้งหมดที่ปรากฏอยู่บนแผ่นหนังเริ่มจางหายไปแล้วก็มีคำใหม่ ๆ ขึ้นมาแทนที่
“ข้าแกล้งทำเป็นคนเถื่อนที่อาศัยอยู่บนเกาะเฮลล์ไฟร์และทำการค้ากับผู้ลี้ภัย ยิ่งข้าใช้เวลากับพวกเขานานเท่าไรข้าก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงรังสีของเผ่าพันธุ์ที่มีอารยธรรมสูงจากพวกเขา … ภาษาของพวกเขาซับซ้อนมากแม้ว่าข้าจะมีคาถาความเข้าใจชั่วนิรันดร์ที่ได้รับมาจากซากปรักหักพังจากวัดโบราณไกอาก็ตาม ในที่สุดข้าก็ใช้เวลาถึง 12 วันเต็มในการสื่อสารกับพวกเขา … วันนี้คือวันที่ 12 ความเข้าใจชั่วนิรันดร์มีผลแล้วและข้าก็ได้เรียนรู้ว่าขนมหวานนั้นเรียกว่า ‘ช็อคโกแลต’ ช่างเป็นชื่อที่แปลกแต่อร่อยมาก ข้าจะบอกผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ในภายหลังว่าพวกเขาตัดสินใจผิดที่เลือกเป็นพันธมิตรกับพวกคนเถื่อนโหดร้าย คนที่มีอารยธรรมก็ควรเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับคนที่มีอารยธรรมแทน เช่นเดียวกับพวกเรา นครรัฐคัททามาน …”
“โอ้พระเจ้า ข้าเข้าใจผิด! มันเป็นความผิดพลาดที่ต้องรีบกลับไปฝังหลุมให้ตัวเอง! การเดินทางจากเรือไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นจะเป็นผู้ลี้ภัย! แต่พวกเขามาจากโลกอื่นต่างหาก! คำอธิบายที่แปลกประหลาดที่เขียนโดยพระเจ้าโบราณไกอา ในมหากาพย์ ‘ศตวรรษ’ เป็นเรื่องจริง! มีโลกอื่นอยู่จริง ๆ! เป็นไปได้หรือไม่ที่หลายล้านปีที่แล้วหลังจากเกิด ‘ภัยพิบัติหกวัน’ โลกของเราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สำคัญของ ‘โลกใบใหญ่’ และไร้คู่แข่งมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง? วันพรุ่งนี้ข้าจะออกจากเกาะและกลับไปบอกเล่าถึงการบุกรุกของคนพวกนี้แก่ดินแดนที่มีอารยธรรมทุกแห่ง พวกนี้มา … พวกคนเถื่อนบนเกาะเฮลล์ไฟร์พบถ้ำที่ข้าอาศัยอยู่แล้ว ภายใต้ความหวาดกลัว ข้าลืมเรื่องความเข้มงวดของตัวเองไปจนหมดสิ้น คนเถื่อนพวกนี้ไม่ยอมฟังคำอธิบายของข้าเลยสักนิดแถมยังทุบตีข้าอีก! ข้ารีบหนีไปที่ชายหาดด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีและขึ้นขี่ดอลฟิชขนปุยเพื่อหลบหนีมา … ”
“ถึงสัตว์ร้ายทางทะเลที่เป็นมิตร ข้าเสียสละชีวิตที่ไม่มีเวลาเหลือมากพอเพื่อร่ายคาถาความเข้าใจนิรันดร์เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใจเนื้อหาของคำที่ข้าเขียนลงบนกระดาษหนังหมาป่าวิเศษนี้ได้ เช่นเดียวกับความฉลาดของไกอา แม้เราจะมีความแตกต่างด้านเชื้อชาติ แต่ข้าหวังว่าท่านจะสามารถทิ้งความเกลียดชังที่ท่านมีและโปรดส่งสารบันทึกนี้ของข้าแด่ท่านลอร์ดอาเดีย ผู้มีอำนาจสูงสุดในการจัดการเมืองบลูเวล นครรัฐคัททามาน โปรดใช้เสื้อคลุมสีเทาของข้ามาเป็นสัญลักษณ์และบอกเขาว่าท่านคือผู้ส่งสารของ อามานด์นิก นักสำรวจแห่งหมอกแล้วเขาจะเข้าใจได้เอง เมื่อถึงเวลานั้นโปรดมอบกระดาษหนังหมาป่าวิเศษแก่ลอร์ดอาเดียและท่านจะได้รับรางวัลอย่างเหมาะสม ไม่เพียงเท่านั้นแต่ท่านยังอาจกลายเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์โลกใบนี้เลยก็ได้! เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับโลกทั้งใบของเรา ข้าภาวนาขอให้ท่าน สัตว์ทะเลที่ใจดีส่งต่อข่าวไปยังทุก ๆ ที่ … “
จางลี่เฉินอ่านเนื้อหาในม้วนกระดาษจากหนังหมาป่าวิเศษทั้งหมดเพียงอึดใจเดียวก่อนจะจมลึกอยู่ในความคิดของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
คำอธิบายของพระเจ้าโบราณเกี่ยวกับ มหากาพย์ “ศตวรรษ”, ภัยพิบัติหกวัน,
โลกใบใหญ่ที่ดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นในบริบทของการเชื่อมโยงระหว่าง ‘บุ๊กมาร์ก’ และ ‘หน้า’ ที่เขารู้มาก่อนซึ่งบ่งชี้ไปที่ความเป็นจริง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มมองไม่เห็นเลยว่าอะไรกันแน่คือความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของการเชื่อมต่อ
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลสหรัฐฯถึงเลือกปฏิบัติต่ออาณาจักรเหนือธรรมชาติที่ค้นพบด้วยทัศนคติที่แตกต่างกัน ในฐานะมนุษย์บนโลก แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาที่จะเลือกปกป้องตำแหน่งของโลกตัวเอง
จางลี่เฉินแกล้งทำเป็นตาบอดเหมือนไม่เคยได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ด้วยมือทั้งสอง เขาจับแผ่นหนังสัตว์จนแน่นมือขณะพึมพำกับตัวเอง “อามานด์นิก เรื่องนี้มีความสำคัญต่อโลกของคุณอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่คุณมอบความไว้วางใจนี้ให้ผิดคน” จากนั้นเขาก็ออกแรงเพื่อฉีกมันออกจากกัน
เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าการแผ่นหนังสัตว์นี้จะถูกฉีกออกจากกันเป็นสองส่วน แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบกว่าแผ่นหนังนี้ไม่มีร่องรอยของการฉีกขาดออกจากกันปรากฏอยู่เลยแม้แต่น้อย
ด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก เขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองแต่แล้วความพยายามของเขาก็ยังไร้ผล
“ยากเหลือเกินนะ …” จางลี่เฉินเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนพลางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย กล้ามเนื้อของเขานูนโป่งมากกว่าที่เคยขณะที่ร่างของเขาค่อย ๆ ขยายตัวกลางทะเล จาก 3 เมตรเป็น 4 เมตร … จนกระทั่งเขาเปลี่ยนเป็นยักษ์ที่มีความสูงถึง 9 เมตรจนมือทั้งสองข้างแทบจะจับแผ่นหนังเอาไว้ไม่ได้ ด้วยพลังทั้งหมดที่มี ชายหนุ่มกัดฟันกรอดจนใบหน้าของเขาถูกฉาบไว้ด้วยความดุร้ายและในที่สุดเขาก็สามารถฉีกแผ่นหนังม้วนเล็ก ๆ นี้ได้สำเร็จ
ทันทีที่แผ่นหนังหมาป่าวิเศษเริ่มฉีกขาด แสงสลัว ๆ จาง ๆ ได้ปรากฏออกมาจากรอยก่อนจะไล่แสงไปตามแผ่นหนังด้วยความเร็วที่เร็วมากเพื่อเข้าสู่ฝ่ามือของจางลี่เฉิน
จากนั้นไม่นาน ความเจ็บปวดที่รุนแรงก็ได้แล่นผ่านสมองของเขาและตามมาด้วยความรู้สึกรู้แจ้ง
ด้วปฏิกิริยาแบบนั้น แผ่นหนังสัตว์ที่ถูกฉีกขาดออกจากกันโดยไม่รู้ตัวโดยชายหนุ่มที่กำลังงงงัน ในที่สุดมันก็ขาดออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อการฉีกขาดเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นแสงสว่างสีขาวจาง ๆ ก็เริ่มไหม้บนแผ่นหนังและในที่สุดมันก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ตอนนั้นเองที่จางลี่เฉิงหวนกลับสู่ความเป็นจริงและในมือทั้งสองของเขาก็ว่างเปล่าเสียแล้ว
เขาไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาได้ใช้วิธีที่โหดร้ายและเรียบง่ายที่สุดในการทำลายอามานด์นิก ชายชราจากอาณาจักรเหนือธรรมชาติแห่งนิรันดร์อันหาที่เปรียบมิได้ ความเข้าใจคาถาที่อามานด์นิกต้องการมอบให้กับดินแดนของเขาได้ถูกทำลายผ่านมือของ “สัตว์ประหลาดใจดีในท้องทะเล” โดยไม่รู้ตัวผ่านช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิต
ถึงแม้จะสับสนแต่ชายหนุ่มก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วปรบมือเพื่อกลับไปที่ความสูงกว่าสองเมตร ไม่มีเวลาให้มาสิ้นเปลืองอีกต่อไป เขาขึ้นขี่เวิร์มดราก้อนและบินกลับไปในอากาศเพื่อเดินทางค้นหาเส้นทางของเขาต่อ
หลาย 10 ชั่วโมงผ่านไป เมื่อจางลี่เฉินรู้สึกหิวเมื่อไหร่เขาจะกินปลาดิบที่ได้จากในทะเล เมื่อเขากระหายน้ำเขาจะใช้ประโยชน์จากร่างกายที่แข็งแรงของเขาหลังการเปลี่ยนแปลงและดื่มน้ำทะเลเย็น ๆ ที่สดชื่น
พระอาทิตย์ขึ้นและตกผ่านไปแล้ว 3 ครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้เห็นเกาะขนาดใหญ่ที่ทอดยาวหลายร้อยไมล์ต่อหน้าต่อตาในตอนเช้าที่ปลายสุดของท้องฟ้าและมหาสมุทร ไม่เพียงแค่นั้นแต่เกาะนั้นยังดูเหมือนจะมีเรือขนาดใหญ่หลายลำจอดอยู่รอบ ๆ อีกด้วย
“เรือ! หาดูจากรูปลักษณ์ของมันแล้ว…มันเหมือบกับเรือรบบนโลกไม่มีผิด…!” ด้วยความตื่นเต้นตกใจ ชายหนุ่มออกคำสั่งให้เวิร์มดราก้อนลอยขึ้นไปในอากาศอย่างต่อเนื่องและบินไปตามเมฆและหมอกเพื่อปิดบังตัวเองขณะที่เขายังคงมุ่งหน้าไปยังเกาะขนาดใหญ่
ในขณะที่เขาเริ่มเข้าใกล้มากขึ้น เขาก็พยายามเพ่งสายตามองผ่านก้อนเมฆ จากนั้นภาพที่เห็นก็เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น บนเรือรบที่จอดอยู่แต่ละลำจะติดป้าย ‘ชิมพ์ 201’ ถึง ‘ชิมพ์ 205’
บนชายฝั่งใกล้กับเรือรบเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงคอนกรีตที่แข็งแรง เป็นบรรยากาศแบบเดียวกันกับหมู่บ้านทั่ว ๆ ไปในอเมริกา
ชาวพื้นเมืองจากอาณาจักรเหนือธรรมชาติหลายคนถือกระเป๋าผ้าใบลายพรางของกองทัพเรือสหรัฐฯที่เต็มไปด้วยผลไม้แปลก ๆ หลากชนิดขณะที่พวกเขาเดินผ่านประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่เปิดกว้างเพื่อเข้าไปในเมืองและค้าขายกับทหารสหรัฐฯด้วยรอยยิ้ม
ชาวพื้นเมืองซื้อขายแร่ เมล็ดพืช และแม้แต่สิ่งของที่แกะสลักด้วยมือในขณะที่ทหารสหรัฐฯทำการค้าด้วยผ้าห่ม เครื่องแต่งตัว ผ้าผืนเล็กที่ทนทาน ช็อคโกแลตแคลอรี่สูงและบิสกิต
ถ้าจางลี่เฉินเก่งเรื่องวิชาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ตะวันตกเขาจะคิดออกในทันทีว่าฉากที่เขาเห็นอยู่นี้คล้ายคลึงกับฉากการค้ากับอินเดียหลังจากที่ยุโรปได้สร้างการตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเป็นครั้งแรก
น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่มีความรู้ในเรื่องนี้นัก เนื่องจากได้พบกับความหวังในการกลับโลก เขาจึงรีบวนรอบเกาะยักษ์กลางอากาศหลังจากได้พบเกาะ หลังจากใช้เวลา 3 – 4 ชั่วโมงในที่สุดเขาก็พบชายหาดที่ครั้งหนึ่งอลิซาเบธฮอลิเดย์เคยติดอยู่
หนึ่งในเสาหินขนาดใหญ่ที่ติดกับเรือก่อนหน้านี้ที่ถูกโครโคดราก้อนกัดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรก็ตามต้นเสาที่เหลือยังคงมีอยู่บนชายฝั่ง
จางลี่เฉินสั่งให้สัตว์อาคมของตัวเองเคลื่อนไหวไปอยู่ข้าง ๆ เสาหินแล้วกระโดดลงพื้น
เขายืนอยู่บนชายหาดด้วยความระมัดระวังและหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในความทรงจำของเขาวัน อลิซาเบธฮอลิเดย์น่าจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางนั้นก่อนที่จะกลับสู่ทะเลนอกนิวยอร์กได้ในที่สุด